ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1301 ไม่เกี่ยวกัน
ตอนที่ 1301 ไม่เกี่ยวกัน
เมื่อเห็นผู้อาวุโสโอวหยางพุ่งมาหาตนด้วยความโมโห ฉู่หลิวเยว่พลันสังหรณ์ใจไม่ดี
และหลังจากจบการประชุมแล้ว ผู้อาวุโสโอวหยางก็ทำเพียงกำชับนางสั้นๆ ว่า
“ฉู่เยว่ ตามข้ามา”
ผู้คนรอบตัวล้วนถูกเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ ดึงดูดสายตาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พวกเขาต่างแสดงท่าทีสงสัยใคร่รู้ระคนประหลาดใจ
ผู้อาวุโสโอวหยางเป็นช่างหลอมอาวุธและไม่ค่อยปรากฏตัวนอกเขตของตนเท่าใดนัก แต่แล้วเหตุใดจู่ๆ เขาถึงบึ่งมาหาฉู่เยว่เช่นนี้?
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปแวบหนึ่ง
“มิทราบว่าผู้อาวุโสโอวหยางมีธุระอันใดกับศิษย์หรือขอรับ?”
ผู้อาวุโสโอวหยางจ้องมองนางด้วยสายตาลุกล้ำอันยากจะคาดเดาได้ ประหนึ่งว่าเขากำลังพิจารณาว่าท่าทีสับสนงุนงงของนางนั้น เป็นความจริงหรือเท็จ
“ประเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”
ครั้นผู้อาวุโสโอวหยางพูดจบ เขาก็หันหลังและจากไป
ทว่าในขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังจะก้าวเท้าตามไป หลัวซือซือที่อยู่ข้างๆ ก็ดึงรั้งนางไว้ทันที
“ฉู่เยว่ นี่เจ้า…”
ในใจนางสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับส่ายหัวให้นาง
“อย่าห่วงเลย ข้าไปแป๊บเดียว ไม่นานก็กลับมาแล้ว”
เมื่อพูดจบ นางก็รีบเร่งความเร็วให้ทันผู้อาวุโสโอวหยาง และออกไปจากที่นี่พร้อมกัน
เหลือเพียงเหล่าศิษย์มากมายที่หันมามองตากันปริบๆ
…
ฉู่หลิวเยว่ตามติดผู้อาวุโสโอวหยางจนมาถึงด้านล่างของภูเขาหมื่นเมรัย
ก่อนจะเห็นผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนที่กำลังยืนเอามือไพล่หลังด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ฉู่หลิวเยว่ใจกระตุกวูบด้วยความหวาดหวั่น
เนื่องจากช่วงนี้เขาหมื่นเมรัยปิดทำการอยู่ ฉะนั้นโดยพื้นฐานแล้วจึงไม่มีใครมาที่นี่สักคน
และตอนนี้ก็มีเพียงพวกของฉู่หลิวเยว่สามคน
“ฉู่เยว่”
ผู้อาวุโสเอ่ยปากเรียกทันทีที่เห็นเขา
ฉู่หลิวเยว่ก้าวไปข้างหน้าอย่างฉับไว
“ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน ไยท่านถึง… ต้องการพบศิษย์หรือขอรับ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจ้องหน้านางด้วยสายตาเฉียบคม ราวกับเขาต้องการมองตรงเข้าไปให้ถึงส่วนลึกในใจของนาง
“ก่อนหน้านี้เจ้ารับปากข้าไว้ว่าเยี่ยงไร? หือ?”
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่เต็มไปด้วยความสับสน เสมือนจับต้นชนปลายไม่ถูกว่ามันเกิดอันใดขึ้นกันแน่
“ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน ท่านกำลังพูดถึง… เรื่องอันใดหรือขอรับ?”
“เหอะ”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนสบถอย่างไม่สบอารมณ์
“นี่จะบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนเขาไม่เกี่ยวกับเจ้าหรือ!”
คราวนี้ฉู่หลิวเยว่ถึงกับไปไม่เป็นจริงๆ เขาไม่รู้เลยว่าผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกำลังกล่าวถึงเรื่องอันใด
นางแอบเดาว่ามันอาจจะเกี่ยวกับถวนจื่อ แต่ก็ยังไม่รู้เรื่องรายละเอียดยิบย่อยอื่นๆ อยู่ดี
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่มิได้เสแสร้งแกล้งโง่ ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็เริ่มลังเลใจขึ้นมาอีกครา
หรือมันจะไม่เกี่ยวกับเจ้าเด็กนี่จริงๆ?
แต่หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่ก่อวินาศกรรมบนเขาหมื่นเมรัยในครานั้น ตาน้ำพุก็กลายสภาพมาเป็นอย่างทุกวันนี้!
“ตัวศิษย์นั้นช่างโง่เขลา ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนโปรดชี้แจงด้วยเถิด”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจดจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้า และมิได้เอ่ยคำใดอยู่พักหนึ่ง
ตาน้ำพุนั้นสำคัญยิ่ง แต่จู่ๆ ช่วงนี้มันกลับกลายเป็นแบบนั้น ย่อมมิใช่เรื่องที่จะรั่วไหลออกไปได้ง่ายๆ
แล้วเช่นนี้เขาจะเล่าให้ฉู่เยว่ฟังได้อย่างใด?
จะไปทางไหนก็เจอแต่ทางตัน
แต่สุดท้ายผู้อาวุโสโอวหยางก็ทนไม่ไหว พลันถามออกมาอย่างอดไม่ได้
“ฉู่เยว่ ตอนที่เจ้าหลอมวิญญาณกระบี่ในวันนั้น เจ้าไม่พบความผิดปกติใดๆ เลยหรือ?”
หรือปัญหาจะไม่ได้อยู่ที่ฉู่เยว่?
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหัวพัลวัน
“ตอนนั้นศิษย์จดจ่ออยู่กับการหลอมวิญญาณอย่างเดียวขอรับ ไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่นเลย”
ซึ่งก็ถูกของเขา
เหล่าผู้อาวุโสสองคนมองหน้ากัน พร้อมความรู้สึกกังวลเล็กๆ ในใจ
“ปั๋วเหยี่ยน โอวหยาง พวกเจ้าถามหาข้าหรือ?”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงหัวเราะทุ้มต่ำทว่าทรงพลังดังขึ้น และทำลายความเงียบสงัดเมื่อครู่จนสิ้น
เป็นซั่งอวี้เซินที่โผล่หน้าเข้ามา
เขาแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ทว่าหลังจากเห็นคนทั้งสามคน ก็พลันตระหนักได้ถึงความผิดปกติ
รอยยิ้มบนใบหน้าของซั่งอวี้เซินมลายหายไปทันที ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเครียด
“เกิดอันใดขึ้น?”
“โอวหยาง เจ้าพาเขาขึ้นไปก่อน”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนสั่ง
ผู้อาวุโสโอวหยางพยักหน้ารับคำ แล้วพาซั่งอวี้เซินที่ยังคงงุนงงกลับขึ้นไปเขาหมื่นเมรัยอีกครั้ง
เมื่อไร้เงาร่างของสองคนนั้น ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็หันมาสบตากับฉู่หลิวเยว่อีกรอบ
“ฉู่เยว่ หากตอนนี้เจ้าสารภาพกับข้ามาตามตรง จะสามารถช่วยลดโทษของเจ้าได้”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกล่าวเสียงจริงจัง
ยามนี้ฉู่หลิวเยว่มั่นใจแล้วว่าเกิดเรื่องผิดปกติขึ้นกับตาน้ำพุบนเขาหมื่นเมรัยจริงๆ แต่จะเปิดเผยเรื่องถวนจื่อก็ไม่ได้
มิเช่นนั้น ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนคงจะมาเค้นความนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นแน่
ให้ตายนางก็ไม่ยอมบอกเด็ดขาด
“ศิษย์ไม่เข้าใจจริงๆ ขอรับ ท่านช่วย… ช่วยยกสถานการณ์ให้ศิษย์ฟังได้หรือไม่?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนโกรธมากจนสำลักอีกครั้ง
ในที่สุดเขาก็ดูออกแล้วว่า ฉู่เยว่ตั้งใจไม่กินเหยื่อล่อของเขา!
แม้ว่าเด็กคนนี้จะอายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดหนาว และดูไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อใคร แต่ความจริงเขากลับมีความเป็นผู้ใหญ่สูงและคาดเดาไม่ได้!
สุดท้ายเด็กนี่ก็คือทายาทหรงซิว ผู้ซึ่งทำให้เขาปวดหัวไม่ต่างจากศิษย์พี่ของมันเลยสักนิด!
ท่าทีของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนดูดุร้ายขึ้นทันตา
“วันนั้นมีเพียงพวกเจ้าสามคนที่อยู่บนเขาหมื่นเมรัย และใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่มของเจ้า จะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แล้วเจ้าคิดว่า… หนึ่งในสามคนนั้นจะเป็นใคร?”
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย พลางยิ้มเยาะอย่างขมขื่น
“กระทั่งตอนนี้ศิษย์ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น แล้วจะให้ยอมรับได้เช่นไร? ท่านปักใจเชื่อว่าเป็นศิษย์หรือขอรับ?”
แน่นอนอยู่แล้ว!
ผุ้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนออกอาการชัดเจนสุดๆ
โอวหยางกับซั่งอวี้เซินต่างรู้ถึงความสำคัญของตาน้ำพุดี ย่อมมิทำเรื่องแย่ๆ เช่นนี้แน่นอน
ฉะนั้นความเป็นไปได้เดียว ก็เหลือแค่ฉู่เยว่มิใช่หรือ!?
“ไว้รอพวกเขาลงมา ทุกอย่างจะกระจ่างเอง”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองขึ้นไปบนภูเขา
แต่เพราะมีค่ายกลขวางกั้น นางจึงมองไม่เห็นทิวทัศน์ด้านใน หากแต่สัมผัสได้ลางๆ ว่าถวนจื่อยังคงอยู่ดี
เมื่อมนุษย์ทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรแล้ว จะเกิดสายใยบางอย่างที่คอยเชื่อมโยงให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงกันและกัน
ซึ่งหลังจากที่ถวนจื่อเก็บตัวอยู่บนนั้น ก็เหมือนว่ามันจะเข้าสู่สภาวะจำศีลแล้ว
และนั่นทำให้นางรู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อย
โดยรวมแล้ว ถวนจื่อใช้เวลาอยู่ที่นั่นเกินหนึ่งเดือนแล้ว ซึ่งมากกว่าที่อินทรีสามตาเคยกล่าวไว้เสียอีก แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะออกมาเมื่อใด…
“ปั๋วเหยี่ยน”
ไม่นานผู้อาวุโสโอวหยางกับซั่งอวี้เซินก็กลับลงมา
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนหันไปมองตามเสียงเรียก พลันสังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆ ของผู้อาวุโสโอวหยาง
เขาขมวดคิ้วฉับทันที
“กระไร? เจอเบาะแสอันใดหรือ?”
ผู้อาวุโสโอวหยางเบนสายตาไปมองฉู่หลิวเยว่
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกดเสียงลงต่ำในบัดดล
“ฉู่เยว่ เรื่องมันเลยเถิดขนาดนี้แล้ว เจ้ายังจะปฏิเสธอีกหรือ?”
แต่ก่อนที่ฉู่หลิวเยว่จะได้อ้าปาก ก็พลันมีเสียงของผู้อาวุโสโอวหยางที่อยู่ด้านข้าง แทรกขึ้นมาเสียก่อน
“เรื่องนี้โทษฉู่เยว่ไม่ได้”
“อันใดนะ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนทำหน้าตกอกตกใจ
และเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด ผู้อาวุโสโอวหยางจึงรีบเสริมว่า
“มัน… ไม่เป็นไรแล้ว!”
ไม่เป็นไรหรือ?
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนยังคงอึ้งไม่หาย ก่อนจะเข้าใจทันทีว่าเขาหมายถึงอันใด
“เจ้าขึ้นไปดูเดี๋ยวก็รู้!”
เมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่หลิวเยว่ ผู้อาวุโสโอวหยางมิอาจพูดออกไปตรงๆ ได้
จะอธิบายอย่างใดดี ตอนที่เขากับปั๋วเหยี่ยนขึ้นไปบนเขาเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน เขาเห็นเต็มสองตาว่าตาน้ำพุนั้นเหือดแห้งเพียงใด
ทว่าครั้นขึ้นไปกับซั่งอวี้เซินเมื่อครู่ ตาน้ำพุนั่นกลับฟื้นคืนสู่สภาพเดิมแล้ว!
ต่อให้เขาพูดออกไปอย่างใด ปั๋วเหยี่ยนก็ไม่มีทางเชื่อจนต้องขึ้นไปดูด้วยตาตัวเองแน่ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ปั๋วเหยี่ยนก็กลับมา พร้อมกับสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ซั่งอวี้เซินพลันหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ และกล่าวว่า
“เหอะ ก็ไม่เห็นมีอันใดผิดปกติ ไยพวกเจ้าจักตื่นตูมเพียงนี้? ไม่ทันได้ตรวจสอบก็เรียกตัวฉู่เยว่มาเสียแล้ว ดูเสียเด็กมันกลัวจนหัวหดหมดแล้ว!”
นับตั้งแต่ที่ฉู่หลิวเยว่อัญเชิญกระบี่ชื่อเซียวออกมาให้เขาดู ซั่งอวี้เซินก็นิยมชมชอบในตัวฉู่หลิวเยว่ยิ่งนัก
และตอนนี้เขาก็ยืดหยัดพูดแทนฉู่เยว่โดยตรง
สองผู้อาวุโสที่เหลือหันขวับมองหน้ากันอย่างสับสน
หรือว่ามัน…
จะไม่เกี่ยวกับเขาจริงๆ?
“เอาล่ะ เจ้ากลับไปเสีย”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก