ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1303 ลงโทษ
ตอนที่ 1303 ลงโทษ
ยิ่งตู๋กูโม่เป่าเอื้อนเอ่ยออกมา ฉู่หลิวเยว่ก็ยิ่งใจแป้ว
กระทั่งในตอนท้าย ใบหน้านวลก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเถือกแลเห่อร้อนด้วยความอับอาย
ถวนจื่อที่อยู่ในมือของนางนั้นเปียกชุ่มและเย็นฉ่ำ แต่เห็นได้ชัดว่ายามนี้มันกำลังกลายเป็นเผือกร้อน[1]ที่เผาไหม้มือของนาง
หากไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาของตน ฉู่หลิวเยว่คงปล่อยให้มันขึ้นไปอย่างอิสระ แล้วโยนให้ตู๋กูโม่เป่าจัดการมันตามอำเภอใจไปแล้ว
แต่จู่ๆ กลับมีบางสิ่งแวบเข้ามาในหัวของนาง
“อย่าบอกนะว่า ตอนที่พวกผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเรียกข้าไปพบในวันนี้… เจ้าเป็นคนช่วยข้าหรือ?”
ตู๋กูโม่เป่าเย้ยหยันเสียงแข็ง
“ก่อนหน้านี้ข้าย้ำเจ้าหนักหนาว่าห้ามขึ้นไปบนเขาหมื่นเมรัยตามใจชอบ ไยถึงชอบทำหูทวนลมนัก?”
“พี่เป่า! เจ้าเก่งที่สุดเลย!”
ฉู่หลิวเยว่ดีใจจนสงวนท่าทีไม่อยู่ พลันวิ่งไปข้างหน้าแล้วกอดเขาไว้ในอ้อมแขน
“วันนี้ข้าต้องขอบคุณเจ้ามาก! ไม่ได้เจ้าข้าตายแน่!”
ตู๋กูโม่เป่าส่งเสียงลอดผ่านวงแขนของฉู่หลิวเยว่อย่างยากลำบาก เสียงเล็กๆ นั่นฟังดูงึมงำไม่ได้ศัพท์ แต่กลับดูอันตรายยิ่ง
“ถ้าเจ้ายังไม่ปล่อยข้า ข้าจะสอนให้เจ้ารู้จักความตายเอง”
ฉู่หลิวเยว่ผละตัวออกจากเด็กชายอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะหันมองตู๋กูโม่เป่า ผมเผ้าของเด็กชายยุ่งเหยิงราวรังนก ทว่าเมื่อประกอบกับใบหน้าเล็กๆ ที่ดูเย็นชาและบูดบึ้งเพราะความโกรธนั่น กลับดูน่ารักน่าชังไม่หยอก
ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอ และค่อยๆ ยืดมือออกไปสางผมให้เขาอย่างระมัดระวัง
“อะแฮ่ม ดูสิ ผมเจ้ายุ่งหมดแล้วเนี่ย…”
ตู๋กูโม่เป่าจ้องหน้านางเขม็ง พร้อมเปล่งรัศมีน่ากลัวออกมาจากนัยน์ตาสีม่วงคู่นั้น
ฉู่หลิวเยว่ดึงมือออกอย่างรู้ทัน และอธิบายว่า
“ทั้งหมดเป็นเพราะตอนนั้นข้าควบคุมถวนจื่อไม่ได้ มันเลยพุ่งลงไปในตาน้ำพุ จากนั้นข้าก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับการหลอมวิญญาณ จนลืมมันไปเสียสนิท และกว่าจะนึกขึ้นได้ก็เป็นยามที่พวกผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนปิดทำการเขาหมื่นเมรัยแล้ว… เช่นนั้นเจ้าจะ จะ…”
ดูเหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะตัดสินใจแล้ว นางวางถวนจื่อลงบนโต๊ะ แล้วเลื่อนตัวของมันไปทางตู๋กูโม่เป่า พลางกล่าวอย่างไม่เต็มใจนัก
“เจ้าจะลงโทษข้าอย่างใดก็ได้!”
ถวนจื่อที่ยังคงมึนเมาขยับตัวเล็กน้อยด้วยความอัดอึด ราวกับรู้ตัวว่ามันถูกคนใจเหี้ยมโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี
แต่ฉู่หลิวเยว่หาได้สนใจเรื่องนั้นไม่ นางพนมมือขึ้นราวขอขมาตู๋กูโม่เป่าด้วยรอยยิ้ม
“พี่เป่า เจ้าอย่าโกรธเลยนะ…”
ตู๋กูโม่เป่าหันศีรษะไปมองทันที
ทุกครั้งที่เห็นนางทำแบบนี้ เขาก็มักจะใจอ่อนตลอด
แต่ครั้งนี้เขาต้องเด็ดขาด!
หลังจากสงบสติอารมณ์แล้ว เขาก็กล่าวว่า
“ที่ปั๋วเหยี่ยนพูดก็ถูก เจ้ามันสอนไม่รู้จักจำ หากยังสร้างปัญหาเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ สักวันมันจะกลายเป็นหายนะขึ้นมาแน่ๆ”
ฉู่หลิวเยว่ทำหน้าตาอย่างน่าสงสาร
“แล้ว… เจ้าจะลงโทษข้าอย่างใด? จะเล่นหมากรุกกับข้า หรือว่า… จะสู้กับข้า?”
เมื่อกล่าวถึงประโยคสุดท้าย หางตาของฉู่หลิวเยว่พลันกระตุกเบาๆ
การขอร้องเช่นนี้อาจไม่ได้ผล…
ตู๋กูโม่เป่าเอ่ยอย่างเย็นชา
“ช่วงนี้เจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้กระทำการอื่น นอกจากนั่งฝึกฝนอยู่ในห้องเงียบๆ ถ้าจะวางค่ายกลคลุมที่นี่ไว้ หากแก้โครงสร้างของมันได้เมื่อไร เจ้าถึงจะได้ออกไป”
ฉู่หลิวเยว่ชะงัก
“แต่พรุ่งนี้สำนักวิชาจะเดินทางไปยังบุพกาลชายแดนเหนือแล้วนะ!”
ตู๋กูโม่เป่าหลือบมองนางด้วยสายตาเรียบเฉย
“เจ้าก็แจ้งไปว่า ไปไม่ได้แล้ว ในสำนักมีผู้อาวุโสและลูกศิษย์อีกตั้งหลายคน ขาดเจ้าไปคนเดียวย่อมมิใช่ปัญหา”
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ถึงตระหนักได้ว่าตู๋กูโม่เป่าจงใจ
เขาจงใจทำเช่นนี้กับนาง!
“แต่ว่า…”
ฉู่หลิวเยว่ยังคงลังเล
“ก่อนหน้านี้ข้าสัญญากับพวกเขาไว้แล้ว แถมยังผ่านการคัดเลือกแล้วด้วย ถ้ายอมปล่อยไปเช่นนี้…”
นางไม่ได้ตามหาสมบัติศักดิ์สิทธิ์หรือต้องการโอกาสเด่นดัง หากแต่เป็นเพราะกังวลล้วนๆ
หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ของจริงอยู่ที่นาง แต่กลับมีคนคอยวางแผนการใหญ่เช่นนี้อย่างลับๆ ถ้านางไม่ไป…
แต่ตู๋กูโม่เป่าก็ยังยึดมั่นในจุดประสงค์ของตน
เขาสะบัดแขนเสื้อหนึ่งที พลันมีค่ายกลสีเงินขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้า และแผ่ขยายปกคลุมทั่วทั้งห้องอย่างรวดเร็ว!
ฉู่หลิวเยว่ยังคงโน้มน้าวอีกครั้ง
“พี่เป่า… เจ้าจะลงโทษข้าแบบใดก็ย่อมได้ แต่ช่วยรอจนกว่าข้าจะกลับมาได้หรือไม่? ข้า…”
“หากเจ้าแก้ค่ายกลนี้ได้ ข้าจะปล่อยเจ้าไปแน่นอน”
ครั้นพูดจบ ร่างของตู๋กูโม่เป่าก็หายวับไปจากห้องในพริบตา
ฉู่หลิวเยว่ “…”
…
หลังจากนั่งเงียบๆ อยู่ในห้องสักพัก ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็ตระหนักได้ว่าเกิดอันใดขึ้น
ตากลมจ้องมองถวนจื่อที่กำลังหลับอยู่บนโต๊ะ
ยามนี้ความชื้นบนร่างกายของมันระเหยไปแล้วบางส่วน แต่ยังคงมีทัณฑ์สวรรค์สีเงินปรากฏขึ้นบนตัวมันเป็นครั้งคราว
ดวงตาเฉี่ยวคมและสวยงามคู่นั้นปิดสนิท โดยไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลยสักนิด
ฉู่หลิวเยว่นวดหว่างคิ้วของตน พร้อมความรู้สึกแปลกๆ ในใจ
นางรู้จักกับตู๋กูโม่เป่ามานานแล้ว และแม้เขาจะชอบอารมณ์เสียเวลาที่ถูกนางหยอกเล่น แต่ส่วนใหญ่เขาก็ไม่ได้โมโหนางจริงๆ เสียหน่อย
ถึงบางครั้งเขาจะลงโทษนางแรงๆ แต่เขาจักทำเช่นนั้นก็ต่อเมื่อ ยามที่เขาต้องการสอนเคล็ดวิชาให้นางเท่านั้น
ทว่าวันนี้… ท่าทีของเขาดูแปลกไป
หรือเป็นเพราะความลับของตาน้ำพุบนเขาหมื่นเมรัยสำคัญมาก เขาจึงแสดงท่าทางเช่นนี้?
แต่ถ้าเป็นแบบนั้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามาช่วยนางเลย แค่ปล่อยให้ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ ลงโทษนางเสียก็สิ้นเรื่อง
ยามนี้ตู๋กูโม่เป่าพาถวนจื่อออกมา และลบร่องรอยเหล่านั้น แต่กลับขังนางไว้ที่นี่แทน…
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะอุ้มถวนจื่อขึ้นมาแล้วพยายามเดินออกไปนอกประตู
ยามเดินไปรอบๆ ห้อง ทุกอย่างล้วนดูปกติดี
จากนั้นนางก็เปิดประตูและเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
ทว่าก้าวเท้าออกไปได้เพียงยี่สิบก้าว ฉู่หลิวเยว่ก็สัมผัสได้ถึงค่ายกลที่มองไม่เห็น
นางหยุดฝีเท้าและมองกลับไปยังห้องของตน ก่อนจะเห็นกลุ่มแสงระยิบระยับบนพื้นด้านในอย่างคลุมเครือ
นี่คือพลังปราณของค่ายกลที่เขาสร้างไว้
หลังจากลองพยายามหลบหนีอยู่หลายครั้ง ฉู่หลิวเยว่ก็พบว่านางมิอาจหนีออกไปได้จริงๆ ดังนั้นนางจึงยอมแพ้
และเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูหน้าต่าง
ก่อนจะเริ่มศึกษารูปแบบของค่ายกลบนพื้นอย่างตั้งใจ
[1] 烫手山芋 หรือ เผือกร้อน เป็นการอุปมาว่ากำลังพบเจอกับเรื่องราวหรือปัญหาที่ยากจะรับมือ ประหนึ่งเผือกร้อนๆ
…