ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1369 หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ ตอนที่ 1370 โจมตี
ตอนที่ 1369 หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์
ฉู่หลิวเยว่ผงะตกใจ!
พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้าง
“ถูกต้อง! ขอแค่เจ้าส่งหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์มา อย่างอื่นย่อมตกลงกันได้ ไม่มีปัญหา!”
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองแวบหนึ่ง นางไม่รู้จักคนผู้นี้ แต่ดูเหมือนเขาจะเป็นคนสำคัญจากตระกูลชั้นหนึ่ง
ผู้ที่สามารถมาที่นี่ได้ ย่อมมิใช่คนธรรมดา ไม่ว่าเขาจะพูดอันใดย่อมมีอิทธิพลมหาศาล
ฉู่หลิวเยว่หันมองไปรอบๆ ด้วยท่าทีสงบนิ่ง
ผู้คนมากมายล้วนเงียบกริบไม่มีปากมีเสียง
แต่การเงียบเช่นนี้ ก็เป็นอันแน่ชัดแล้วว่าพวกเขาอยู่ฝ่ายเดียวกับจินตี้
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ไม่พูดไม่จามาพักหนึ่งแล้ว จินตี้จึงคิดว่านางได้สมบัติไปแล้ว แต่ไม่ยอมมอบมันให้เขา พลันเอ่ยย้ำอีกครา
“ฉู่เยว่ เจ้ายังเด็กนัก บางเรื่องเจ้าก็ไม่ควรเข้ามาวุ่นวาย แม้เจ้าจะได้มันมาเพราะโชคช่วย แต่เจ้าไม่อาจเก็บมันไว้ได้ การเก็บมันไว้ถือเป็นหายนะ และก่อให้เกิดเรื่องวุ่นวายตามมา ดังนั้น… มอบมันให้พวกข้าเสียดีกว่า แล้วพวกข้า จักตอบแทนน้ำใจของเจ้า ดีหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่พลันฉุกคิดได้ทันที
“ทุกท่านคิดว่า ข้าได้หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์มาจากข้างในหรือ?”
ไม่มีใครตอบนางสักคน
แต่ปฏิกิริยาของพวกเขาล้วนแสดงออกชัดเจนว่า “ใช่”
สรุปแล้วพวกเขาล้วนเห็นพ้องต้องกัน
ครั้นเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ พวกเขาทั้งหมดต่างร่วมแรงร่วมใจกันเปิดประตู แต่ก็ไม่อาจเปิดมันได้
ทว่าฉู่เยว่ที่อยู่เพียงลำพังกลับใช้กระบี่เล่มเดียวผ่ามันออกมาได้!
แล้วจะไม่ให้คนอื่นสงสัยนางได้อย่างใด?
เมื่อเห็นท่าทางของพวกเขา ฉู่เยว่พลันไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
คนพวกนี้ก็ช่างจินตนาการเสียจริง…
แม้ในกายของนางจะมีหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่จริงๆ แต่มันไม่ใช่สมบัติที่นางได้รับในครานี้เสียหน่อย
อีกอย่าง สิ่งนี้เป็นของนาง แต่พวกเขากลับขอมันไปง่ายๆ โดยแสร้งใช้วาจาสวยหรูบังคับนางอีก มันไม่ดูไร้ยางอายเกินไปหน่อยหรือ?
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นนิดๆ พลางกล่าวเสียงเรียบว่า
“ข้าทำให้ทุกท่านผิดหวังแล้วล่ะ ครั้งนี้ นอกจากการที่ข้าทะลวงขึ้นสู่จอมยุทธ์ระดับเก้าได้แล้ว ข้ามิได้รับของสิ่งใดมาจากข้างในนั้นเลย”
หลังพูดจบ ทั่วทั้งบริเวณโดยรอบพลันเงียบกริบ
หลายคนหันมองหน้ากัน ปมคิ้วขมวดพันยุ่งราวไม่เชื่อ
อันใดกัน… ไม่ได้อันใดเลยหรือ!?
เป็นไปได้อย่างใด!
จินตี้ทำหน้าถมึงทึง อายสังหารแผ่กระจายไปรอบตัวของเขาอย่างเร็ว
“พูดเช่นนี้ หมายความว่าเจ้าจะไม่ยอมมอบมันให้ข้าหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเยาะเบาๆ
“ข้ามิได้รับสิ่งใด ไยจักต้องมอบให้ท่าน? ทุกท่านกล่าวว่าข้าได้รับหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์มาจากด้านใน เช่นนั้นขอถาม…ท่านมีหลักฐานหรือไม่?”
นางอยู่ข้างใน พวกเขาอยู่ข้างนอก
ประตูบานใหญ่ปิดตายมาตลอด นางไม่เชื่อว่าพวกเขาจะมองเห็นเหตุการณ์ด้านใน!
“บางทีหลักฐานอาจอยู่ที่เจ้า!”
จินตี้กล่าวพลันพุ่งตัวเข้าใส่ฉู่หลิวเยว่อย่างว่องไว!
“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับ เช่นนั้นก็อย่าโทษพวกข้าแล้วกัน!”
ผู้เฒ่าฮวาเฟิงตกใจเมื่อเห็นท่าทีของเขา แล้วพุ่งตัวออกไปทันที!
แต่ร่างเงาของฉู่หลิวเยว่กลับหายวับไปในพริบตา!
…รวดเร็วอันใดเช่นนี้?
เมื่อเห็นภาพนั้น คนทั้งหมดล้วนตกตะลึงจนพูดไม่ออก
“จอมยุทธ์ระดับเก้าที่ไหนจะเคลื่อนตัวได้เร็วเช่นนั้น!? ชัดเจนว่าฉู่เยว่ผู้นี้ มีบางอย่างผิดปกติ!”
“ใช่แล้ว! ได้ยินว่าก่อนหน้านี้เขายังเป็นแค่จอมยุทธ์ระดับแปด แต่พอเข้าไปข้างในได้ไม่กี่วัน กลับทะลวงขึ้นเป็นจอมยุทธ์ระดับเก้าแล้ว ถ้าหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อยู่ที่เขา แล้วจะอยู่ที่ใด?”
“มัวตกใจอยู่ไย? รีบไปสิ! ช้ากว่านี้ สมบัตินั่นจักถูกพวกสำนักปีกสุวรรณชิงไปได้!”
ไม่นานกลุ่มคนทั้งหมดก็ลงมือจู่โจม
ทุกคนล้วนรวมตัวกัน!
เป้าหมายเดียวของพวกเขาคือ ฉู่หลิวเยว่!
ทันใดนั้น ก็มีเสียงก้องกัมปนาทดังขึ้นจากทางไกล!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้น ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ทั่วทั้งท้องฟ้าและพสุธาล้วนตกอยู่ในความมืดมิด
เปลวเพลิงโปร่งแสงดวงหนึ่งลุกไหม้กลางอากาศอย่างบ้าคลั่ง!
ข้างในดวงไฟนั้น ปรากฏหม้อสัมฤทธิ์พร้อมขาตั้งสี่ด้านลอยอยู่เงียบเชียบ!
…มันคือหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์!
ตอนที่ 1370 โจมตี
ประกายแสงสีสันทุกอณูที่อยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ถูกหม้อน้ำอันมหึมาดูดกลืนเข้าไปจนเกือบหมด
ลมปราณเปี่ยมฤทธิ์แลไร้ขีดจำกัดแพร่ขยายมาจากข้างในหม้อน้ำอันนั้น ทำเอาคนหวาดผวาไปตามกัน!
“หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์นี่!”
ใครคนหนึ่งพลันส่งเสียงร้องขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ
ผู้คนต่างหันขวับไปยังทิศทางนั้น ก่อนจะพากันพุ่งตรงไปฟากโน้น!
จินตี้เหลือบมองฉู่หลิวเยว่ด้วยท่าทีสงสัยแวบหนึ่ง
การเคลื่อนไหวที่ส่งเสียงเสียเอิกเกริกเมื่อก่อนหน้านี้ มิได้มาจากการปรากฏตัวของหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์จริงหรือ?
เขาแค่นหัวเราะเสียงเย็นเยียบ
“ฉู่เยว่ บัญชีแค้นครานี้… ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
พูดจบ ร่างของเขาก็หายแวบไป ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปทางเดียวกับฝูงชน!
“ฉู่เยว่ เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก้าวรุดมาด้านหน้าพลางกวาดสายตามองนางด้วยท่าทีกระวนกระวาย
ฉู่หลิวเยว่คลี่ยิ้มน้อยๆ
“ผู้อาวุโสโปรดวางใจ ศิษย์สบายดีขอรับ”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก สายตาที่มองฉู่หลิวเยว่ฉายแววยกย่องชมเชยอย่างปิดไม่มิด
“คิดไม่ถึง… ว่าเจ้าจะมีโชคถึงเพียงนี้!”
ภายในเวลาไม่กี่วัน ฉู่เยว่ก็สามารถบุกทะลวงจากจอมยุทธ์ระดับแปดสู่ระดับเก้าได้ หากพูดไปมิรู้ว่าจะทำให้คนมากมายเท่าไรรู้สึกชื่นชมระคนอิจฉา!
ฉู่หลิวเยว่บุ้ยคางไปทางฟากโน้น
“ผู้อาวุโส ทุกคนล้วนไปสู้แย่งชิงหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์กันหมดแล้ว ท่าน… มิลองไปหน่อยหรือ?”
“จริงอยู่ที่ของนั่นเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ว่าการที่สำนักเราแวะเวียนมาครานี้มิใช่เพราะมัน อีกอย่างคนเฮละโลไปกันตั้งมากมาย คิดจะหาผู้ชนะก็คงมิได้ง่ายดายขนาดนั้น”
แถมเลี่ยงการโรมรันอันแสนตึงเครียดไม่ได้ด้วย
ตอนนี้เขาคิดเพียงว่าต้องรีบหาพวกปั๋วเหยี่ยนให้เจอให้เร็วที่สุด ไหนจะศิษย์เป็นร้อยๆ คน ในสำนักอีก นอกจากเรื่องนี้แล้ว เขาก็มิได้ใส่ใจถึงเรื่องอื่นเลยแม้แต่น้อย
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“การปรากฏตัวของหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ลูกนั้นค่อนข้างประหลาดนัก… พวกเราคอยดูท่าทีของมันอยู่เงียบๆ น่าจะดีกว่า”
นางพูดพลางหันไปมองด้านนั้นแวบหนึ่ง ก่อนจะพบว่ากลุ่มคนจากเขาหลิงอวิ้นเองก็ยกโขยงกันไปฟากโน้นเช่นเดียวกัน
ทว่าชือรุ่ยเออร์กลับบินทะยานมาหานางแทน
“ศิษย์น้องฉู่เยว่ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
ยามได้ยินคนทั้งสองพูดคุยกัน นางเองก็ดูจะโล่งใจไม่น้อย
ผู้อาวุโสคิ้วขาวรีบรุดตามมาจากด้านหลัง
“คุณหนูรอง พวกเรารีบหน่อยเถิดขอรับ! ขืนชักช้า มีหวังหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกผู้อื่นฉวยไปเป็นแน่!”
เป้าหมายของคนทั้งคู่ต่างจากสำนักหลิงเซียว พวกเขามากันครานี้ก็เพื่อสมบัติชิ้นนั้น
มาบัดนี้ ในที่สุดมันก็ปรากฏแก่สายตาแล้ว ไฉนเลยจะหาเหตุผลไม่ไปฉวยชิงมาได้เล่า?
ชือรุ่ยเออร์ผงกศีรษะไปทางผู้อาวุโสฮวาเฟิงกับฉู่หลิวเยว่
“ผู้อาวุโส ฉู่เยว่ พวกเราคงต้องขอตัวก่อน…”
“ศิษย์พี่หญิง”
ฉู่หลิวเยว่พลันเอ่ยปากด้วยหวังจะโน้มน้าว
“หากเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับนี้มาปรากฏบนโลก ย่อมต้องเกิดการเคลื่อนไหวสั่นสะเทือนลั่น ทว่ายามของสิ่งนั้นปรากฏกลับไร้สุ้มเสียงแลเงียบงันนัก ดูแปลกอยู่หน่อยจริงๆ ข้าว่า… อย่าเพิ่งรีบร้อน คอยดูอย่างถี่ถ้วนไปก่อน จากนั้นค่อยว่ากัน ดีหรือไม่?”
ชือรุ่ยเออร์ตะลึงไปพักหนึ่ง
“ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล…”
ต้นกำเนิดของนางมาจากตระกูลสูงศักดิ์ จึงมิมีทางไม่เคยเห็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาก่อน
หากคิดจะครอบครองสมบัติล้ำค่าระดับนี้ ปกติแล้วก็มักจะขึ้นอยู่กับวาสนาด้วยเช่นกัน
ต่อให้ฉวยของมาได้เป็นคนแรก ก็มิได้หมายความว่าจะได้รับการยอมรับจากสมบัติชิ้นนั้น
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนจำนวนมากขนาดนั้น ที่แย่งกันพุ่งเข้าไปหาของนั่น เหมือนกลัวตัวเองน้อยหน้าอย่างใดอย่างนั้น
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะผงกศีรษะหงึกหงัก
“เช่นนั้นพวกข้าล่วงหน้าไปก่อน ดูหน่อยว่ามันเกิดอันใดขึ้นกันแน่”
ใจของฉู่หลิวเยว่กระตุก นางพยักหน้าเล็กน้อย
พอดีเลย นางเองก็อยากไปดูเหมือนกันว่าของสิ่งนั้นคือสิ่งใดกันแน่
“คุณหนูรอง…”
ผู้อาวุโสคิ้วขาวหน้านิ่งราวกับอยากจะเอ่ยเกลี้ยกล่อมอีกสักประโยคสองประโยค
ทว่าชือรุ่ยเออร์กลับปรามเขาด้วยการส่ายศีรษะเบาๆ
ผู้อาวุโสคิ้วขาวจึงกลืนคำพูดที่เหลือลงคอไป พลางปรายตามองฉู่หลิวเยว่อย่างไม่เข้าใจ
ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีพื้นเพเป็นอย่างใด คุณหนูรองถึงได้ให้ความสำคัญแก่เขาปานนั้น กระทั่งอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ นางก็ยังเลือกที่จะฟังคำพูดของเขา นี่มัน…
เขาระงับความสงสัยแลระแวดระวังในใจของตนลงไป ก่อนจะเดินคล้อยหลังตามชือรุ่ยเออร์ไปยังเบื้องหน้า
…
“ตั้งแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบัน หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์มีเพียงอันเดียวเท่านั้น”
เสียงของอินทรีสามตาดังทุ้มขึ้นมา
“เจ้าสิ่งที่อยู่ข้างหน้าย่อมต้องเป็นของปลอมอย่างไม่ต้องสงสัย”
ฉู่หลิวเยว่ผงกศีรษะรับด้วยหาความต่างมิเจอ
“แต่ว่าลมปราณสายนั้นคล้ายกับหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์มากจริงๆ”
หากมิใช่เพราะนางมีของจริงอยู่ในมือ เกรงว่านางเองก็คงถูกของตรงหน้าหลอกเข้าแล้วเหมือนกัน
กระทั่งตัวนางยังเกือบเข้าใจผิด คงมิต้องไปพูดถึงผู้อื่นเลยว่าจะเป็นอย่างใด
อินทรีสามตาเอ่ยด้วยเสียงจองหอง
“ของปลอมก็ยังเป็นของปลอม แสร้งเป็นของจริงไปไม่ได้ตลอดหรอก”
ระหว่างพูดกันอยู่นั้น ในที่สุดพวกฉู่หลิวเยว่ก็พากันเดินมา ก่อนจะหยุดห่างออกไปจากหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ประมาณสามสิบจั้ง
คนกลุ่มเบื้องหน้าที่เดินนำกันมาก่อนอยู่ใกล้เสียยิ่งกว่า ต่างก็เข้าล้อมหม้อน้ำโปร่งแสงขนาดยักษ์อันนั้นจากทั่วทั้งสี่ทิศแล้วเรียบร้อย
มิรู้ว่าเพราะหวั่นเกรงในแรงกดดันมหาศาลของมัน หรือครั่นคร้ามในตัวของคู่แข่งคนอื่นๆ หลังจากที่พวกเขามาถึงกันแล้ว กลับมิมีใครชิงเริ่มลงมือก่อน
เงียบสงัดไร้เสียงหวีดหวิว
มีเพียงดวงตาที่ทอประกายตื่นเต้นและกระหายโลภ ที่เผยความรู้สึกนึกคิดของพวกเขาออกมาเสียจนหมดเปลือก
ฉู่หลิวเยว่จ้องเขม็งตามไป
เปลวเพลิงกลุ่มหนึ่งลุกโชนโหมสว่างจ้าอยู่กลางอากาศ
หม้อน้ำโปร่งแสงขนาดยักษ์ลอยเคว้งอย่างเงียบงันอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงกลุ่มนั้น
หากดูจากลักษณะภายนอกแล้วละก็ ของสิ่งนั้นเหมือนกับของที่อยู่ภายในร่างของนางราวกับแกะโดยแท้
กระทั่งลวดลายที่แกะสลักอยู่บนผิวหม้อก็ล้วนเหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ทว่ามีเพียงจุดเดียวเท่านั้นที่ต่าง คือลมปราณที่แผ่ออกมาไม่ถูกต้อง
ก่อนหน้านี้ยังคิดมิถึง ทว่าครานี้เมื่อขยับเข้าไปใกล้ นางถึงพลันรู้สึกได้ว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นของปลอมจริงๆ
ต่อให้ภายนอกจะดูเหมือนขนาดไหน ทว่ารายละเอียดภายในไม่เหมือน สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้
น่าเสียดาย สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์แล้วไซร้ ให้ตายอย่างใดก็ย่อมไม่มีทางแยกออก
ฉู่หลิวเยว่กวาดตามองรอบตัว ไม่นานก็พบว่าใต้หม้อน้ำโปร่งแสงอันนั้น บนพื้นดินมีหลุมลึกปรากฏขึ้นมาหลุมหนึ่ง
หิมะที่ทับถมกันหลายชั้นพากันละลายจนหมด กระทั่งผืนดินเองยังถูกยกสูงขึ้น บริเวณขอบหลุมสีดำสนิทได้ส่งกลิ่นไหม้ออกมาจางๆ
ดูแล้วราวกับว่าจู่ๆ มันก็พุ่งขึ้นมาจากใต้ดินอย่างใดอย่างนั้น
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาพลางครุ่นคิดกับตัวเอง
เห็นชัดเลยว่ามีคนตั้งใจใช้ของสิ่งนี้จัดฉากเอาไว้เสียดิบดี เพียงแค่ว่า…
มิรู้ว่าจุดประสงค์ที่อีกฝ่ายทำเช่นนี้คือสิ่งใดกันแน่?
ทันใดนั้นเอง หม้อน้ำโปร่งแสงที่ลอยกลางอากาศพลันหมุนคว้าง!
ทุกคนต่างรีบตั้งค่ายกลขึ้นในทันใด!
หลังจากนั้น เปลวไฟโปร่งใสก็พวยพุ่งปะทุออกไปในทันที!
ตูม!
กระแสคลื่นความร้อนอันน่าหวาดผวาแผ่กระจายไปทั่วสี่ทิศ!
ฉู่หลิวเยว่มิได้ยืนรอตั้งรับ กลับกันนางเลือกที่จะถอยไปด้านหลังแทน
ทว่าในตอนนั้นเอง พลันมีเสียงพรูลมหายใจออกมาอย่างเจ็บปวดลอยแว่วมาข้างหูของนาง
นางรีบหันศีรษะขวับไปมอง กลับพบว่าไหล่ข้างหนึ่งของชือรุ่ยเออร์ถูกแส้เพลิงหวดเข้าให้อย่างรุนแรงเสียจนเนื้อแตก!
ฟึ่บ!
เงาร่างดำทะมึนพลันปรากฏยังเบื้องหน้านาง หมายจะปกป้องนางให้พ้นจากภัยร้าย
ซึ่งเป็นสัตว์อสูรในพันธะของนาง… อินทรีสามตานั่นเอง!
ทว่าการปรากฏตัวของอินทรีสามตา กลับมิได้ทำให้ชือรุ่นเออร์สามารถหนีไปได้อย่างปลอดภัย กลับกันมันรังแต่จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่มากกว่าเดิม!
เพราะหลังจากที่มันปรากฏตัว หม้อน้ำโปร่งแสงอันนั้นกลับพลันพุ่งเข้ามาหาตัวชือรุ่ยเออร์โดยมิทันได้ตั้งตัว!
ตูม!
กระแสคลื่นความร้อนอันน่าหวาดผวาแผ่กระจายไปทั่วสี่ทิศ!
ฉู่หลิวเยว่มิได้ยืนรอตั้งรับ กลับกันนางเลือกที่จะถอยไปด้านหลังแทน
ทว่าในตอนนั้นเอง พลันมีเสียงพรูลมหายใจออกมาอย่างเจ็บปวดลอยแว่วมาข้างหูของนาง
นางรีบหันศีรษะขวับไปมอง กลับพบว่าไหล่ข้างหนึ่งของชือรุ่ยเออร์ถูกแส้เพลิงหวดเข้าให้อย่างรุนแรงเสียจนเนื้อแตก!
ฟึ่บ!
เงาร่างดำทะมึนพลันปรากฏยังเบื้องหน้านาง หมายจะปกป้องนางให้พ้นจากภัยร้าย
ซึ่งเป็นสัตว์อสูรในพันธะของนาง… อินทรีสามตานั่นเอง!
ทว่าการปรากฏตัวของอินทรีสามตา กลับมิได้ทำให้ชือรุ่นเออร์สามารถหนีไปได้อย่างปลอดภัย กลับกันมันรังแต่จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่มากกว่าเดิม!
เพราะหลังจากที่มันปรากฏตัว หม้อน้ำโปร่งแสงอันนั้นกลับพลันพุ่งเข้ามาหาตัวชือรุ่ยเออร์โดยมิทันได้ตั้งตัว!
เปลวเพลิงช่วงโชติที่ลุกไหม้อย่างบ้าคลั่งพลันแบ่งออกเป็นแส้เพลิงสองสาย ก่อนจะเข้าโอบล้อมจากทั้งสองข้าง ขังชือรุ่ยเออร์เอาไว้ข้างในได้อย่างง่ายดาย!
ทุกคนต่างถูกภาพฉากนี้สะกดตรึงอยู่กับที่
“หรือว่าหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์เลือกชือรุ่ยเออร์ผู้นั้นกัน?”
ทว่าครู่ต่อมา การคาดการณ์ของพวกเขาก็ต้องแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
เพราะว่าเปลวเพลิงโปร่งใสที่โอบล้อมอยู่ทั่วทุกสารทิศได้พุ่งเข้าโจมตีชือรุ่ยเออร์อย่างไร้ปรานี!