ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1397 ตัดชื่อออก
“นี่มันก็ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เหตุใดยังไม่เห็นวี่แววที่จะฟื้นขึ้นมาเลย…”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงทั้งรู้สึกกังวลและปวดใจ
เขาเห็นฉู่เยว่เป็นเด็กที่มีชีวิตชีวา เจ้าเล่ห์ และเฉลียวฉลาดอยู่เสมอ
แต่ทว่าฉู่เยว่ในตอนนี้ กลับนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง เปราะบางอ่อนแอเหมือนกับกระจกที่เพียงแค่สัมผัสเบาๆ ก็จะแตกร้าว
“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างใด… ก่อนหน้านี้เด็กคนนี้ผ่านอันใดมากันแน่?”
หรงซิวชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ห่มผ้าห่มให้ฉู่หลิวเยว่เป็นอย่างดี
“ผู้อาวุโสวั่นเจิง พวกเราออกไปคุยข้างนอกกันเถอะ”
หากอยู่ตรงนี้จะเป็นการรบกวนนางได้
ผู้อาวุโสวั่นเจิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ถูกต้อง! พวกเราออกไปคุยข้างนอกกันเถอะ ให้เขาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่!”
ตอนที่พูดอยู่นั้น เขาก็ยังลดเสียงลงให้ต่ำด้วย เหมือนกลัวว่าจะเป็นการรบกวนฉู่หลิวเยว่
มุมปากของหรงซิวยกยิ้มเล็กน้อย
“เชิญ…”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงไม่อยากจะจากไปอย่างมาก เขาเดินไปหนึ่งก้าวแทบจะหันมามองหนึ่งครั้ง
จนกระทั่งหรงซิวพูดว่าเขาได้วางค่ายกลเอาไว้ที่นี่แล้ว ไม่ว่าด้านในจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น เขาจะรู้ได้ในทันที ผู้อาวุโสวั่นเจิงจึงสามารถวางใจลงได้
ทั้งสองคนเดินจากไปแล้ว ก่อนจะนั่งลงบนม้าหินในสวน
…
“ข้ารู้ว่าท่านมีคำถามมากมาย ท่านอยากถามเรื่องอันใด ก็ถามมาได้เลย หรงซิวตอบทุกสิ่งทุกอย่างที่รู้”
หลังจากที่นั่งลง หรงซิวก็พูดเข้าประเด็น
เขาเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสวั่นเจิง ด้วยท่าทางตรงไปตรงมาและจริงใจ
หากเป็นคนอื่นก็ช่างเถิด แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสวั่นเจิงเป็นอาจารย์ของฉู่หลิวเยว่ และยังเป็นหนึ่งในคนที่มีอำนาจในการดูแลนางมากที่สุดอีกด้วย
เดิมทีผู้อาวุโสวั่นเจิงมีความสงสัยมากมายเต็มไปหมด และมีคำถามที่อยากจะถามเยอะมาก
หลังจากเห็นว่าหรงซิวพูดขึ้นมาเช่นนี้ ในตอนนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มถามจากตรงไหนดี
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง เขาก็จัดการความคิดของตนเองได้แล้ว ในที่สุดก็เริ่มถามว่า
“ตอนนี้สภาพร่างกายของฉู่เยว่เป็นอย่างใดบ้าง?”
ระหว่างทางที่เขามาที่นี่นั้นเขารีบร้อนอย่างมาก รีบจนลืมตรวจชีพจรของฉู่เยว่ด้วยตนเอง
แต่หรงซิวก็เป็นเซียนหมอเช่นกัน อีกทั้งเขายังเป็นคนพาฉู่เยว่กลับมา น่าจะรู้ดีที่สุด
หรงซิวกล่าว
“เรื่องนี้ท่านวางใจได้เลย สภาพร่างกายของนาง…ไม่ได้เป็นอันใดมาก แม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่หากพักฟื้นสักช่วงเวลาหนึ่งต้องสามารถหายดีได้อย่างรวดเร็วแน่นอน”
เขาเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง
“ท้ายที่สุดแล้ว…ท่านก็รู้ว่านางเพิ่งทะลวงจอมยุทธ์ระดับเก้า”
ในตอนนี้พลังฟื้นฟู และพลังอื่นๆ แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ยิ่งเป็นนางแล้วไม่ต้องพูดถึงเลย
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสวั่นเจิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ผ่อนมือแล้วกำ กำแล้วผ่อน ในแววตาของเขามีประกายความซับซ้อนจำนวนมากนับไม่ถ้วน สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดอย่างจนปัญญา
“ตอนนี้ข้าไม่รู้ว่า ข้าควรจะเป็นห่วงเขาหรือว่าควรจะยินดีกับเขา”
ภายในช่วงเวลาสั้นๆ เรื่องที่ฉู่เยว่เลื่อนขั้นจากจอมยุทธ์ระดับแปดเป็นระดับเก้า เขาเคยได้ยินผู้อาวุโสฮวาเฟิงพูดมาคร่าวๆ แล้ว
เพียงแต่ว่าในตอนนั้นหัวใจของเขามีความกังวลมากกว่า จึงไม่ได้คิดอันใดมาก
ในขณะนี้ทุกคนต่างกลับมาแล้ว อีกทั้งสถานการณ์ของฉู่เยว่ก็เหมือนจะนิ่งขึ้นด้วย หลังจากนั้นเขาถึงค่อยค้นพบว่า เรื่องนี้… มันน่าตกใจมากขนาดไหน!
โอกาสแบบนี้ จะมีสักกี่คนที่ได้พบเจอ?
ครั้งนี้มีคนไปที่บุพกาลชายแดนเหนือเป็นจำนวนมาก แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาพร้อมความล้มเหลว
มีเพียงแค่ฉู่เยว่ที่ไม่ได้ไปในคราแรก แต่กลับกลายเป็นผู้ชนะในครั้งนี้
“เจ้าเด็กน้อย…โชคของเจ้านั้นไม่ธรรมดาเลยนะ!”
เมื่อเขาคิดไปแล้ว ผู้อาวุโสวั่นเจิงจึงได้แต่ใช้คำว่า “โชคดี” มาบรรยายเรื่องนี้เท่านั้น
ก่อนหน้านี้เขาเห็นกับตาว่าเด็กคนนี้ทะลวงด่านจอมยุทธ์ระดับแปด เขาก็รู้สึกตกใจมากพออยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากผ่านไปไม่นาน เขาจะ…
“หึ หากด้วยความเร็วระดับนี้ ไม่ว่าวันไหนสักวันหนึ่งเขาก็จะสามารถทะลวงผ่านอาณาเขตเทพเซียน และกลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพได้!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย และอดพูดชื่นชมออกมาอีกประโยคไม่ได้
หรงซิวหลุบสายตาลงต่ำ ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“… อาจจะละมั้ง”
“เฮ้อ ตราบใดที่เขาสบายดี ข้าเองก็รู้สึกสบายใจแล้ว!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงเช็ดเม็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก
“จริงสิ ก่อนหน้านี้ฮวาเฟิงพูดกับข้าว่า ฉู่เยว่ถูกกลุ่มชายลึกลับที่สวมชุดสีดำเรียกตัวไป เจ้า… พอจะรู้เรื่องนี้บ้างหรือไม่?”
ท้ายที่สุดหรงซิวก็เป็นคนช่วยคนพวกนี้กลับมาได้ หากคนที่น่าจะรู้เรื่องอันใดบางอย่างก็น่าจะเป็นเขาแล้วล่ะ
หรงซิวส่ายหน้า คำพูดเหมือนกับก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
“ตอนที่ข้าไปถึงนั้น ไม่เห็นคนที่พวกเขาเรียกว่านายท่านแล้ว อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามนั้นก็เจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก จึงไม่ได้ทิ้งเบาะแสอันใดไว้เลย”
“เรื่องนี้รับมือได้ยากแล้ว…”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงขมวดคิ้วเป็นปมแน่น
“หากเป็นเช่นนี้ คงทำได้เพียงต้องรอให้ฉู่เยว่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น ถึงจะสามารถสืบค้นอันใดได้”
แต่ใครจะรู้เล่าว่าเขาจะตื่นเมื่อไร?
หรงซิวยิ้มออกมา
“ท่านไม่ต้องกังวล ในช่วงนี้ข้าจะดูแลเขาให้ดีเอง รอจนเขาตื่นขึ้นมาแล้ว บางที… ทุกอย่างอาจจะมีคำตอบ”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงพยักหน้า
“นี่เป็นสิ่งที่เราทำได้แล้ว…จริงสิ แล้วยังมีอีกเรื่อง…”
ขณะที่เขาพูด เขาก็มองมาทางหรงซิวด้วยความลังเลใจ
“เจ้ากับฉู่เยว่… มีความสัมพันธ์อันใดกันแน่?”
ตอนที่ผู้อาวุโสวั่นเจิงถามขึ้น เขารู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าทั้งสองคนเป็นเพียงแค่สหายที่สนิทกันเท่านั้น หรงซิวมองฉู่เยว่ในฐานะน้องชาย
แต่ดูจากสถานการณ์ในช่วงนี้แล้ว มันเห็นได้ชัดว่า…
ดวงตาของหรงซิวสั่นไหวเล็กน้อย เหมือนมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้นในดวงตาหงส์
หลังจากนั้นไม่นาน รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“เขาสำคัญต่อข้ามาก”
หากพูดให้ถูกต้องก็คือ เขาเป็นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา
ผู้อาวุโสวั่นเจิงชะงักไป
สามารถทำให้หรงซิวพูดแบบนี้ออกมาได้… ถือว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง
แม้กระทั่งคนของพระราชวังเมฆาสวรรค์เอง เขาก็สามารถฆ่าได้โดยไม่ต้องกะพริบตาด้วยซ้ำ!
เห็นได้ชัดว่าหรงซิวไม่อยากเปิดเผยเรื่องราวออกมาเท่าไรนัก และผู้อาวุโสวั่นเจิงก็รู้ดีว่าไม่ควรถามอีกต่อไปแล้ว
ในใจของเขาครุ่นคิดถึงคำพูดของหรงซิวนี้อย่างถี่ถ้วน สุดท้ายก็ยังเหลือบสายตามองเขาอีกครั้ง
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว”
ตราบใดที่มีหรงซิวคอยปกป้อง จะมีเรื่องอื่นอันใดที่สำคัญกว่านี้อีก?
หากดูตามนิสัยของฉู่เยว่แล้ว หลังจากนี้เขาอาจจะต้องไปก่อเรื่องอีกในอนาคตแน่นอน ก็เหมือนกับครั้งนี้ นั้นไม่ยอมเลือกใคร พาแต่เขาไปคนเดียว…
หากหรงซิวไม่อยู่ที่นี่ เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะมีผลลัพธ์เป็นอย่างใด
ผู้อาวุโสวั่นเจิงลุกขึ้นยืน
“ทุกคนเพิ่งกลับมา ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ต้องจัดการ ในเวลานี้ข้างนอกน่าจะวุ่นวาย ทางด้านฉู่เยว่ต้องลำบากให้เจ้าดูแลแล้ว”
หรงซิวลุกขึ้นยืนตาม ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“ท่านวางใจเถอะ”
…
ทั้งสำนักหลิงเซียวเกิดความวุ่นวายจริงๆ
ศิษย์และผู้อาวุโสในรายชื่อกว่าสามร้อยคนที่อยู่บนคาบเกี่ยวของความเป็นความตาย เกือบจะต้องถูกกวาดล้างที่บุพกาลชายแดนเหนือ
เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบร้อยปีของสำนักหลิงเซียวมาก่อน
นอกจากจะต้องปลอบโยนทุกคนแล้ว ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นก็ได้เริ่มสืบค้นเรื่องนี้แล้ว
ประเด็นสำคัญเลยก็คือ ข่าวการปรากฏของหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์… มันเริ่มมาจากที่ไหนกันแน่!
คนที่แพร่กระจายข่าวปลอม เดิมทีแล้วจะต้องมีคนที่อยู่เบื้องหลังแน่นอน!
ทั่วทั้งสำนักเกิดบรรยากาศที่ตึงเครียดขึ้นมา
ทุกคนตั้งมั่นพร้อมรับมือกับศัตรู อากาศแทบจะถูกแช่แข็ง
อีกทั้งภายในบรรยากาศที่ตึงเครียดและเย็นชานี้ ยังมีเรื่องอันใดบางอย่างเกิดขึ้น ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นภายในใจของทุกคน
… เจียงจื่อหยวนแห่งตระกูลเซียนสุ่ยหลิงเจียง ถูกตัดรายชื่อออกจากสำนักหลิงเซียวแล้ว!