ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1283 สงสัย
ในวันต่อมา ฉู่หลิวเยว่ก็เริ่มใช้ชีวิตอย่างอิสระตามแบบแผนที่ต้องการ
ในแต่ละวัน นางจะไปหาสัตว์อสูรหนึ่งตัวมาสู้รบปรบมือด้วย ถ้าชนะนางก็จะยึดสมบัติของอีกฝ่ายมา แต่ถ้าแพ้นางก็ประมืออยู่เช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าจะสู้ไม่ได้จริงๆ ถึงค่อยหนีออกมา
ต้องขอบคุณที่นางทะลวงถึงจอมยุทธ์ระดับแปดแล้ว เลยสามารถหลบหนีได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว
หากบางครั้งถูกไล่ต้อนให้จนมุม นางก็จะใช้เคล็ดวิชาย้ายร่างด้วยความเร็วสูงหลบหนีพวกมัน
และถึงอีกฝ่ายจักไล่ตามนางกลับไป แต่เมื่อเห็นอาฉยงนั่งเฝ้าอยู่ สุดท้ายพวกมันก็จำต้องหันหลังกลับไปด้วยความหงุดหงิด
กล่าวโดยรวมแล้ว ช่วงนี้ฉู่หลิวเยว่ใช้ชีวิตอย่างเสรีและราบรื่นอย่างมาก หลังจากผ่านการต่อสู้อย่างหนักมาหลายครั้งหลายครา ทักษะการต่อสู้ของนางก็เพิ่มสูงขึ้นราวทวีคูณ
แต่ผู้อาวุโสอวี๋อวี้และคนอื่นๆ กลับไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติเหล่านี้
เช่นนั้นก็ถือว่าปลอดภัยหายห่วง
…
ณ เผ่าเซียนสุ่ยหลิงเจียง
ตลอดทาง เจียงจื่อหยวนมุ่งหน้ากลับไปอย่างไม่ลดละ และในที่สุดก็มาถึงที่หมายอย่างว่องไว
ทหารยามที่เฝ้าอยู่ด้านนอกประตูทางเข้าจวนตระกูลเจียงถึงกับตกใจ เมื่อเห็นเงาของเจียงจื่อหยวนที่พุ่งเข้ามาจากระยะไกล พวกเขามองหน้ากันพัลวัน แล้วรีบเข้าไปต้อนรับนางทันที
“คุณหนูใหญ่! เหตุใดท่านถึงไม่แจ้งล่วงหน้าว่าจะกลับมา เหล่าข้าน้อยจะได้ออกไปรับท่าน!”
เจียงจื่อหยวนย่ำเท้าเดินต่อไปไม่หยุด พลางเดินเข้าไปข้างในอย่างเร่งรีบ
“ท่านพ่ออยู่ไหน?”
เมื่อเห็นท่าทีรีบร้อนและสภาพเนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่นกรังของนาง พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่านางคงมีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการ ดังนั้นเหล่าหน่วยอารักขาจึงไม่กล้าที่ปล่อยปะละเลย และรีบตอบกลับไปอย่างเร็ว
“ท่านประมุขอยู่ในจวนขอรับ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจียงจื่อหยวนพลันรู้สึกโล่งใจ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปด้านใน
“คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว!”
ขณะที่ทหารยามคนหนึ่งวิ่งตามนางไป นายทหารอีกคนที่ไวกว่าก็พุ่งตัววิ่งไปข้างหน้าแล้วป่าวประกาศเสียงดังกังวาน
ส่งผลให้ทุกคนที่อยู่ทั้งภายในและภายนอกจวนตระกูลเจียงทราบข่าวนี้กันถ้วนหน้า
เจียงจื่อหยวนนั้นคือคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของจวนนี้ แค่ได้ยินนามของนาง เหล่าข้ารับใช้น้อยใหญ่ก็ล้วนพากันออกมาแสดงความยินดีต้อนรับนางกันอย่างพร้อมเพรียง
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเจียงจื่อหยวนคงพออกพอใจมาก แต่ตอนนี้นางไม่มีอารมณ์มาถือตัวเช่นนั้น สองขาเรียวยาวก้าวเท้าฉับๆ เข้าไปยังเรือนพักผ่อนของเจียงเห่อเทียน โดยไม่แม้แต่จะสบตาข้ารับใช้ที่รออยู่เลยสักคน
นางเดินผ่านไปอย่างว่องไวราวสายลม จนพวกเขาทุกคนทำหน้างุนงง
“นี่มัน…เกิดอันใดขึ้นกับคุณหนูใหญ่ ไยนางจึงหน้าดำคร่ำเครียดปานนั้น
“ข้าไม่เคยเห็นคุณหนูใหญ่ทำสีหน้าเช่นนั้นมาก่อนเลย… รัศมีรอบกายของนางดูเย็นยะเยือกราวน้ำแข็ง…”
“เมื่อก่อนคุณหนูใหญ่จะหัวเราะชอบใจยามเห็นพวกเราออกมาต้อนรับ แต่วันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น… ดูๆ แล้วนางคงมีเรื่องด่วนจริงๆ”
“เอาล่ะๆ อย่างใดก็คือเรื่องของนาย มิใช่เรื่องของบ่าว แยกย้ายๆ!”
เจียงจื่อหยวนเพิกเฉยต่อคำพูดเหล่านี้และเดินหน้าต่อไป
และทันทีที่ถึงหน้าประตูทางเขาเรือน เจียงเห่อเทียนที่ได้ยินประกาศแจ้งก็โผล่หน้าออกมา
ใบหน้าที่แต่เดิมเต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้ม พลันแข็งทื่อหลังจากที่เห็นสีหน้าบึ้งตึงระคนวิตกกังวลของเจียงจื่อหยวน
“ท่านพ่อ!”
เมื่อเห็นเจียงเห่อเทียน หัวใจที่ร้อนรนของเจียงจื่อหยวนพลันทุเลาลง พลางตะโกนเรียกอีกฝ่ายอย่างหมดแรง
เจียงเห่อเทียนใจกระตุกวูบ แล้วรีบเดินไปหาบุตรีของตน
“จื่อหยวน ไยเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำหรับเขาเจียงจื่อหยวนนั้นเป็นลูกสาวที่ทั้งงดงามแลเก่งกาจ ซึ่งมันทำให้เขาภูมิใจอย่างมาก
เขาไม่เคยเห็นนางในสภาพใบหน้าซีดเซียวและเป็นกังวลขนาดนี้มาก่อน
แม้นางจะแต่งตัวด้วยอาภรณ์หรูหรางดงาม และแสร้งทำเหมือนไม่เป็นอันใด แต่ก็มิอาจปิดบังความเหนื่อยล้าบนใบหน้า และร่องรอยของความลำบากใจไว้ได้
“ท่านพ่อ…”
เจียงจื่อหยวนกำลังจะพูดออกไป แต่ก็คิดได้ว่ารอบข้างยังมีคนอยู่ นางจึงแอบลังเลเล็กน้อย
เจียงเห่อเทียนเข้าใจในทันที
“มีเรื่องอันใดก็เข้าไปคุยในเรือน จากนั้นเจ้าค่อยเล่าให้พ่อฟังแล้วกัน”
ครั้นพูดจบ ทั้งสองก็เดินเข้าไปในเรือน และเหลือเพียงคนใช้สองสามคนที่ยังคงสับสนรออยู่ด้านนอก
…
“เกิดอันใดขึ้นหรือจื่อหยวน?”
ทันทีที่เข้ามาในห้อง เจียงเห่อเทียนก็โพล่งถามด้วยความวิตกกังวล
เจียงจื่อหยวนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามว่า
“ท่านพ่อ เหตุใดท่านถึงไม่ตอบจดหมายข้า?”
“ตอบจดหมายหรือ? จดหมายอันใด?”
เจียงเห่อเทียนย้อนถามด้วยความประหลาดใจ
และพอเห็นปฏิกิริยาของเขา เจียงจื่อหยวนก็เริ่มเข้าใจบางอย่าง
“ท่านไม่ได้รับจดหมายของข้าหรือ? ข้ายัดมันไว้ในตัวของวิหคเหล็ก แล้วสั่งให้มันบินมาส่งท่าน”
เจียงเห่อเทียนส่ายศีรษะ
“ช่วงนี้ข้าอยู่ที่เซียนสุ่ยหลิงตลอด แต่ไม่ได้รับข่าวคราวจากเจ้าเลย”
เจียงจื่อหยวนกัดฟันกรอด
ว่าแล้วเชียว!
“ท่านพ่อ ก่อนหน้านี้ข้าเคยเขียนจดหมายถึงท่าน แต่มันคงถูกสกัดไว้ ท่านเลยไม่ได้รับมัน”
ไม่แปลกใจเลย!
ไม่แปลกใจเลยที่นางรออยู่ตั้งนาน แต่ก็ไม่มีจดหมายตอบกลับจากท่านพ่อ ที่แท้ก็เพราะเกิดปัญหาเช่นนี้นี่เอง!
“เรื่องอันใดกันที่ทำให้เจ้าร้อนรนถึงเพียงนี้? หากแต่ คนที่กล้าสกัดจดหมายของเจ้านั้นย่อมมีไม่มาก แล้วจักเป็นใครได้อีก?”
เจียงจื่อหยวนส่ายหัว
“ข้าเองก็ไม่ทราบ”
แม้ระยะทางจากสำนักวิชาถึงเผ่าเซียนสุ่ยหลิงจะค่อนข้างห่างไกล แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีอันใดเกิดขึ้นเวลานางส่งจดหมายกลับบ้านเลยสักครั้ง
แสดงว่าครั้งนี้ต้องมีคนจงใจขัดขวางนาง
แต่ด้วยเวลาอันน้อยนิดเช่นนี้ คงตรวจสอบไม่ทันแน่ๆ
“เอาไว้ค่อยตรวจสอบเรื่องนี้ทีหลังก็ได้ แต่ที่ข้ากลับมาครานี้ เพราะข้าอยากจะขอความช่วยเหลือจากท่าน”
เจียงจื่อหยวนหยุดพูดครู่หนึ่ง พลางเรียงลำดับความคิดของตน และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในสำนักวิชาช่วงนี้ให้บิดาฟังพอสังเขป
หลังจากได้ฟัง เจียงเห่อเทียนพลันขมวดคิ้ว
“… สรุปแล้วตอนนี้ เจ้าสงสัยว่าตัวตนของฉู่เยว่นั้น มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลหรือ?”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ หรงซิวปฏิบัติต่อเขาพิเศษกว่าคนอื่น ซึ่งนั่นทำให้หลายคนแคลงใจ”
เจียงจื่อหยวนขบกัดริมฝีปากของตนอย่างหงุดหงิด
“และเขาก็… ครอบครองกษายะหางวายุแบบเดียวกันกับซั่งกวนเยว่ด้วย มันไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญ”
เจียงเห่อเทียนถามต่อ
“เจ้าเลยเดาว่าฉู่เยว่ผู้นั้นคือซั่งกวนเยว่?”
เจียงจื่อหยวนพยักหน้าอย่างลังเล
เจียงเห่อเทียนเงียบไปพักใหญ่ พลันเอามือไขว้หลังแล้วเดินวนไปวนมาภายในห้องรับรอง
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า
“ความสงสัยของเจ้า ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หากแต่… ตอนนี้ยังไม่มีข่าวว่าพระชายาหนีออกมาจากพระราชวังเมฆาสวรรค์เลย”
ด้วยสถานะในปัจจุบันของซั่งกวนเยว่ การที่จะหนีออกไปข้างนอกนั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องที่สามารถปกปิดได้ง่ายๆ
ตั้งแต่ได้รับเลือกให้เป็นพระชายา นางก็จำต้องใช้ชีวิตอยู่ในพระราชวังเมฆาสวรรค์ แล้วนางจะมาปรากฏตัวอยู่ในสำนักหลิงเซียวที่ห่างออกไปหลายพันลี้ได้อย่างใด?