ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1294 หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์
คราบเลือดนั่นแทรกซึมเข้าไปในช่องรอยแตก และหากไม่สังเกตให้ดีๆ ก็แทบมองไม่เห็น
แถมยังดูคล้ำดำและแห้งกรังราวผ่านมานานแล้ว
องค์ไท่จู่ขมวดคิ้วและจ้องมองจี้หยกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือออกไปช้าๆ
พร้อมกับความรู้สึกคุ้นเคยที่ผุดขึ้นมา
เขาค่อยๆ เปิดปากและเอื้อนเอ่ยด้วยความยากลำบาก
“…ใช่ นี่คือคราบเลือดของข้า และ… มันน่าจะมีเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณข้า ถูกปิดผนึกไว้ข้างใน”
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้ามองเขาด้วยความตกใจ
“จริงหรือ?”
นิ้วมืออันโปร่งแสงขององค์ไท่จู่ลูบคลำจี้หยกเก่าๆ นั่นไปมา
“… ใช่… เมื่อก่อนข้ามักจะพกจี้หยกนี่ติดตัวตลอด แต่ว่า… หลังจากนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้น ข้าเองก็จำไม่ได้แล้ว”
เขากล่าวอย่างเชื่องช้า น้ำเสียงอันทุ้มต่ำนั้นลอดผ่านริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ราวกับถูกสายลมอันเย็นยะเยือกที่เต็มไปด้วยกลิ่นสนิมของโลหิต และความทรงจำอันว่างเปล่าที่หายไปตามกาลเวลาถาโถมเข้าใส่
“ก่อนจะมาเห็นจี้หยกนี่ในวันนี้ ข้าไม่เคยนึกถึงมันเลยสักนิด และกระทั่งตอนนี้ ข้าก็ยังนึกไม่ออกว่าทำมันหายได้อย่างใด?”
ฉู่หลิวเยว่คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดาว่า
“องค์ไท่จู่ หรือบางทีท่านอาจจะตั้งใจโยนจี้หยกทิ้ง?”
มิเช่นนั้นจะมีเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของเขาสถิตอยู่ข้างในได้อย่างใด?
องค์ไท่จู่เงียบไปนาน ดวงตาของเขาดูลึกซึ้งแลหยั่งรากลึก
อันที่จริงลึกๆ แล้วเขาเองก็เห็นด้วยกับคำกล่าวของฉู่หลิวเยว่
ก่อนหน้านี้ฉู่หลิวเยว่เคยหลอมวิญญาณกระบี่ให้กระบี่ชื่อเซียวมาแล้ว และนั่นทำให้เขาตกใจเมื่อรู้ว่าตนนั้นมิใช่จิตสำนึกที่เหลืออยู่ หากแต่เป็นดวงวิญญาณ!
เขาคิดทบทวนเกี่ยวกับปัญหานี้มาพักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็นึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นไม่ออกอยู่ดี
จนกระทั่งเขาเห็นจี้หยกนี้ เขาถึงมั่นใจในสิ่งที่เคยสงสัยแล้วว่า
…ตัวเขายังมีชีวิตอยู่แน่ๆ!
ฉู่หลิวเยว่มองดูองค์ไท่จู่ด้วยสายตาที่ซับซ้อน
“องค์ไท่จู่ ท่านจำเรื่องในอดีตไม่ได้สักนิดเลยหรือ? หรือบางที… หากหลอมรวมวิญญาณในจี้หยกนี้เข้ากับดวงวิญญาณของท่าน อาจจะเป็นได้ข้อมูลมากกว่าเดิมก็ได้?”
องค์ไท่จู่ชะงักไปนิด ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ
“ข้าจะลองดู”
ดวงวิญญาณทั้งสองของเขาถูกแยกจากกันมานานหลายพันปี อาจไม่ง่ายที่จะรวมมันเข้าด้วยกันอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่กำจี้หยกในมือแน่น
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยเจ้าอย่างสุดความสามารถ”
องค์ไท่จู่ยังมีชีวิตอยู่และได้พบกับเศษเสี้ยวดวงวิญญาณอีกส่วนแล้ว
ขอเพียงนำดวงวิญญาณทั้งหมดมาหลอมรวมกัน ก็จะมีโอกาสช่วยองค์ไท่จู่คืนร่าง และช่วยให้เขาเกิดใหม่ได้!
ความคิดนี้ทำให้ฉู่หลิวเยว่กระตือรือร้นขึ้นมาทีละน้อย
“ข้าจะไปหาผู้อาวุโสและถามเขาให้ชัดเจน บางทีเขาอาจจะรู้ว่าจี้หยกของท่านมาจากแห่งใด! หากได้ความแล้ว เราจะสามารถสืบค้นหาต้นต่อของเหตุการณ์ในตอนนั้น แล้วช่วยท่านได้!”
…
“ที่มาของจี้หยกนี้หรือ?”
ซั่งอวี้เซินมองจี้หยกในมือพลางขมวดคิ้ว และนึกถึงที่มาที่ไปของมันอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะส่ายหัวไปมา
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ฉู่หลิวเยว่แอบรู้สึกผิดหวัง แต่ก็ยังถามอย่างไม่ยอมแพ้
“ท่านลองคิดดูอีกครั้งเถิด มันจะไม่มีเบาะแสใดๆ เลยหรือขอรับ?”
ซั่งอวี้เซินส่งจี้หยกคืนอย่างไม่ใส่ใจ
“ฉู่เยว่ เจ้าเองก็เห็นมิใช่หรือว่าหลังเขานั้นมีเศษวัสดุมากมายเพียงใด และเพราะว่ามีเยอะมาก แล้วข้าจะจำได้หรือว่าไปเอามาตอนไหน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่มาที่ไปของมันเลย จี้หยกเส้นนี้เองก็ด้วย… ข้าจำไม่ได้จริงๆ ว่าได้มันมาอย่างใด”
ฉู่หลิวเยว่รับจี้หยกคืนมา พลางหลุบตาลงมองต่ำ
ว่าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
จี้หยกเส้นนี้ถึงเป็นหยกเนื้อดีเกินกว่าคนธรรมดาจะเอื้อมถึง แต่สำหรับช่างหลอมอาวุธอย่างซั่งอวี้เซินแล้ว มันก็เป็นเพียงแค่จี้หยกธรรมดาทั่วไป
มิเช่นนั้นเขาคงไม่สุ่มมันไว้ในกองวัสดุหลังเขาหรอก
แค่นี้เขายังไม่คิดจะมองเลย แล้วจักถามหาข้อมูลอันใดได้อีก?
“ขอบพระคุณขอรับ เช่นนั้นศิษย์จะลองหาทางอื่นดู”
เมื่อเห็นความพากเพียรของฉู่หลิวเยว่ ซั่งอวี้เซินก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
“จี้หยกนี้สำคัญต่อเจ้าขนาดนั้นเลยหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่กระชับจี้หยกในมือแน่น แล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง
“มันเป็น… จี้ของบรรพบุรุษของศิษย์”
ซั่งอวี้เซินเข้าใจทันที
เช่นนั้นก็แปลก
“ถ้าอย่างนั้น ตั้งแต่วันนี้ไปข้าจะยกจี้หยกเส้นนี้ให้เจ้า จากนี้เจ้าต้องรักษามันไว้ดีๆ ไม่แน่ว่าวันหนึ่ง เจ้าอาจจะพบเบาะแสของมันก็ได้?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าตอบ
“ขอบคุณมากขอรับ”
นางเงียบไปครู่เดียว แล้วเอ่ยต่อ
“เช่นนั้นถ้าไม่มีอันใดแล้ว…”
ซั่งอวี้เซินรู้ว่านางจะพูดอันใด พลันตอบตกลงทันที
“ไม่มีใครทำใจได้หลังเจอของแบบนั้นหรอก เจ้ากลับไปพักผ่อนเสียเถอะ”
ฉู่หลิวเยว่กำจี้ไว้แน่น ก่อนจะกล่าวขอบคุณเขาอีกครั้งแล้วจากไป
…
ระหว่างที่เดินทางกลับไปยังที่พัก ฉู่หลิวเยว่ก็ยังไม่หายงงกับเหตุการณ์ก่อนหน้า
นางไม่เคยคิดว่าตนจะไปเจอจี้หยกที่หายไปขององค์ไท่จู่ นางแค่เดินสำรวจไปรอบๆ ถิ่นของซั่งอวี้เซินเท่านั้น!
แต่กลับได้ของสำคัญ อย่างจี้ที่บรรจุดวงวิญญาณขององค์ไท่จู่กลับมาด้วยเสียนี่!
ทว่าบนโลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญ!
บางทีมันอาจจะเป็นโชคชะตาที่สวรรค์เตรียมการไว้แล้ว?
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจและขอบคุณในเวลาเดียวกัน ใบหน้านวลเต็มไปด้วยความสุขอย่างสุดแสนจะพรรณนา
องค์ไท่จู่ปฏิบัติต่อนางด้วยความเมตตา หากนางสามารถช่วยคืนชีพให้องค์ไท่จู่ได้ คงจะดีไม่น้อยเลย!
“องค์ไท่จู่ ท่านรู้หรือไม่ว่าหากต้องการหลอมวิญญาณของท่าน จะต้องเตรียมการอย่างใดบ้าง?”
ฉู่หลิวเยว่ถามด้วยความวิตกกังวล
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง องค์ไท่จู่ก็พูดขึ้นมาเบาๆ
“ข้าเกรงว่ามันยากกว่าที่เจ้าคิดไว้มาก”
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึง
“ท่านหมายความว่า…”
“ย้อนกลับไปตอนนั้น ข้าได้สร้างอาณาเขตเซียนเทพที่เกือบจะสมบูรณ์ขึ้นมาแล้ว ซึ่งก็ถือว่าข้ากลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพแล้วครึ่งหนึ่ง หากเจ้าต้องการหลอมดวงวิญญาณของข้า อย่างน้อยเจ้าต้องขึ้นสู่ระดับปรมาจารย์โอสถให้ได้”
มิฉะนั้นก็จะไร้ประโยชน์
“… อย่างนั้นหรือ…”
คำพูดขององค์ไท่จู่ทำให้ฉู่หลิวเยว่สงบลง
“เช่นนั้นก็คงต้องรออีกนาน แต่อย่างใดเสีย แค่พบดวงวิญญาณอีกเสี้ยวหนึ่ง ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว”
องค์ไท่จู่ตอบกลับและเงียบลงอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าตอนนี้เขาต้องการใช้เวลากับตัวเอง ดังนั้นนางจะไม่รบกวนเขา
“ฉู่เยว่!”
ฉู่หลิวเยว่ที่เพิ่งเดินมาถึงจัตุรัสชิงหมิงและกำลังจะกลับไปยังภูเขาจิ่วเหิงพลันหยุดชะงัก ก่อนจะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
นางหันกลับไปมองและเห็นหลัวเยี่ยนหมิง
ดวงหน้าเนียนใสแย้มยิ้มและกล่าวทักทายเขา
“ว่าแล้วว่าต้องเป็นเจ้า! เหตุใดช่วงนี้ข้าถึงไม่เห็นหน้าเจ้าเลย?”
ฉู่หลิวเยว่รีบหาข้อแก้ตัว และตอบไปอย่างปัดๆ
“ช่วงนี้ข้าง่วนอยู่กับการฝึกวิชา เลยไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอก… เหตุใดหรือ เจ้ามีธุระอันใดกับข้าหรือเปล่า? อ๋า จริงสิ… ก่อนหน้านี้เราสัญญาว่าจะแลกเปลี่ยนความรู้กันนี่นา”
ฉู่หลิวเยว่ทำทีตบหน้าผากตัวเองเบาๆ
“สมองปลาทองของข้านี่หนา ข้ายุ่งจนลืมเสียสนิทเลย!”
หลัวเยี่ยนหมิงหัวเราะในลำคอ
“แค่เจ้าจำได้ก็ดีแล้ว! แต่ที่ข้ามาหาเจ้าวันนี้ มิใช่เพราะการนั้น”
“หือ?”
“วันนี้ทางสำนักติดประกาศภารกิจแล้ว ข้ากำลังจะไปดูพอดี เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่?”
“ประกาศหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ทำหน้าตาฉงน
“มันคืออันใดกัน?”
ท่าทางเช่นนั้นทำหลัวเยี่ยนหมิงหลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ และพูดว่า
“ดูเหมือนช่วงนี้เจ้าจะไม่ค่อยได้ออกไปไหนจริงๆ แม้แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ”
“ทุกไตรมาส ทางสำนักจะออกประกาศภารกิจหนึ่งครั้ง คนแรกที่ทำภารกิจสำเร็จจะได้รับรางวัลมากมาย! หลายคนจึงอยากเข้าร่วมกันใจจะขาด เจ้าไม่ลองไปดูหน่อยหรือ?”
ความจริงแล้วฉู่หลิวเยว่ไม่สนใจเรื่องแบบนี้เลยสักนิด อีกอย่างตอนนี้นางเองก็มีเรื่องที่ต้องสะสางมากพอแล้ว
แต่เมื่อเห็นสีหน้ากระตือรือร้นของหลัวเยี่ยนหมิง นางก็ถามว่า
“แล้วมันคือภารกิจอันใดหรือ?”
หลัวเยี่ยนหมิงตาเป็นประกายขึ้นมาทันควัน
“ข้าได้ยินว่ามันเกี่ยวกับหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์!”