ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1394 เจ้ารบกวนการนอนของนางอยู่
ตอนที่ 1394 เจ้ารบกวนการนอนของนางอยู่
แล้วตอนนี้นางควรทำอย่างใดดี?
เจียงจื่อหยวนเค้นสมองคิดอย่างสุดชีวิต ทว่าพลันตระหนักอย่างสิ้นหวังได้ว่า ตัวเองตกอยู่ในสภาพจนตรอกเสียแล้ว!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงชิงลงมือก่อน ใช้วิธีคนมักเชื่อและยอมรับสิ่งที่เห็นแลยลยินมาก่อนอย่างเลี่ยงมิได้ ทำให้เหลี่ยงเซียวเซียวเชื่อคำกล่าวอ้างของเขาจนคิดว่าทุกอย่างนี้ล้วนเป็นความผิดของนาง
แต่ว่า…คนร้ายตัวจริงคือคนจากเขาหลิงอวิ้นพวกนั้นต่างหาก!
อีกอย่าง คนที่ยืนดูอยู่เฉยๆ โดยไม่รู้สึกทุกข์ร้อนมิได้มีแค่นางเสียหน่อย เหตุเหลี่ยงเซียวเซียวถึงเอาความรับผิดชอบทั้งหมดมาโยนใส่บ่านางได้เล่า?
“เซียวเซียว! เจ้าเข้าใจผิดไปแล้วจริงๆ นะ! ตอนนั้นข้า…ตอนนั้นข้าเองก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน!”
เจียงจื่อหยวนบังใบหน้าของตนเอาไว้ คราบเลือดที่มุมปากค่อยๆ ไหลซึมออกมา
“ข้าคนเดียวจะไปต่อกรกับคนพวกนั้นไหวได้อย่างใดกัน?”
เหลี่ยงเซียวเซียวก้าวไปข้างหน้า มือหนึ่งคว้าคอเสื้อของเจียงจื่อหยวนไว้ สองตาแดงก่ำ
“คนพวกนั้น? ใครกัน!”
“คือ…”
เจียงจื่อหยวนกำลังจะโพล่งออกไปอยู่แล้ว ทว่าหางตากลับเหลือบไปเห็นสายตาที่ผู้อาวุโสฮวาเฟิงมองมาที่ตน อีกฝ่ายเลิกคิ้วน้อยๆ พลางคลี่รอยยิ้มอ่อนจนแทบจับมิได้
นางพลันรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย
ไม่!
พูดไม่ได้เด็ดขาด!
หาก ‘เขาหลิงอวิ้น’ สามคำนี้หลุดออกมาจากปากนางแล้วล่ะก็ เช่นนั้นต่อไปในภายภาคหน้า นางต้องเจอเขาหลิงอวิ้นไล่คิดบัญชีทีหลังแน่!
อีกฝ่ายเองเป็นถึงตระกูลชั้นสูงของแท้เหมือนกัน!
มิต้องพูดถึงนางด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นตระกูลเจียงทั้งหมดจากเซียนสุ่ยหลิงเองก็มิใช่คู่มือของอีกฝ่ายแต่แรกอยู่แล้ว!
นางจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับปัญหาใหญ่หลวงนี่ไม่ได้เด็ดขาด!
“ขะ…ข้าเองก็ไม่รู้”
รสคาวปะแล่มปนหวานเข้มข้นที่อวลอยู่ทั่วปากเจียงจื่อหยวนทำให้นางแทบอยากสำรอกอยู่รอมร่อ
“ตอนนั้น…พวกเขาทั้งหมดต่างก็อำพรางตัวตน…ข้าเลยดูไม่ออก”
ปัง!
เหลี่ยงเซียวเซียวเหวี่ยงตัวเจียงจื่อหยวนจนลงไปกองกับพื้น
แม้พละกำลังนางจะไม่ได้มากไปกว่าเจียงจื่อหยวน ทว่าเจียงจื่อหยวนในตอนนี้อ่อนปวกเปียกนัก กระทั่งกำลังมือยังหมดสิ้นเรี่ยวแรง จึงทำได้แค่ปล่อยให้อีกฝ่ายหยามเกียรติได้ตามใจอยาก
หน้าอกเหลี่ยงเซียวเซียวกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดเลยว่าแรงโทสะไม่แผ่วลงเลย
นางชี้หน้าเจียงจื่อหยวนพลางหัวเราะเสียงเย็นยะเยือก
“ประเสริฐ…ประเสริฐนัก! เจียงจื่อหยวน วันนี้ถือว่าข้าดูเจ้าออกทะลุปรุโปร่งแล้ว! นับจากนี้ต่อไป ข้าเหลี่ยงเซียวเซียวและตระกูลเหลียงทั้งหมด มิอาจญาติดีกับเจ้าได้อีก!”
ในใจเจียงจื่อหยวนพลันมีเสียง ‘ตุบ’ ก้องในหัว
การถูกตระกูลชั้นสูงจับตาเพ่งเล็งจะมีจุดจบแบบใดกัน?
นางไม่ต้องใช้สมองคิดยังรู้ได้!
ทว่าเรื่องนี้เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นพวกผู้อาวุโสฮวาเฟิงที่เอ่ยนำขึ้นมา แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับนางด้วยเล่า?
ในตอนนั้นเอง คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ไม่มีใครลงมือด้วยซ้ำ…
ทันใดนั้นเอง แสงสีขาวสว่างก็เคลื่อนวาบเข้ามาในหัวเจียงจื่อหยวน
นางพลันเข้าใจถึงอะไรบางอย่าง
…เป็นเหลี่ยงเซียวเซียวที่จงใจทำแบบนี้ต่างหาก!
เติบโตมาในตระกูลชั้นสูงเช่นนี้ อีกทั้งได้รับการประคบประหงมเอาใจใส่อย่างดีมาเต็มเปี่ยม เป็นที่ชัดเจนว่าตัวเหลี่ยงเซียวเซียวมิได้โง่เง่าเต่าตุ่นอย่างที่แสดงออกมา แท้จริงแล้วไซร้นางเป็นคนฉลาดหลักแหลมอย่างยิ่ง!
นางรู้ดีว่าเรื่องนี้สำนักไม่พ้นมีเอี่ยวด้วย แต่นางเองก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับสำนักเหมือนกัน
อีกอย่างภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่นั้น ตัวสำนักเองขึ้นชื่อเรื่องการวางตัวสูงส่ง แต่ไหนแต่ไรมามิเคยเข้าไปข้องเกี่ยวกับธุระของตระกูลชั้นสูงใด
ที่พวกเขาทำเช่นนี้ ความจริงก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผลไปเสียทีเดียว
แต่เรื่องนี้จะอย่างใดก็ต้องหาตัวคนรับผิดมาให้ได้
เช่นนั้นแล้ว…
ตัวเจียงจื่อหยวนเองจึงกลายเป็นแพะรับบาปไปโดยปริยาย!
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นางก็จะสามารถรักษาความสัมพันธ์ต่อสำนักได้อย่างราบรื่น ทั้งยังสามารถแก้แค้นให้เหลี่ยงเส่าคังได้อีก ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องเลยมิใช่หรือ?
เจียงจื่อหยวนคิดจะยันตัวเองให้ลุกยืนขึ้น ทว่าหลังจากลองไปสองสามครั้ง กลับพบว่าร่างกายของตัวเองกำลังสั่นระริกอย่างรุนแรง
เหตุใดเรื่องราวจึงเปลี่ยนมาเป็นเช่นนี้ได้หนอ…
ก่อนหน้านี้นางเป็นที่ถือไพ่เหนือกว่าอยู่อย่างเห็นได้ชัด ทว่าตอนนี้…
ในที่สุดก็เป็นผู้อาวุโสฮวาเฟิงที่ค่อยๆ เอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง
“เซียวเซียว จริงๆ แล้วเรื่องนี้ก็มิอาจโทษนางทั้งหมด แม้พี่ชายเจ้าจะอ้อนวอนขอร้องนางอยู่นาน ทว่าเจ้าก็น่าจะจินตนาการออกว่าตอนนั้นตัวนางเองก็ได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน จะไปดูแลพี่ชายเจ้าไหวได้อย่างใดกัน?”
เจียงจื่อหยวนอยากกระโจนเข้าไปฉีกปากผู้อาวุโสฮวาเฟิงให้รู้แล้วรู้รอด!
เลิกพล่ามต่อได้แล้ว!
นี่สภาพทุเรศทุรังของนางยังดูอนาถไม่พออีกหรือไร!
หากเป็นแบบนี้ต่อไป นางจะยืนหยัดอยู่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ต่อได้อย่างใดกัน?
ภายในนัยน์ตาเหลี่ยงเซียวเซียวราวกับปรากฏแววเย็นเยียบเคลื่อนผ่าน
“ท่านวางใจเถิด ก่อนสืบสาวราวเรื่องจนได้ความชัดเจน ข้าจะมิทำอันใดนางอีก”
ทว่าหลังจากตรวจสอบจนชัดเจนแล้ว ก็คงไม่ต้องพูดแล้วกระมัง!
ในหัวเจียงจื่อหยวนวุ่นวายอลวนไปหมด
ด้วยสภาพนี้ นางจะยังทำอันใดได้อีก…
ทันใดนั้น นางก็เงยศีรษะขึ้น ก่อนจะมองข้ามกลุ่มคนไปยังบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมสีดำ
ตอนนี้เกรงว่าจะมีแต่เขาแล้วที่สามารถช่วยนางได้!
“ฝ่าบาท!”
เจียงจื่อหยวนใช้แรงทั้งหมดที่มี ตะโกนเสียงสูงดังลั่น น้ำตาไหลพรากอาบแก้มทั้งสองฝั่ง
นางเองก็ไม่รู้ว่าตนเอาแรงมาจากไหน พาร่างตัวเองผลุนผลันลุกยืนขึ้น ก่อนจะพุ่งไปยังทิศทางนั้นด้วยความว่องไว
ฝีเท้าแม้จะซวนเซ ทว่าความเร็วกลับนับว่าไม่ช้าเลย
เพราะว่าเรื่องเกิดอย่างกะทันหัน หลังจากที่ผู้คนเริ่มรู้สึกตัว นางก็พุ่งไปได้ไกลระยะหนึ่งแล้ว
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงสีหน้าเย็นเยียบนัก เขาก้าวไปข้างหน้า ขัดขวางร่างของเจียงจื่อหยวนเอาไว้ แล้วตวาดอย่างเดือดดาล
“เจียงจื่อหยวน! เจ้าเกิดบ้าอันใดขึ้นมา!”
เจียงจื่อหยวน
“ฝ่าบาท! พระองค์กล่าวอะไรออกมาสักหน่อยเถิด! หรือว่าพระองค์ทนดูเรื่องทุกอย่างนี้เกิดขึ้นได้จริงๆ หรือ? จะดีร้ายยังไงเซียนสุ่ยหลิงก็เป็นหนึ่งในยี่สิบแปดตระกูลใต้ปกครองของพระองค์ ขอฝ่าบาทเห็นแก่หน้าคนตระกูลเจียงด้วยเถิด!”
ทุกคนล้วนเบนสายตามองไปทางหรงซิว
คำพูดนี้ของเจียงจื่อหยวนเองก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล
เซียนสุ่ยหลิงเป็นตระกูลที่ครอบครองกำลังคนและมีเส้นสนกลในแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาตระกูลใต้ปกครองของพระราชวังเมฆาสวรรค์ อีกทั้งเจียงจื่อหยวนเองก็เป็นดั่งไข่มุกกลางฝ่ามือของเจียงเห่อเทียน
หากว่าหรงซิวตัดสินใจเอ่ยปากช่วยนางเข้าจริงๆ เช่นนั้น…ทุกคนเองก็ยังต้องไว้หน้าเขาอยู่ดี
หรงซิวกลับเลือกมองคนในอ้อมอกก่อนแวบหนึ่ง
หว่างคิ้วของนางปรากฏรอยยับย่น แพขนตาสั่นไหวน้อยๆ ราวกับว่ากำลังฝันถึงเรื่องชวนกวนใจอยู่ก็มิปาน
หรงซิวจัดการอุ้มนางให้แนบอกตน จากนั้นก็ผินกายมาหา ดวงตาเหลือบขึ้นมาเล็กน้อย
ดวงตาหงส์คู่นั้นทอประกายเย็นยะเยือกกอปรลึกล้ำ แฝงด้วยแววเย็นเยียบชวนเสียวสันหลังวาบ
เจียงจื่อหยวนถูกสายตาเช่นนี้กวาดมอง จึงรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย
นางอ้าปากส่งเสียง สุ้มเสียงแหลมเสียดูพลันอ่อนลงมามากทีเดียว
“ฝ่าบาท…”
“เจ้ารบกวนการนอนของเขาอยู่”
หรงซิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา