ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1415 เป็นห่วง
ตอนที่ 1415 เป็นห่วง
มีแต่สวรรค์ที่รู้เท่านั้น ว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ นางต้องลำบากมากแค่ไหน
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้นางมีความสุขมากเลยก็คือ ด้วยขั้นตอนการฝึกเช่นนี้ทำให้ฝีมือของนางแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว!
เมื่อวานนี้นางเพิ่งทะลวงด่านจอมยุทธ์ระดับเก้าได้!
ดังนั้นในวันนี้นางจึงสามารถผ่านการทดสอบที่ยากลำบากและซับซ้อนมาได้
ก่อนที่นางจะมาที่นี่ แม้กระทั่งตัวนางเองยังคิดไม่ออกเลยว่า นางจะสามารถทะลวงด่านให้สำเร็จภายในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้อย่างใด!
“ไม่เลว”
น้ำเสียงของผู้อาวุโสลำดับห้าแฝงด้วยรอยยิ้ม
ห่างจากที่แห่งนั้นไม่ไกล ด้านบนทะเลสาบมีระลอกคลื่นแผ่กระจายออกมาอยู่
“หลังจากที่ทะลวงด่านจอมยุทธ์ระดับเก้ามาได้แล้ว ฝีมือของเจ้าก็แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย และสิ่งเหล่านี้สำหรับเจ้าแล้ว ไม่นับว่าเป็นอันใดได้”
มู่หงอวี่ที่ได้รับคำชมก็มีรอยยิ้มสดใสมากยิ่งขึ้น
“ขอบคุณผู้อาวุโสลำดับห้า ถ้าเช่นนั้น…”
นางกะพริบตาปริบๆ แล้วสอบถามอย่างตื่นเต้น
“ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่า ขอเพียงแค่ข้าผ่านการทดสอบของท่าน ก็จะให้ข้าไปเจอหลิวเยว่…”
“ฮ่าๆ! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องพูดเรื่องนี้! วางใจเถอะ เรื่องที่ข้าสัญญากับเจ้าข้าไม่มีทางผิดคำพูดแน่นอน!”
ผู้อาวุโสลำดับห้าตอบกลับอย่างมีความสุข
“เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถเร่งรัดได้ จะต้องรอโอกาสที่เหมาะสมก่อน”
มู่หงอวี่รู้สึกมึนงงขึ้นมาเล็กน้อย
โอกาส?
โอกาสอันใดหรือ?
ทันใดนั้นเองบนท้องฟ้าก็มีเสียงดังทะลุผ่าน!
เมื่อนางเงยหน้าขึ้นไปมอง
ก็เห็นว่าลำแสงสีม่วงบินจากท้องฟ้าตรงมาทางนี้!
ชั่วพริบตาเดียวก็มาหยุดอยู่ตรงหน้านางแล้ว!
มู่หงอวี่เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย และรู้สึกคุ้นเคยกับลมปราณนี้เป็นอย่างมาก
ช้าก่อน!
นี่มันไม่ใช่…
พรึ่บ!
นางยังไม่ทันมองอย่างชัดเจน แต่อีกฝ่ายก็หายตัวไปแล้ว!
เหลือเพียงภาพมายาที่ค่อยๆ จางหายไป!
ตอนนั้นเองเสียงอันแผ่วเบาก็ดังขึ้นกลางทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกล
มู่หงอวี่กลั้นลมหายใจอย่างไม่รู้ตัว
นี่มัน… คนผู้นั้นน่าจะกลับมาแล้วใช่หรือไม่?
แต่เหตุใดเหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะไม่ได้ติดตามมาด้วยล่ะ?
มู่หงอวี่กวาดตามองรอบด้านอย่างไม่มั่นใจ เมื่อนางมองไม่เห็นเงาร่างที่คุ้นตา นางก็รู้สึกผิดหวังไปเล็กน้อย
“หงอวี่ เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
เสียงของผู้อาวุโสลำดับห้าดังขึ้น
แม้ว่าในใจของมู่หงอวี่จะมีความสงสัยอยู่หลายส่วน แต่นางก็ตอบรับอย่างเชื่อฟัง
“เจ้าค่ะ”
นางมองไปทางทะเลสาบอยู่หลายรอบ จากนั้นเงาร่างของนางก็กะพริบแล้วหายไปจากที่เดิม!
…
ภายใต้ทะเลสาบมีมิติซ่อนเร้นอยู่มากมาย
ผนังทั้งสี่ด้านทำจากโลหะหล่อสีดำ บนผนังแต่ละด้านนั้น มีลวดลายแปลกประหลาดแกะสลักเอาไว้อยู่ พร้อมส่องประกายแสงออกมา
ลำแสงเหล่านี้พัวพันและทับซ้อนกัน กลายเป็นอักขระยันต์ขนาดใหญ่ที่ลึกลับซับซ้อน
แรงกดดันหนาแน่นและแพร่กระจายจากส่วนกลางอย่างต่อเนื่อง! จนแทบจะสามารถบดขยี้ได้ทุกอย่าง!
ภายใต้อักขระยันต์เหล่านี้ สะกดภาพมายาสองภาพเอาไว้
ซึ่งนั่นก็คือผู้อาวุโสลำดับห้าและหลานเซียว!
อักขระยันต์เหล่านี้ทะลุผ่านศีรษะและร่างกายของพวกเขา ทำให้พวกเขาถูกตรึงเอาไว้ที่นี่!
นอกจากคืนพระจันทร์สีเลือด ไม่มีใครสามารถออกไปจากที่แห่งนี้ได้แม้แต่ครึ่งก้าว
ที่แห่งนี้คือคุก!
ลำแสงสีม่วงกะพริบขึ้น
ร่างของตู๋กูโม่เป่าก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น
เขากวาดสายตามองร่างทั้งสองหนึ่งรอบอย่างเงียบงัน ตอนที่มองหลานเซียว เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที
เพราะว่าเงาร่างของหลานเซียวนั้นเลือนรางกว่าผู้อาวุโสลำดับห้าที่อยู่ด้านข้างเสียอีก ลมปราณก็อ่อนแรงอย่างมาก!
อีกทั้งใบหน้าที่เคยหล่อเหลางดงาม ตอนนี้กลับมีบาดแผลไปครึ่งหนึ่งแล้ว!
เขานั่งขัดสมาธิอยู่ คิ้วขมวดเป็นปม ท่าทางดูย่ำแย่อย่างยิ่ง
“พี่เป่า ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว!”
ผู้อาวุโสลำดับห้าถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“เขาเป็นอันใดไป?”
ตู๋กูโม่เป่าถามขึ้นเสียงเรียบ
หลานเซียวให้ความสำคัญกับใบหน้าของตนเองมาก เขาไม่มีทางปล่อยให้ตนเองเป็นเช่นนี้แน่นอน
เห็นได้ชัดว่ามีอันใดบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่
ผู้อาวุโสลำดับห้าถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา
“ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาอยากออกจากสถานที่นรกแห่งนี้!”
“หลังจากที่เจ้าจากไปแล้ว เขาก็พยายามลองบีบบังคับสร้างร่างศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา แต่เสียดายที่ไม่สำเร็จ…จึงกลายเป็นเช่นนี้”
ฝีมือของหลานเซียวไม่ได้ดีเทียบเท่าตู๋กูโม่เป่า
ตู๋กูโม่เป่าล้มเหลวหนึ่งครั้ง ด้วยฝีมือของเขาก็สามารถทดลองครั้งที่สองได้ แต่หลานเซียวทำไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ความสำเร็จของตู๋กูโม่เป่ามาจากการร่วมมือของหรงซิวและฉู่หลิวเยว่
แค่ตู๋กูโม่เป่าเพียงลำพัง จะสามารถสำเร็จได้อย่างใด?
“เจ้าโง่! หุนหันพลันแล่น!”
ตู๋กูโม่เป่าโมโหขึ้นมาแล้ว
“ทำสิ่งที่อันตรายขนาดนี้ หรือว่าเขาจะไม่รู้อีกหรือ! รอมานานหลายปีขนาดนี้แล้ว เพียงแค่เวลาอีกเล็กน้อยเท่านั้น!”
ผู้อาวุโสลำดับห้าส่ายหน้าอย่างขมขื่น
“ข้าก็เกลี้ยกล่อมเขาแล้ว แต่ว่า… ก่อนหน้านี้เจ้าลงมือไปแล้วใช่หรือไม่?”
ตู๋กูโม่เป่าชะงักไป
“ข้าปิดข่าวไปแล้ว…”
“ขอเพียงเจ้าลงมือ อีกฝ่ายก็สามารถจับสังเกตได้ แต่ว่ามันเป็นปัญหาของเวลาจะเร็วหรือช้าเท่านั้น”
ผู้อาวุโสลำดับห้าพูดขัดจังหวะตู๋กูโม่เป่าเป็นครั้งแรกอย่างหาได้ยาก
“หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าเจอปัญหาใหญ่ เจ้าคงไม่มีทางลงมือง่ายๆ แน่นอน หลานเซียวก็เลยร้อนใจ จึง…”
ตู๋กูโม่เป่าเงียบไปครู่หนึ่ง
“เป็นข้าที่คิดไม่รอบคอบเอง ตอนนั้นสถานการณ์เร่งด่วนอย่างมาก จึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้”
“เจ้ารอบคอบมาโดยตลอด เจ้าจะไม่ได้สนใจเรื่องนี้ได้อย่างใด เจ้าจะต้องอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ถึงได้ทำลงไปเช่นนั้น”
คำพูดเหล่านี้ หากพูดให้คนอื่นฟังพวกเขาคงเชื่อ แต่กลับมาหลอกเขาไม่ได้
หลังจากความเงียบเข้าปกคลุมอยู่สักพัก
ตู๋กูโม่เป่าถึงได้พูดขึ้นว่า
“ช่างเถอะ ค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกที ตอนนี้ช่วยรักษาบาดแผลให้เขาก่อน”
ผู้อาวุโสลำดับห้าพยักหน้า
ช่วงเวลาที่ผ่านมาเพื่อประคองบาดแผลของหลานเซียว เขาต้องสูญเสียพลังไปไม่น้อยเลยทีเดียว
เขาไม่มีร่างศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่มีที่ให้อาศัย สิ่งที่เขาทำได้จึงมีขีดจำกัด
จึงทำได้เพียงพึ่งพาตู๋กูโม่เป่าเท่านั้น
“จริงสิ สถานการณ์ของนังหนูเยว่เออร์เป็นอย่างใดบ้าง?”
ผู้อาวุโสลำดับห้าถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
ครั้งนี้พวกเขาจากไปหลายเดือน และไม่รู้ว่าทางนั้นมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างใดบ้าง
คิ้วของตู๋กูโม่เป่าขยับเล็กน้อย
“อีกไม่นาน… นางน่าจะสามารถทะลวงอาณาเขตเซียนเทพได้แล้ว”
…
สำนักหลิงเซียว
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ไม่รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายนอกเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท เหมือนว่านางกำลังเข้าสู่สภาวะบางอย่างที่แปลกประหลาด
ลมปราณบนร่างของนางนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ!