ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1280 รีดไถให้หมดตัว
ดวงตาของอสูรด่างหูเงินฉายแววตื่นตระหนก
มันรู้ตัวดีว่ามันได้ฝ่าฝืนกฎทำเรื่องต้องห้ามลงไป และหากอีกฝ่ายจักโกรธเคืองนั้นย่อมมิใช่เรื่องแปลก
หากแต่… มันรออยู่ที่นี่ทั้งคืน กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของฉู่หลิวเยว่ แถมยังแอบคิดว่านางคงไม่รู้กฎของสวนอสูร จนมันมั่นใจว่าจะไม่ถูกจับได้ และคิดใช้โอกาสนี้หาทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง
แต่ใครจะรู้ว่าแค่มันเพิ่งลงมือทำ ก็มีคนแห่มากันแล้ว!
มันส่งเสียงครวญครางเบาๆ และสะบัดชิ้นส่วนเล็กๆ บนตัวออกไป
หลังจากกำจัดสิ่งเหล่านี้ออกจากร่างกายแล้ว มันก็ก้าวถอยหลังแล้วก้มหัวลง
ราวกำลังขอความเมตตา
แต่น่าเสียดายที่กลยุทธ์เช่นนี้ใช้กับฉู่หลิวเยว่ไม่ได้
“สำนึกผิดเช่นนี้ รู้ตัวใช่หรือไม่ว่าทำอันใดลงไป?”
คำพูดของฉู่หลิวเยว่ยิ่งทำให้อสูรด่างหูเงินร้อนรนมากขึ้น
เพราะตอนที่หมาป่าปีศาจทองดำถูกฆ่าตายเมื่อวาน มันเองก็อยู่ที่นั่น
และเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเต็มสองตา!
กำลังของมันน้อยกว่าปีศาจทองดำนัก หากอีกฝ่ายคิดจะฆ่ามันด้วย เช่นนั้นมันก็น่าจะตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?
อสูรด่างหูเงินถอยหลังไปอีกก้าว หางของมันกวัดแกว่งไปมาอยู่หว่างขา ดูราวตื่นตระหนกและหวาดกลัว
ดวงตาสองข้างกลับกลอกไปมาราววางแผนเอาตัวรอด
พรึบ!
แต่ทันใดนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็เคลื่อนไหว!
นางพุ่งตัวไปอยู่ตรงหน้าอสูรด่างหูเงินภายในพริบตา!
แต่อย่างใดเสีย อสูรด่างหูเงินก็เป็นถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์ มันตอบสนองต่อท่าทีของนางอย่างว่องไวแลเฉียบคม พลันหมุนตัวไปอีกทาง และกำลังจะหลบหนี!
“ถ้าไม่อยากถูกแทงทะลุหัวใจ ก็จงเชื่อฟังข้าแต่โดยดี!”
ฉู่หลิวเยว่ลั่นวาจาเสียงดัง จนทำให้อสูรด่างหูเงินหยุดชะงัก!
มันเหลือบมองนางทันควัน ก่อนจะเห็นฉู่หลิวเยว่ที่กำลังเล็งกระบี่ชื่อเซียวมาทางมัน เสมือนจะลงมือได้ทุกเมื่อ!
หึ่ง!
กระบี่เล่มงามส่งเสียงคำราม!
อสูรด่างหูเงินตกใจกลัว แต่สุดท้ายมันก็ไม่วิ่งหนี และยอมหมอบลงกับพื้นอย่างเชื่อฟัง
ฉู่หลิวเยว่ร่อนลงบนพื้น ก่อนจะเชิดปลายเท้าขึ้นแล้วเดินไปหามัน
“ตึก”
“ตึก”
เสียงส้นเท้าย้ำพื้นเป็นจังหวะ ประหนึ่งเหยียบย้ำหัวใจของมัน
แสงเย็นวาบทอประกายบนปลายกระบี่อันแหลมคม
ชิ้ง!
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้น พลันฟาดกระบี่ไปทางอสูรด่างหูเงิน!
โดยห่างตัวมันเพียงชุ่น[1]เดียว!
และเพียงขยับเข้าไปอีกนิด นางก็สามารถปลิดชีพมันได้อย่างง่ายดาย!
“หากไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ ย่อมไร้ซึ่งความกลมเกลียว เจ้าอยู่ในสวนอสูรมานานแล้ว เรื่องแค่นี้ยังต้องให้ข้าบอกอีกหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวอย่างใจเย็น แต่อสูรด่างหูเงินกลับร้อนใจจะเป็นจะตายอยู่รอมร่อ
มันจ้องมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาอ้อนวอนสุดชีวิต
ฉู่หลิวเยว่มองมันด้วยสีหน้าเรียบเฉย พลันตวัดกระบี่ลงไปไม่ลังเล!
ฉั๊วะ!
ใบหูทั้งสองข้างของอสูรด่างหูเงินถูกนางฟันขาดในพริบตา!
“โฮก!”
พร้อมเสียงร้องอันทุกข์ระทมและเจ็บปวดของอสูรด่างหูเงินดังกึกก้อง
สำหรับพวกมันแล้ว ใบหูทั้งสองข้างถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หลังจากถูกตัดหูแล้ว ประสาทการรับเสียงของพวกมันจะแย่ลง และยังทำให้ประสิทธิภาพในการต่อสู้ลดลงมากเช่นกัน
การตัดหูถือเป็นการลงโทษขั้นรุนแรงสำหรับเหล่าอสูร และถือเป็นความอัปยศอดสูครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้
แต่คิดว่าตอนนี้ อสูรด่างหูเงินที่เกือบชะตาขาดอย่างมัน จะมีอารมณ์ไปสนใจเรื่องพรรค์นั้นหรือ?
“จำความผิดของเจ้าไว้ให้ดี คราวนี้ข้าลงโทษเจ้าเพียงนิด แต่ถ้ามีคราวหน้า…”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองมันช้าๆ
อสูรด่างหูเงินพลันเพิกเฉยต่อใบหูที่กำลังโชกไปด้วยเลือดของมัน แล้วรีบส่ายหัวพัลวัน
ไม่เอาแล้ว!
มันจะไม่มีครั้งหน้าแล้ว!
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉู่หลิวเยว่ถึงยอมลดปลายกระบี่ลง
“ไสหัวไปซะ!”
นางตวาดเสียงแข็ง อสูรด่างหูเงินรีบวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน และหายวับไปจากครรลองสายตาอย่างรวดเร็ว
“เจ้าไม่ได้ฆ่ามัน”
อินทรีสามตาโพล่งขึ้น น้ำเสียงของมันแฝงไปด้วยความประหลาดใจ
ฉู่หลิวเยว่เสียบกระบี่เล่มยาวกลับเข้าไปในฝัก
“อสูรอย่างมัน ไม่คู่ควรกับกระบี่ชื่อเซียวของข้า”
การฟันกระบี่แต่ละครั้งนั้นสิ้นเปลืองพลังปราณอย่างมาก เพียงอสูรด่างหูเงินตัวหนึ่ง ไม่คุ้มค่าแก่การลงแรงเสียสักนิด
นางวางแผนใช้กระบี่ชื่อเซียวลงโทษมันแค่นี้ก็พอแล้ว
“อีกอย่าง ปล่อยให้มันมีชีวิตรอดกลับไปสิ ถึงจักแพร่งพรายข่าวนี้ออกไปได้”
ฉู่หลิวเยว่เกาคางอย่างใช้ความคิด
“ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว น่ายินดียิ่งนักมิใช่หรือ?”
ในเมื่อฆ่าไปสอง โดยพื้นฐานมันก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ส่วนที่เหลือก็แค่ตั้งใจให้มากกว่านี้ จะได้ควบคุมพวกมันได้
หลังจากนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็เดินไปเก็บศิลาทองดำที่ตกอยู่บนพื้น แล้วเดินเข้าไปในถ้ำ
…
ถ้ำแห่งนี้มีขนาดกว้างประมาณหนึ่ง หากแต่ยาวและแคบมาก
ทว่าหลังจากที่ฉู่หลิวเยว่เดินเข้าไปข้างในถ้ำได้พักหนึ่ง ในที่สุดนางก็มองเห็นปลายทาง
ศิลาทองดำขนาดใหญ่ที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ ถูกผนึกไว้อย่างเงียบเฉียบภายในส่วนลึกที่สุดของถ้ำ!
ฉู่หลิวเยว่ตาเป็นประกายทันที
นี่มันมากกว่าที่นางเคยจินตนาการไว้เสียอีก!
นางย่ำเท้าเข้าไปอย่างรีบเร่ง และเห็นว่าขอบศิลาถูกกัดกร่อนออกบางส่วน แต่โชคดีที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อศิลามากนัก
“เขาว่าศิลาทองดำชิ้นนี้มีอายุอย่างน้อยหนึ่งร้อยปี มันมีพลังอันมากมายมหาศาล เอาให้เจ้าลูกอสูรสันหลังเหล็กนั้นใช้น่าจะเหมาะกว่า”
อินทรีสามตากล่าว
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ารับ
ความจริงแล้ว นางเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน
หากใช้ศิลาขนาดใหญ่เช่นนี้ ก็น่าจะเพียงพอที่จะช่วยให้มันฟื้นคืนพลังได้เร็วขึ้นแล้ว
และถ้าทุกอย่างราบรื่นดี ไม่แน่มันอาจทะลวงขึ้นเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้
ฉู่หลิวเยว่หยิบศิลาทองดำออกไปทั้งชิ้นโดยไม่พูดอันใดสักคำ
จากนั้น นางก็เดินค้นหาไปรอบๆ อีกครั้ง ก่อนจะพบกับชิ้นส่วนต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่ในถ้ำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเศษซากสมบัติของหมาป่าปีศาจทองดำตอนยังมีชีวิตอยู่ทั้งสิ้น
ทั้งโครงกระดูกของอสูรศักดิ์สิทธิ์จำนวนหนึ่ง สมุนไพรบางชนิด และเศษหยกชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ฉู่หลิวเยว่เดินสำรวจตรวจตราไปทั่วทั้งถ้ำอย่างละเอียด เมื่อค้นหาจนแล้วสิ้น นางก็หันหลังกลับ
ครั้นออกมาจากถ้ำแล้ว ฉู่หลิวเยว่กลับหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง พลันเหาะเหินไปยังทิศทางหนึ่ง
ผ่านไปสักพัก อินทรีสามตาถึงตระหนักได้ว่านางไม่ได้กลับไปทางเดิม
“นี่เจ้ากำลังไปที่ใดกัน?”
อินทรีสามตาถามทั้งๆ ที่ในใจของมันก็พอจะเดาคำตอบได้แล้ว
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นนิดๆ
“อย่าลืมสิ เมื่อวานข้ายังสังหารเสือดาวสุวรรณเมฆาด้วยนะ”
แน่นอนว่านางต้องไปเอาของที่อยู่ในนั้นด้วย
ว่าแล้วเชียว
อินทรีสามตาเข้าใจในทันที และถามต่อว่า
“เจ้ารู้จักที่ซ่อนของเสือดาวสุวรรณเมฆาหรือ?”
เพราะเหมือนว่าครู่ก่อนนางจะยังไม่ได้ถามมัน…
ริมฝีปากสีแดงเรื่อของฉู่หลิวเยว่พลันยกโค้งขึ้น
“แน่นอน”
นางไม่ได้เคยไปที่นั่นครั้งเดียวเสียหน่อย
[1] ชุ่น คือ นิ้ว(หน่วยวัด)