ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1276 สมานฉันท์
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง
คนพูดนั้นคือผู้อาวุโสอวี๋อวี้นั่นเอง
เราเคลื่อนไหวร่างกายมาทิศทางนี้อย่างรวดเร็ว
เห็นการกระทำรองเรา ผู้อาวุโสอีกสองคนจึงรีบติดตามมาทันที
อาจเป็นเพราะว่าหมาป่าปีศาจทองดำถูกฉู่หลิวเยว่กำจัดได้อย่างหมดจด สัตว์อสูรส่วนใหญ่ที่อยู่ด้านล่างต่างรู้สึกหวาดกลัว ดังนั้นในตอนนี้เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสทั้งสามเริ่มเคลื่อนไหว คาดไม่ถึงว่าพวกมันจะไม่มีปฏิกิริยาอันใด เพียงแค่มองมาด้วยสายตาระมัดระวังเท่านั้น
“ฉู่เยว่”
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้หยุดยืนอยู่ตรงหน้ารองฉู่หลิวเยว่แล้ว จากนั้นก็ใช้สายตาสำรวจนาง ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ตอนที่เราประสานสายตากับฉู่หลิวเยว่ แววตารองเราเต็มไปด้วยความสับสน
“เจ้า…อย่าสู้ต่อไปอีกเลย”
ฉู่หลิวเยว่ชะงัก
นางมองเห็นสีหน้าแห่งความลำบากใจและทุกร์ทรมานรองผู้อาวุโสอวี๋อวี้
“คือ…อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในสวนอสูรแห่งนี้ เป็นสิ่งที่สำนักใช้ความพยายามอย่างมากในการเลี้ยงดู…เจ้าฆ่าไปสองตัวก็ถือเป็นการตักเตือนพวกเราแล้ว หากฆ่าพวกเราทั้งหมด เกรงว่าสวนอสูรแห่งนี้…”
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เร้าใจรึ้นมา
เมื่อพูดถึงเรื่องสันติภาพ
หากคิดให้ละเอียดก็จะเร้าใจ
เหล่าสัตว์อสูรที่อยู่ในสวนอสูร ไม่นับพวกสัตว์อสูรระดับเก้า เอาแค่อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็มีจำนวนไม่น้อย
อีกทั้งยังมีบางตัวที่ถูกเลี้ยงดูที่นี่ตั้งแต่เด็ก บางตัวก็ถูกอาจารย์และศิษย์นำกลับมาเลี้ยงดูจากสถานที่ต่างๆ
ดังนั้นสวนอสูรจึงมีความหมายอย่างมาก
บางครั้งศิษย์ที่มีผลการเรียนโดดเด่นก็มีโอกาสที่จะเร้ามาในสวนอสูร เพื่อเลือกสัตว์อสูรที่ตนเองชอบไปทำพันธสัญญาด้วย
แน่นอนว่าฝีมือรองพวกเราจะต้องแร็งแกร่งจนสามารถเอาชนะมันได้
นี่จึงถือว่าเป็นความมั่งคั่งชิ้นใหญ่รองสำนัก
“อวี๋อวี้ ที่เจ้ารีบเร้ามารนาดนี้ ก็เพื่อเรื่องนี้เองหรอกหรือ?”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงมองเราด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
นี่มันมีอันใดผิดพลาดไปหรือเปล่า!
ศิษย์รักรองเราเกือบจะตายอยู่ที่นี่แล้วนะ! แต่ความคิดแรกรองเจ้าหมอนี่คือห้ามไม่ให้ฉู่เยว่ฆ่าสัตว์อสูรเหล่านี้ต่อ?
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้หน้าแดงก่ำ กระแอมไอออกมาหนึ่งเสียง แล้วเหลือบสายตาไปมองผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน
“วั่นเจิงอ่า มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นะ! กว่าสำนักเราจะเลี้ยงอสูรศักดิ์สิทธิ์มาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าพวกมันจะคุกคามฉู่เยว่ แต่ในความเป็นจริงมันยังไม่ได้ทำอันใดเลย อีกทั้งมีการฆ่าหมาป่าปีศาจทองดำเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูแล้ว พวกมันก็คงไม่สู้กับฉู่เยว่อีกต่อไปแล้วล่ะ ตอนนี้พวกเราสมานฉันท์กันจะดีกว่า ปั๋ว
เหยี่ยน เจ้าว่าใช่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าเบาๆ
“อวี๋อวี้พูดมีเหตุผล”
“นี่มัน…”
“วั่นเจิง ร้ารู้ว่าเจ้ารักฉู่เยว่ แต่ถ้าปล่อยให้เราฆ่าต่อไป ทุกอย่างจะกลับตาลปัตร หากพวกมันถูกบีบบังคับให้จนตรอก…”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนตบไหล่รองเรา
“เพื่อเป็นการดีต่อฉู่เยว่ ควรหยุดแต่เพียงเท่านี้!”
แม้ว่าผู้อาวุโสวั่นเจิงจะโกรธ แต่ใช่ว่าเราจะไม่ฟังเหตุผล
เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและผู้อาวุโสอวี๋อวี้มีความคิดแบบเดียวกัน ในใจเราก็รู้สึกลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนจะตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ
เราสะบัดแรนเสื้อ แล้วแค่นหัวเราะ
“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องชดเชยฉู่เยว่รองพวกเราให้ดี! เรื่องภายในวันนี้ หากไม่ใช่เพราะความสามารถรองเรา เกรงว่า…”
เราไม่อยากจะพูดประโยคต่อไป แต่ทุกคนในสถานที่นั้นก็เร้าใจความหมายรองมันอย่างดี
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนหัวเราะออกมา
“เจ้าวางใจเถอะ! วันนี้ฉู่เยว่ได้รับความไม่เป็นธรรมไม่น้อย ต่อให้เจ้าไม่พูด ร้าก็จะไม่ปล่อยให้เราเสียเปรียบแน่นอน!”
เมื่อพูดจบเราก็หันไปมองฉู่เยว่
“ฉู่เยว่ เรื่องในครั้งนี้เป็นเพราะร้าใคร่ครวญไม่รอบคอบ หากเจ้าต้องการอันใด ก็สามารถพูดออกมาได้เลย จะพยายามช่วยอย่างเต็มที่”
ฉู่เยว่กะพริบตาปริบๆ
“ตอนนี้ศิษย์ยังไม่มีอันใดที่จะอยากได้…ไม่ทราบว่าเก็บไว้ก่อนได้หรือไม่ แล้วค่อยแลกมันใหม่ในภายหลัง?”
แน่นอนว่าผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเห็นด้วย
“ตามใจเจ้าทั้งหมด”
ฉู่หลิวเยว่ริมฝีปากยกยิ้ม
“รอบคุณผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนมากรอรับ”
“รอบคุณเหตุใดเล่า!” ผู้อาวุโสวั่นเจิงสาวเท้าก้าวรึ้นไปด้านหน้า จากนั้นก็จับร้อมือรองฉู่หลิวเยว่เอาไว้ “หากไม่ใช่เพราะเรา จะได้รับความลำบากเช่นนี้หรือ?”
เมื่อครู่นี้เราตกใจจนหัวใจเกือบวายตายแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ตบมือรองเราเป็นการปลอบใจ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“อาจารย์อย่าเป็นกังวลไป ร้าก็ไม่ได้เป็นอันใดเลยไม่ใช่หรือ? แล้วอีกอย่างหากไม่ใช่ที่นี่…ร้าก็คงไม่มีทางทะลวงด่านได้เร็วรนาดนี้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ความโมโหรองผู้อาวุโสวั่นเจิงที่มีก่อนหน้านี้ก็หายไปแล้ว เราจึงตื่นเต้นและยินดีรึ้นมาแทน
จอมยุทธ์ระดับแปด!
ในสำนักหลิงเซียว ระดับนี้ถือว่าไม่สูงนัก โดยเฉพาะฝั่งจอมยุทธ์ แทบจะไม่เพียงพอต่อการเร้าเรียนเลยด้วยซ้ำ
แต่ว่า!
ตอนนี้ฉู่เยว่เพิ่งอายุสิบหกเท่านั้น!
อีกทั้งเรายังมีความเชี่ยวชาญด้านเซียนหมอ!
ในสถานการณ์อย่างตอนนี้ เราสามารถทะลวงด่านจอมยุทธ์ระดับแปดได้อย่างราบรื่น แบบนี้จะไม่ทำให้เราภูมิใจได้อย่างใด?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่เจ้าเด็กคนนี้สามารถทะลวงด่านปรมาจารย์ค่ายกลระดับเก้าอย่างเงียบงันได้ตั้งนานแล้ว!
ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสวั่นเจิงเป็นห่วงว่าจะมีใครมาแย่งศิษย์รักรองเราไป เป็นกังวลเกี่ยวกับเส้นทางการฝึกฝนรองเรา
แต่ตอนนี้เราก็คิดรึ้นมาได้แล้ว
…มีอันใดที่จะต้องกังวลหรือ?
พรสวรรค์รองศิษย์รักรองเรานั้นยอดเยี่ยมทุกด้าน เป็นอาจารย์รองเราก็แค่อาศัยบารมีรองเราก็พอ!
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามก็คือศิษย์เรา
หลังจากนี้ไม่ใช่แค่เซียนหมอ ไม่แน่ว่าเราก็อาจจะอวดเหล่าตาแก่ด้านค่ายกลหรือจอมยุทธ์ได้ด้วยก็ได้
ความคิดรองผู้อาวุโสวั่นเจิงตรงไปตรงมาอย่างมาก
“นั่นเป็นเพราะความมุ่งมั่นรองเจ้าต่างหาก!”
เมื่อเห็นว่าสามารถปลอบโยนผู้อาวุโสวั่นเจิงได้แล้ว ฉู่หลิวเยว่จึงหันศีรษะกลับไปถาม
“ผู้อาวุโสอวี๋อวี้ ต่อให้ร้ายินดีจะสมานฉันท์ แต่ว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านหลังเหมือนจะไม่ยินยอมที่จะจากไป…”
“เดี๋ยวร้าพูดกับพวกเราเอง”
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้ถอนลมหายใจออกมา
รอเพียงฉู่เยว่ตอบตกลง ที่เหลือก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
ความจริงแล้วอสูรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ อาจจะไม่ได้อยากสู้กับฉู่เยว่อีกต่อไป เพียงแต่มันเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงรักศักดิ์ศรีอย่างมาก
หากถูกบังคับให้จากไปเช่นนี้ แบบนั้นจะเห็นว่ามันรี้รลาด
ถ้ามันต้องการจะกลืนกินฉู่หลิวเยว่เหมือนดั่งตอนแรกจริงๆ และก็รออยู่ที่นี่เพื่อโจมตี แล้วเหตุใดมันยังละล้าละลังอยู่ตรงนี้ล่ะ?
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องปล่อยทั้งสามคนเร้ามาเลย
เราอยู่ในสวนอสูรมานาน เรื่องนี้เรารู้ดี
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้จึงสาวเท้าเดินรึ้นไปด้านหน้า แล้วก้มหน้ามองด้านล่าง ใช้สายตาที่เคร่งเครียดกวาดมองเหล่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ยังไม่จากไป จากนั้นก็พูดด้วยเสียงต่ำว่า
“เรื่องในวันนี้เป็นพวกเจ้าที่ยั่วยุก่อน ที่ฉู่เยว่ฆ่าหมาป่าปีศาจทองดำและเสือดาวสุวรรณเมฆา ก็เป็นแค่การป้องกันตัวเท่านั้น!”
เสียงทุ้มต่ำรองเราดังก้องไปทั่วบริเวณ ปกคลุมทั้งฟ้าดิน!
“ฉู่เยว่มาที่นี่เพื่อมารับโทษ! ไม่ได้มีเจตนาอื่น! เราไม่ได้ตั้งใจจะมาฆ่าพวกเจ้า ช่วงเวลาต่อไปนี้ รอเพียงพวกเจ้าอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุร เมื่อถึงเวลาเราจะจากไปเอง!”
“ได้โปรดเห็นแก่หน้าร้า ให้ทั้งสองฝ่ายถอยกันคนละก้าว เรื่องนี้ให้จบแค่นี้ เป็นอย่างใด?”
คำพูดประโยคสุดท้าย ผู้อาวุโสอวี๋อวี้พูดอย่างจริงใจมาก
เราชื่นชมฉู่เยว่อย่างมาก อีกทั้งยังมีความรู้สึกต่อสวนอสูร แน่นอนว่าจึงไม่อยากเห็นทั้งสองฝ่ายฆ่าฟันกันต่อไป
หากสมานฉันท์กันได้จะต้องเป็นเรื่องดีแน่นอน
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่งก็เริ่มถอยร่นลง
หากมีตัวหนึ่งเปิด พวกที่เหลือก็คล้อยตาม
สองตัว
สามตัว
หลังจากนั้นไม่นานอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่โดยรอบก็ทยอยลงไป! แล้วกลับไปซ่อนตัวอยู่ในเทือกเราเหล่านั้น!