ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1282 การเอาคืนของฉู่หลิวเยว่
อินทรีสามตา “… เมื่อวานนี้มีหลายเผ่าพันธุ์ที่ล้อมเจ้า นี่เจ้าคิดจะตามหาพวกมันทั้งหมดเลยหรือ?”
“แน่นอนว่าไม่!”
ฉู่หลิวเยว่ก้าวเท้าไปข้างหน้าและอธิบายให้มันฟังอย่างใจเย็น
“อันที่จริงเรื่องนี้ข้าเองก็มีส่วนผิด ข้าไม่ควรมาทะลวงขั้นพลังปราณที่นี่ตั้งแต่แรก แถมยังทะลวงขั้นระดับแปดอีก… สิ่งนี้ถือเป็นเครื่องกระตุ้นให้สัตว์อสูรในสวนอสูรเข้ามาหาข้า ไม่แปลกที่พวกมันจะพุ่งเข้ามาเล่นงานข้าเช่นนั้น”
“อย่างใดเสีย ระหว่างการต่อสู้เมื่อวานนี้ ข้าก็เตือนพวกมันแล้ว อีกทั้งยังให้เวลาพวกมันทำใจแล้วหนีออกไปให้ทัน แต่น่าเสียดาย ไม่ใช่สัตว์อสูรทุกตัวจะเข้าใจคำเตือนของข้า”
ฉู่หลิวเยว่คิดอยู่พักหนึ่ง แล้วทำทีนับนิ้ว
“เมื่อวานนี้ นอกจากหมาป่าปีศาจทองดำที่ชิงลงมือก่อนแล้ว ก็ยังมีอสูรศักดิ์สิทธิ์อีกสิบสามตัว ส่วนสัตว์อสูรระดับเก้าอีกเจ็ดตัวนั้นรออยู่ด้านบนพื้น แต่มิได้ล่าถอย ซึ่งการที่พวกมันไม่ถอย แปลว่ามันอยากท้าทาย! จากการคำนวนของข้า พวกมันมีอยู่ทั้งหมดยี่สิบตัว… เช่นนั้นถ้าข้าสู้กับมันวันละตัว ข้าก็น่าจะกำราบพวกมันได้หมดก่อนครบกำหนดกลับ”
อินทรีสามตาตกใจมาก
มันคิดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่ที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายในตอนนั้น จะจดจำรายละเอียดเหล่านี้ได้แม่นยำเช่นนี้!
แน่นอนว่าด้วยทักษะความจำอันเป็นเลิศของนาง ย่อมจบเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย และหากนางได้เห็นสัตว์อสูรมากกว่านี้ คงได้ชิบหายวอดวายเป็นแน่…
แต่ทว่า…
“เจ้าคิดจะท้าสู้กับพวกมันทั้งหมดจริงๆ หรือ?”
อินทรีสามตายังคงไม่ปักใจเชื่อนาง
“ที่วันนี้เจ้าเอาชนะหงส์ฟ้าได้ นั่นเพราะพวกมันเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับเก้า ที่มีพลังในการต่อสู้จำกัด แต่ถ้าเจ้าได้เผชิญหน้ากับอสูรศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นจริงๆ ถ้าไม่ใช้กระบี่ชื่อเซียว ก็เกรงว่าเจ้าอาจไม่มีโอกาสชนะเลย!”
ฉู่หลิวเยว่ไม่โกรธที่อินทรีสามตาดูถูกนาง ตรงข้ามกัน นางกลับดีใจเสียมากกว่า
เพราะนางสัมผัสได้ว่าอินทรีสามตากำลังให้ความสำคัญกับเรื่องของนางจริงๆ
“ข้าไม่ได้บอกว่าต้องชนะเสียหน่อย”
ฉู่หลิวเยว่ปั้นหน้าจริงจังทันควัน
“อสูรศักดิ์สิทธิ์มีมากมายหลายเผ่าพันธุ์ แต่พวกมันล้วนทรงพลังมาก และแต่ละตัวก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป หากสามารถเจรจากับพวกมันอย่างสงบได้ ย่อมเกิดประโยชน์มากกว่าแน่นอน”
สัตว์อสูรในสวนอสูรเหล่านี้ล้วนเต็มไปด้วยความดุร้ายและกระหายเลือดอย่างแท้จริง
พวกมันไม่เหมือนกับสัตว์อสูรที่ถูกเลี้ยงดูโดยเจ้าของพันธสัญญา
ไม่ใช่ว่าฉู่หลิวเยว่ไม่รู้ว่าการต่อสู้เช่นนี้ จักนองเลือดและโหดร้ายมากกว่าปกติเพียงใด
แต่มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ที่จะช่วยสามารถพัฒนาทักษะการต่อสู้ของนางได้โดยตรงและรวดเร็วยิ่งขึ้น!
ตั้งแต่นางเข้ามาที่นี่ พี่เป่าก็ไม่เคยปรากฏตัวเลยสักครั้ง
หากปราศจากกิจวัตรประจำวันอันแสนทารุณของท่านอาจารย์ตัวน้อย จิตใจของนางคงว่างเปล่าและคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยเป็นแน่
ฉู่หลิวเยว่แอบถอนหายใจเบาๆ
นางติดกับพี่เป่าเข้าให้แล้ว
“อย่างนี้นี่เอง”
อินทรีสามตาเริ่มเข้าใจแผนการของนาง
แต่ต้องบอกก่อนว่านี่เป็นแผนการที่ฟังดูกล้าบ้าบิ่นมากๆ
แต่ถ้านางสามารถยืนหยัดได้จริงๆ ความแข็งแกร่งของฉู่หลิวเยว่จะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้นางเพิ่งทะลวงขึ้นสู่ระดับแปดได้ และมันถึงเวลาที่นางต้องขัดเกลาทักษะของตนแล้ว
“อันที่จริงเจ้ามิจะต้องเป็นกังวลเลย ถ้าสู้ไม่ไหวจริงๆ ข้าสามารถขอความช่วยเหลือได้!”
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้และคนอื่นๆ ตอบสนองเร็วจะตาย
“แต่อย่างใดเสีย ตอนนี้ข้าจะเลือกพวกระดับต่ำๆ ไว้ก่อน มิเช่นนั้นกลับไปข้าอาจถูกซักไซ้อีก”
ฉู่หลิวเยว่ยังคงระมัดระวังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
แม้แต่ตอนสู้กับหงส์ฟ้า นางก็ยังจงใจเลือกสถานที่ที่ค่อนข้างห่างไกล รีบประมือสู้กันและจบมันให้ไว เพื่อเป็นการระงับมิให้เกิดเรื่องวุ่นวายที่อาจตามมาภายหลัง
“เจ้าไม่กลัวว่าสัตว์อสูรเหล่านี้จะปล่อยข่าวลือออกไปหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พลันยกยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เจ้าคิดว่าจะมีสัตว์อสูรตัวใด ยอมบอกคนอื่นว่าตนพ่ายแพ้ด้วยหรือ? โดยเฉพาะในสวนอสูรแห่งนี้”
แน่นอนว่าพวกที่ยังอยากมีชีวิตและลมหายใจอยู่ ย่อมไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน
ฉะนั้นไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างใด พวกมันจึงทำได้เพียงจำใจยอมรับแล้วปิดปากเงียบ
อินทรีสามตากล่าว
“…นี่เจ้าวางแผนไว้แต่แรกแล้วหรือ?”
ทุบตีผู้อื่น ปล้นทรัพย์ และสุดท้ายก็ไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้มีปากมีเสียงสักคำ…
นี่มันฆ่ากันทางอ้อมชัดๆ!
ฉู่หลิวเยว่ตีหน้าซื่อพลางเอ่ยราวถ่อมตน
“ใช่ที่ไหนกันเล่า ก่อนหน้านี้ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะถูกส่งตัวมาที่นี่เสียหน่อย? พูดตามตรงข้าก็แค่ยืมประสบการณ์จากคนรุ่นก่อนมาใช้ ไม่เห็นน่าชื่นชมตรงไหนเลย!”
อินทรีสามตา “…”
มันไปชื่นชมนางตอนไหนกัน!?
แต่จู่ๆ ในหัวของมันกลับนึกสงสัยว่า
“คนที่ทำเช่นนี้ได้ ไม่น่ามีเยอะขนาดนั้น เจ้า… ประสบการณ์ที่เจ้าว่าน่ะ… เจ้าเรียนรู้มาจากผู้ใด?”
ฉู่หลิวเยว่ทำทียกมือขึ้นโบกไหวๆ ประหนึ่งสาวงามประจำแคว้น
“ฮิ ข้าเองแหละ!”
อย่าบอกว่าเจ้าเคยทำเรื่องพวกนี้มาก่อนแล้ว?
อินทรีสามตาติดตามนางมานาน มันย่อมรู้ความลับบางอย่างของนางอยู่แล้ว
ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงไม่คิดจะปิดบังเรื่องนี้
“แต่เมื่อก่อนข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายพวกมันจริงๆ ตอนนั้นมีอสูรศักดิ์สิทธิ์สองสามตัวพุ่งเข้ามารังแกอาฉยง แม้แต่ข้าเองก็โดนทำร้ายไปด้วย พวกมันไล่ล่าเราอยู่พักใหญ่ แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเช่นไร?”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อนึกถึงเรื่องในสมัยนั้น พลันอดรู้สึกเศร้าเสียใจไม่ได้
“ข้าไม่มีทางอื่นนอกจากสังหารพวกมัน”
อินทรีสามตา “…”
“เดิมทีครั้งนี้ข้าตั้งใจจะเข้ามาอยู่อย่างสงบ แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดความโกลาหลเช่นนี้ พวกมันล้วนหมายหัวจ้องทำร้ายข้า หากข้าไม่โต้ตอบเลย เช่นนั้นคงน่าหงุดหงิดเกินไปกระมัง?”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยเสียงจริงจัง
“แต่ทำร้ายคนอื่นมากเกินไป ย่อมไม่เป็นผลดี ฉะนั้นข้าถึงเลือกแต่อสูรที่ตอนนั้นไม่ยอมล่าถอยไงล่ะ”
ด้วยวิธีนี้ แม้วันหนึ่งนางจะถูกจับได้ แต่นางก็ยกเอาข้อเท็จจริงนี้ มาใช้เป็นเหตุผลปกป้องตัวเองได้
อินทรีสามตาแอบคร่ำครวญในใจแทนเหล่าสัตว์อสูรต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในสวนอสูรแห่งนี้
เจ้าจักท้าทายฟ้าดินอย่างใดก็ได้ แต่อย่าคิดท้าคนอย่างฉู่หลิวเยว่เด็ดขาด!
…
หลังจากกลับมาจากเขาของหงส์ฟ้า ขณะเดินขึ้นไปถึงไหล่เขา ฉู่หลิวเยว่ก็มองเห็นอาฉยงที่ยืนรอนางอยู่ตรงปากถ้ำห่างออกไปไกลช่วงหนึ่ง
เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแป้นของนาง ก็แสดงว่าทุกอย่างคงจะผ่านไปได้ด้วยดี
และนั่นทำให้หัวใจที่หวาดหวั่นของอาฉยงสงบลงเสียที
ฉู่หลิวเยว่เดินเข้าไป
“อาการของเทาเทาเป็นอย่างใดบ้าง?”
แต่ทันทีที่พูดจบ ฉู่หลิวเยว่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างใน
พร้อมกับหัวโตๆ ที่โผล่ออกมาสอดส่องมองดูอย่างระมัดระวังระคนอยากรู้อยากเห็น
ฉู่หลิวเยว่หลุดหัวเราะอย่างนึกเอ็นดู
“ดูเหมือนว่าจะดีขึ้นแล้วนะ”
พลังในการฟื้นฟูของอสูรสันหลังเหล็กนั้น ถือเป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด
“สายเลือดของเทาเทาทรงพลังมาก ไม่แน่ว่าในอนาคตเขาอาจจะแข็งแกร่งกว่าอาฉยงก็ได้”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวอย่างจริงจัง
พลันมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นในแววตาของอาฉยง
การที่คนอื่นชื่นชมในตัวลูกๆ นั้น มักจะทำให้บุพการีอย่างพวกเขามีความสุขและความภาคภูมิใจ มากกว่าการที่พวกตนถูกชื่นชมเองเสียอีก
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายชื่นชมตน เทาเทาก็ถึงกับชะงักพลางก้มหน้าก้มตาลงอย่างเขินอาย
ฉู่หลิวเยว่สาวเท้าเดินเข้าไปข้างใน
“วันนี้ข้ามีของฝากเล็กๆ น้อยๆ มาให้ด้วย มีทั้งของอาฉยง และก็ของเทาเทาเลย”
นางพูดพลางเดินเข้าไปในถ้ำ แล้วทยอยนำสิ่งของที่ชิงมาในวันนี้ออกมาทีละอย่าง ท่ามกลางสายตาของสองแม่ลูก
แกรก!
ศิลาทองเม็ดใหญ่ตกลงบนพื้นจนเกิดเสียงก๊องแก๊งดังสะท้อนผนังถ้ำ
ฉู่หลิวเยว่ปัดมือเบาๆ สองสามที
“เทาเทา ถ้าสองสามวันนี้ร่างกายดีขึ้น ก็สามารถกินสิ่งนี้ได้!”
เทาเทาไม่รู้แน่ชัดว่าสิ่งนี้คืออันใด แต่มันสัมผัสได้ถึงพลังปราณอันน่าอัศจรรย์ที่อยู่ในนั้น พลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีก่อนจะเดินวนไปรอบๆ ศิลานั่นหลายครั้ง
คราแรกอาฉยงตกใจมากเมื่อเห็นเจ้าสิ่งนี้ แต่หลังจากนั้นมันก็หันไปมองฉู่หลิวเยว่ราวขอบคุณ
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มตาหยี
“วางใจได้เลย ก่อนข้าไปจากที่นี่ ข้าจะทำให้เทาเทากลับมาแข็งแรงเอง!”