ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1423 ส่ง
ตอนที่ 1423 ส่ง
ตู๋กูโม่เป่าหลุบตาลงต่ำ ขนตาหนาสะท้อนแสงจันทร์ทอดยาวใต้เปลือกตา ทำให้คนคาดเดาอารมณ์ไม่ได้
ผู้อาวุโสลำดับห้าก็ถอนหายใจออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“ในเมื่อเรื่องมันก็เกิดมาแล้ว พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกเรามาคิดกันดีกว่าว่าควรจะทำอย่างใดต่อไปดี พี่เป่า ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าเจ้าปิดข่าวแล้วหรือ?”
ตู๋กูโม่เป่าพยักหน้า
“ภายในช่วงเวลาสั้นๆ น่าจะไม่มีปัญหา”
“ไม่กลัวหนึ่งหมื่น แต่กลัวหนึ่งในหมื่น”
ผู้อาวุโสลำดับห้าครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะพูดขึ้นอย่างลังเลเล็กน้อย
“ถ้าพูดถึงเรื่องความปลอดภัย ช่วงนี้เจ้าอยู่ที่ทะเลทรายจันทราสีชาดต่อจะดีกว่า ทางด้านอาณาจักรเสิ่นซวี่ อย่าเพิ่งกลับไปเลย”
ตู๋กูโม่เป่าขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แต่นังหนูเยว่เออร์…”
“ก่อนหน้านี้เจ้าก็บอกไม่ใช่หรือว่ามีหรงซิวอยู่? มีเขาดูแล ก็สามารถวางใจได้แล้ว”
ผู้อาวุโสลำดับห้าพูดขึ้นมาด้วยเสียงหนักแน่นอย่างหาได้ยาก
ในสถานการณ์ปกติ ตู๋กูโม่เป่าล้วนเป็นแกนนำอยู่เสมอ ดังนั้นส่วนใหญ่จึงมีเขาเป็นคนตัดสินใจ
แต่ก็มีบางครั้งที่หลานเซียวพูดแทรกขึ้นมา
ผู้อาวุโสลำดับห้าแทบจะเป็นคนไกล่เกลี่ยอยู่ตรงกลาง
เพียงแต่ว่าตอนนี้ ตู๋กูโม่เป่าลงมือในอาณาจักรเสิ่นซวี่ ดังนั้นจะต้องมีคนบางกลุ่มค้นพบและแกะรอยตามมาอย่างแน่นอน
อีกทั้งหลานเซียวก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่มีเรี่ยวแรงไปต่อสู้
ในเวลาแบบนี้เขาจึงจำเป็นจะต้องลุกขึ้นมา
ตู๋กูโม่เป่าไม่ได้พูดอันใด
แต่เขารู้ว่า ในสถานการณ์อย่างเช่นตอนนี้ นี่คือหนทางที่ดีที่สุด
เพียงแต่…
เขายังกังวลใจเกี่ยวกับนังหนูเยว่เออร์ไม่น้อย
“ข้ายังอยากให้เจ้าพาหงอวี่ไปที่อาณาจักรเสิ่นซวี่ด้วยกัน แต่ดูจากตอนนี้ เกรงว่าต้องหาวิธีทางอื่นแล้ว…”
ผู้อาวุโสลำดับห้าลูบเคราของตนเอง
หลังจากอยู่ด้วยกันสักช่วงเวลาหนึ่ง เขาก็รู้สึกชอบมู่หงอวี่มาก
แม้ว่าเด็กคนนี้จะยังอายุไม่เยอะ แต่ก็สดใสร่าเริง อีกทั้งยังแฝงด้วยความดื้อรั้น
ไม่ว่าจะลำบากสักเพียงไหน นางก็ไม่เคยบ่นคำว่าเหนื่อยออกมาเลย
ด้วยนิสัยเช่นนี้ อนาคตของนางจะไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน
“หากนางไปที่สำนักหลิงเซียว จะได้ไปอยู่เป็นเพื่อนกับนังหนูเยว่เออร์พอดี”
ตู๋กูโม่เป่าครุ่นคิดอยู่สักพัก
“ข้าจะส่งนางไป”
…
ความมืดมิดค่อยๆ จางหาย แสงสีทองปรากฏที่เส้นขอบฟ้า
มู่หงอวี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
น้ำค้างแข็งที่อยู่รอบกายนางละลายลงอย่างรวดเร็ว อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น
แสงอาทิตย์ค่อยๆ สว่างขึ้น
ทุกอย่างไม่ต่างไปจากเมื่อก่อนเลย
นางลุกขึ้นยืนแล้วบิดขี้เกียจ
วินาทีต่อมาร่างของนางก็หายไปจากตำแหน่งเดิม!
พรึ่บ!
บนเนินทรายอีกแห่งในทะเลทรายจันทราสีชาด มีรอยแยกสีดำรอยหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ร่างสูงเพรียวของคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากรอยแยกนั้น!
ซึ่งคนผู้นั้นก็คือมู่หงอวี่!
ใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้ม
“ดูเหมือนว่าระยะเคลื่อนย้ายจะอยู่ภายในร้อยลี้ ก็นับว่าไม่ไกล…”
ผู้อาวุโสลำดับห้าพูดขึ้น ตราบใดที่นางสามารถทะลวงอาณาเขตเทพเซียนได้ ความแข็งแกร่งของนางก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
แต่ไม่รู้จริงๆ ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไร…
“หงอวี่”
เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูดังขึ้นในโสตประสาท
มู่หงอวี่ชะงักไปแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
ตรงหน้าของนางไม่มีใครเลยแม้แต่ผู้เดียว
แต่ทรายจำนวนมากที่อยู่ด้านหน้ากลับเริ่มเคลื่อนไหว
“ผู้อาวุโสลำดับห้า?”
มู่หงอวี่ประหลาดใจเล็กน้อย
หรือว่าจะเป็นการทดสอบอีกครั้งแล้ว?
“วันนี้ข้าจะส่งเจ้าไปที่สำนักหลิงเซียวแห่งอาณาจักรเสิ่นซวี่ หลังจากที่เจ้าไปแล้ว ให้ไปสอบเข้าสำนัก นังหนูเยว่เออร์ก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน”
มู่หงอวี่ทั้งประหลาดใจทั้งดีใจ
“จริงหรือเจ้าคะ?”
นางรอคอยวันนี้ รอคอยมานานแล้ว!
ลำแสงสายหนึ่งบินผ่านไป
มู่หงอวี่รีบจับมันไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง และเห็นว่ามันเป็นกล่องหยกขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ
นางลังเลไปเล็กน้อยแล้วเปิดกล่องหยกใบนั้นออกมา
มันคือม้วนกระดาษแผ่นหนึ่งที่นอนนิ่งอยู่ภายในกล่อง
“นี่คือแผนที่ของสำนักหลิงเซียว หลังจากเจ้าไปแล้ว เพียงเดินตามเส้นทางบนแผนที่นี้ก็พอแล้ว”
มู่หงอวี่อยากจะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู แต่หลังจากที่เข้าใกล้ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่รุนแรง!
“ด้านบนได้วางม่านพลังไว้ รอให้เจ้าถึงอาณาจักรเสิ่นซวี่ก่อน มันจะเปิดขึ้นเองในทันที”
ผู้อาวุโสลำดับห้าอธิบาย
มู่หงอวี่รีบพยักหน้า จากนั้นก็มองดูด้วยความสงสัย ก่อนจะปิดกล่องแล้วเก็บขึ้นอย่างระมัดระวัง
ในตอนนั้นเองนางก็ค้นพบว่า ทรายสีเหลืองที่อยู่ตรงหน้าจะรวมตัวกันจนปรากฏเป็นค่ายกลขนาดใหญ่!
ลมปราณที่ทั้งแข็งแกร่งและทรงพลัง ค่อยๆ แผ่กระจายออกมา!
มู่หงอวี่ตกใจอย่างยิ่ง
“หงอวี่ ขึ้นมาเถอะ”
มู่หงอวี่พยักหน้าแล้วสาวเท้าเดินขึ้นไป
ตอนที่นางเหยียบเข้ากับค่ายกลอันพิเศษนี้ นางก็สามารถสัมผัสได้ทันทีว่ามีพลังบางอย่างกำลังรายล้อมตัวของนางอยู่
แต่โชคดีที่พลังเหล่านี้เหมือนถูกควบคุม ดังนั้นจึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนางมากนัก
นางเดินไปหยุดที่กึ่งกลาง
ลำแสงสว่างวาบ สะท้อนเข้าที่นัยน์ตาของนางอย่างกะทันหัน
นางหรี่ตาลง แล้วจ้องมองไป นางเห็นว่าที่ตำแหน่งกึ่งกลางของค่ายกลปลายเท้าของตนเองนั้น มีเกล็ดของเกราะสีม่วงขนาดเล็กอยู่หนึ่งแผ่น
เพียงแค่มองในครู่แรก นางรู้สึกว่ามันธรรมดาอย่างมาก
แต่หลังจากที่ขยับเข้าใกล้แล้ว สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันบริสุทธิ์และเข้มข้น ภายใต้แสงสะท้อนของแสงอาทิตย์ แสงนั้นเปล่งประกายแวววาวในจิตใจของผู้คน
ค่ายกลที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เหมือนว่าจะถูกควบคุมจากเกล็ดของเกราะแผ่นเล็กๆ แผ่นนี้
“จริงสิ นังหนูเยว่เออร์ได้เปลี่ยนสถานะของตนเอง ตอนนี้นางมีชื่อว่าฉู่เยว่ หลังจากเจ้าไปถึงเจ้าก็จะรู้เอง”
ผู้อาวุโสลำดับห้ากล่าวเตือน
มู่หงอวี่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าอย่างจริงจัง
“หงอวี่ทราบแล้ว”
พรึ่บ!
วินาทีถัดมา ลำแสงสีม่วงจากเกล็ดของเกราะอันนั้นก็ระเบิดขึ้น! พร้อมปกคลุมร่างกายของมู่หงอวี่!
บนค่ายกลก่อน มีแรงกดดันเข้มข้น!
หลังจากนั้นไม่นานความว่างเปล่ารอบด้านก็เริ่มพังทลาย! ลมกระโชกแรงอย่างบ้าคลั่ง!
เงาร่างของมู่หงอวี่หายไปอย่างรวดเร็ว!
…
สำนักหลิงเซียว
หลังจากคนเหล่านั้นกลับไปแล้ว เหมือนว่าภายในสำนักก็กลับสู่ความสงบดังเดิม
เหมือนทุกคนจะตกลงกันแล้วว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก
ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครพูดเรื่องบุพกาลชายแดนเหนือกันมากนัก
ตอนที่เยี่ยนชิงมาถึงสำนัก เขาจึงรู้สึกว่าบรรยากาศของที่นี่ไม่เหมือนเดิมเล็กน้อย
เขาจึงคาดเดาว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้
ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวก็ใหญ่โตอย่างมาก ทุกคนในอาณาจักรเสิ่นซวี่ล้วนรู้เรื่องนี้
เขาจึงไม่ได้ถามอันใดมาก หลังจากอธิบายจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ให้แก่ผู้อาวุโสที่รับผิดชอบดูแลม่านพลังแล้ว เขาก็หลุบตาลงต่ำรออยู่ด้านข้าง
เหล่าผู้อาวุโสรู้ดีว่าเยี่ยนชิงเป็นสหายคนสนิทของหรงซิว ดังนั้นจึงปฏิบัติต่อเขาอย่างดี
หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมารายงาน บอกให้เยี่ยนชิงเข้าไปด้านใน
คนที่รับผิดชอบในการนำทางคือศิษย์ของสำนักคนหนึ่ง ได้พาเขาไปที่เขาจิ่วเหิง
“ตามกฎแล้ว หากบุคคลภายนอกเข้ามาในสำนัก ไม่สามารถอยู่ได้เกินหนึ่งวัน เชิญท่าน…”
เมื่อศิษย์คนนั้นเผชิญหน้ากับเยี่ยนชิง เขายังพูดด้วยความระมัดระวังหลายส่วน
เยี่ยนชิงรีบพูดขึ้นว่า
“เรื่องนี้ข้าทราบ วางใจเถอะ หลังจากที่ข้าจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าจะรีบออกไปทันที”
ศิษย์ผู้นั้นถอนหายใจออกมา
“เช่นนั้นข้าก็จะไม่รบกวนแล้ว เชิญตามสบาย…”
ผู้ที่ไม่ใช่คนของสำนักหลิงเซียว หากอยากจะเข้ามาในสำนัก ล้วนเป็นเรื่องที่ยากมาก
แต่ว่าเมื่อมีหรงซิวอยู่ เยี่ยนชิงจึงเข้ามาได้อย่างราบรื่น
หลังจากรอศิษย์คนนั้นออกไปแล้ว เยี่ยนชิงก็มองไปทางเขาจิ่วเหิงที่อยู่ด้านหน้า
ในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปาก ม่านพลังที่อยู่ตรงหน้าก็เปิดขึ้นมา
เยี่ยนชิงพุ่งตัวเข้าไปอย่างไม่ลังเล
หลังจากเข้ามาแล้ว เยี่ยนชิงก็เห็นว่าหรงซิวกำลังเล่นหมากรุกอยู่ภายในห้อง
เขารีบคุกเข่าถวายบังคมทันที
“ถวายพระพรฝ่าบาท!”