ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1271 ช่วยเหลือ
ผู้อาวุโสวั่นเจิงและผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนมองตามนิ้วของเขา ทันใดนั้นเขาก็พูดอันใดไม่ออกเลย
เขาเห็นเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มียอดเขาลูกหนึ่งที่ตั้งตระหง่าน
ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้ต่างกับยอดเขาลูกอื่น แต่ในเวลานี้มันกลับกลายเป็นจุดสนใจเพียงหนึ่งเดียว
เมฆฝนรวมตัวกันอยู่บนฟ้า ก่อเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ จนเกือบจะเชื่อมต่อกับภูเขาลูกนั้นแล้ว
พายุและสายฟ้ารวมตัว มันกู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง ราวกลับสามารถทำลายภูเขาลูกนี้ได้ตลอดเวลา
ด้านล่างของภูเขาลูกนั้นมีสัตว์อสูรจำนวนมากมาล้อมทั้งสี่ทิศตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ!
บ้างก็คืบคลานอยู่บนโขดหิน บ้างก็ปีนอยู่บนต้นไม้ บ้างก็หลบซ่อนตัวอยู่ในภูเขา
สรุปแล้วก็คือทั้งสี่ทิศแปดทางมีสัตว์อสูรนานาชนิดมารวมตัวกัน!
แค่กวาดสายตามองก็รู้ว่าระดับต่ำสุดคือระดับเก้า สัตว์อสูรที่อยู่ด้านนอกสุดและด้านในสุดล้วนเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์!
แรงกดดันของอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่ง ทำให้ผู้คนตกใจอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่มีจำนวนมากขนาดนี้
แววตาที่เย็นชาจำนวนนับไม่ถ้วนมุ่งจ้องไปยังยอดเขาลูกนั้น พร้อมยังแฝงประกายจิตสังหารที่โลภมากอีกด้วย!
เหมือนว่าพื้นที่แห่งนั้นจะถูกแช่แข็ง ทำให้ขนลุกชูชันโดยไม่รู้ตัว
เพียงแค่มองจากที่ไกลๆ ก็ทำให้คนหายใจไม่ออกแล้ว!
ผู้อาวุโสวั่นเจิงและผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นภาพเหตุการณ์แบบนี้!
“นี่มัน…”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงอ้าปากค้าง ริมฝีปากซีดขาว
“ฉู่เยว่ล่ะ?”
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“เขา…เขาอยู่ภายในถ้ำในเขาลูกนั้น”
ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ว่าใครก็สามารถเดาถึงตำแหน่งของฉู่เยว่ได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองท่านนี้คือผู้อาวุโสที่มีความรู้ความสามารถ
แต่ว่าเขาไม่อยากจะเชื่อเท่านั้นเอง
เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากเกินไป และน่ากังวลอย่างยิ่ง!
“เหตุใดเขาถึงอยู่ที่นั่นล่ะ? ไม่ ไม่ใช่สิ…ตอนนี้เขายังสบายดีหรือไม่?”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงจับข้อมือของผู้อาวุโสอวี๋อวี้แน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
หลังจากรู้ว่าเขากำลังเป็นห่วง ผู้อาวุโสอวี๋อวี้จึงรีบอธิบายขึ้นว่า
“วางใจเถอะ ตอนนี้เขาไม่เป็นไร!”
แต่ผู้อาวุโสวั่นเจิงก็ยังไม่สามารถวางใจลงได้
…ต่อให้ตอนนี้เขาไม่เป็นอันใด แต่ก็มีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งรายล้อม ใครจะรับประกันได้ว่าต่อไปมันจะเกิดอะไรขึ้น?
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนใจเย็นมากกว่านิดหน่อย หลังจากมองสถานการณ์โดยรอบอย่างละเอียดแล้ว ในแววตาก็มีประกายความสงสัยเกิดขึ้น
“ฉู่เยว่เตรียมตัวจะทะลวงด่านหรือ?”
การที่จะทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้พยักหน้า
“แต่เขาเป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับเจ็ดขั้นกลางไม่ใช่หรือ ต่อให้จะทะลวงด่าน ก็ไม่มีทางทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่รุนแรงขนาดนี้…”
“เขาไม่ได้จะทะลวงจอมยุทธ์ระดับเจ็ดขั้นสูงสุด” ผู้อาวุโสอวี๋อวี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “เขากำลังทะลวงจอมยุทธ์ระดับแปด!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงหันไปมองเขาอย่างตกใจ แล้วขมวดคิ้วมุ่น
“เป็นไปได้อย่างใด!”
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้ไม่ได้พูดอันใด แต่ก็มองมาที่เขาอย่างจนปัญญา
เรื่องแบบนี้ เขาไม่จำเป็นจะต้องโกหก
“พูดถูกต้อง นี่ไม่ใช่การดึงดูดพลังแห่งสวรรค์และโลกสำหรับทะลวงด่านจอมยุทธ์ระดับเจ็ดขั้นสูงสุด…ข้าคิดว่าสถานการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อเป็นการทะลวงด่านจอมยุทธ์ระดับเก้า”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกวาดสายตามองสัตว์อสูรที่อยู่โดยรอบ จากนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา
“ต้องโทษที่ตอนแรกข้าไม่ได้พูดให้เจ้าเด็กคนนั้นฟังอย่างชัดเจน ตอนนี้ถึงได้ก่อเรื่องแบบนี้ขึ้นได้…”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงลูบหน้าตนเองอย่างแรง
“ไม่ นี่เป็นความบกพร่องในหน้าที่อาจารย์ของข้าเอง”
ระหว่างทางเดินมาในวันนั้น เขาได้บอกกับฉู่เยว่ไปหลายเรื่อง แต่ลืมบอกเรื่องนี้
เมื่อรู้ว่าเจ้าเด็กคนนั้นมีพรสวรรค์อย่างมาก เหตุใดถึงลืมเรื่องสำคัญเช่นนี้ไปได้!
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนตบไหล่ของเขาอย่างปลอบใจ
“วั่นเจิง เรื่องนี้มันก็ผ่านไปแล้ว พวกเราหยุดโทษกันเองกันก่อนเถอะ ช่วยฉู่เยว่ออกมาก่อนถึงจะสำคัญที่สุด”
ท้ายที่สุดแล้วฉู่เยว่ก็เพิ่งจะอยู่ระดับเจ็ดขั้นกลางได้ไม่นาน ใครจะไปคิดเล่าว่าเขาจะทะลวงด่านได้เร็วขนาดนี้?
อีกทั้งตอนนี้กำลังจะเป็นจอมยุทธ์ระดับแปดแล้ว!
เรื่องต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก กะทันหันมาก ทำให้พวกเขาไม่มีเวลาที่จะตอบสนองเลย
ผู้อาวุโสวั่นเจิงมีใบหน้าเศร้าหมอง
“ช่วย? ในสถานการณ์แบบตอนนี้แล้วยังจะช่วยอย่างใด?”
ในเวลาปกติแล้วสัตว์อสูรเหล่านี้ค่อนข้างจะมีเหตุมีผล แต่นี่เป็นสถานการณ์พิเศษ พวกมันถูกขับเคลื่อนด้วยความโลภ จึงไม่ฟังอันใดทั้งนั้น
หากจะไปบังคับมันยิ่งเป็นไปไม่ได้
ต่อให้พวกเขาทั้งหลายร่วมมือกัน ก็ยังไม่มีทางเอาชนะได้
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้เห็นว่าใบหน้าของผู้อาวุโสทั้งสองเต็มไปด้วยความกังวล เขาจึงพูดเสริมว่า
“ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่มีที่ให้หันหลังกลับ แต่ตอนนี้ฉู่เยว่ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว พวกเจ้าดูสิ ตำแหน่งตรงไหล่เขานั้น…”
ทั้งสองคนมองตามคำพูดของเขา
“นั่นมัน…อสูรสันหลังเหล็ก?” หางตาของผู้อาวุโสวั่นเจิงกระตุกขึ้น
“ถูกต้อง อสูรสันหลังเหล็กตัวนี้ไม่ได้โจมตีฉู่เยว่ อีกทั้ง…ยังปกป้องเขาด้วย”
เมื่อเขาพูดจบ ผู้อาวุโสวั่นเจิงและผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็มองมาด้วยสายตาประหลาดใจ
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้หัวเราะออกมาอย่างขื่นขม
“นี่เป็นเรื่องจริง เพื่อ…”
โฮก!
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามเสียงหนึ่งดังมาจากสถานที่ไกลๆ
เจ็บปวด สิ้นหวัง!
พวกเขาทั้งหลายจึงหันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่าบริเวณยอดเขามีสัตว์อสูรสองตัวกำลังสู้กัน
ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูกต้องก็คือ…มันถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว!
ฝ่ายที่กำลังโจมตีอย่างบ้าคลั่ง มีร่างสีน้ำตาลทั้งกาย และมีจุดสีทองแต้มอยู่ มันคืออสูรศักดิ์สิทธิ์เสือดาวสุวรรณเมฆา
ตรงพื้นด้านหน้าของมัน มีร่างโชกเลือด มันคือลูกอสูรสันหลังเหล็กที่กำลังจะตายแล้ว
เข็มเหล็กที่อยู่บนหลังของมันถูกทำลายไปส่วนใหญ่แล้ว บนร่างกายของมันมีบาดแผลอยู่ทั่วทุกที่ แทบจะไม่มีส่วนไหนดูได้เลย
ส่วนใหญ่แล้วมันจะถูกเสือดาวสุวรรณเมฆาสร้างรอยกัดเอาไว้
“นั่นคือลูกของอสูรสันหลังเหล็กตัวนั้น”
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้ทอดถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“เพื่อคุ้มกันฉู่เยว่ ก่อนหน้านี้แม่ของมันจึงเลือกที่จะปักหลักเฝ้าอยู่ที่นี่ ไม่ลงไปช่วยมัน”