ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1425 สลบไป
ตอนที่ 1425 สลบไป
หลังจากส่งเจียงจื่อหยวนไปที่พระราชวังเมฆาสวรรค์แล้ว เจียงเห่อเทียนก็กลับไปที่เซียนสุ่ยหลิง
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ามีพระราชวังเมฆาสวรรค์สนับสนุน ผู้อาวุโสบางคนที่เตรียมตัวจะตั้งคำถามกับพวกเขาสองพ่อลูก ตอนนี้ก็เลือกที่จะหยุดนิ่งไป
มีบางคนที่อยากจะถามว่าเหตุใดเจียงจื่อหยวนถึงถูกตัดชื่อออกจากสำนักหลิงเซียว แต่ก็ถูกเจียงเห่อเทียนขัดขวางและไล่กลับไป
หักหลังอาจารย์และสำนัก เรื่องราวเช่นนี้ ไม่สามารถพูดออกไปได้
ไม่อย่างนั้นแล้วต่อให้เจียงจื่อหยวนได้รับการคุ้มครองจากพระราชวังเมฆาสวรรค์ แต่ในอนาคต นางจะต้องถูกผู้อื่นดูถูกแน่นอน
และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เจียงเห่อเทียนอยากเห็น
เพื่อการอบรมเจียงจื่อหยวนหลายปีมานี้เขาจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจไปไม่น้อย จะให้มันจบไปเช่นนี้ได้อย่างใด?
ดังนั้นหลังจากที่เขากลับมาแล้ว เขาก็ไม่ได้ผ่อนคลาย คิดหาหนทางแก้ไขสถานการณ์อยู่เสมอ
ห้องหนังสือ เจียงเห่อเทียนนั่งอยู่ด้านหลังของโต๊ะ เปิดอ่านจดหมายที่ไม่มีเวลาอ่านในช่วงนี้
ระหว่างที่เขาพลิกจดหมายอ่าน สีหน้าของเขาก็นิ่งค้างไป เขายืดตัวตรงแล้วมองออกไปรอบๆ
หลังจากมั่นใจเราว่าจะไม่มีใครเข้ามารบกวน เขาก็เปิดจดหมายฉบับนั้นออกมาด้วยความระมัดระวัง
กระดาษจดหมายมีสีเหลืองอ่อนถูกเขาดึงออกมา
กลิ่นหอมและขมฝาดกระจายออกมาจากจดหมายฉบับนั้น
เจียงเห่อเทียนหยิบขวดหยกสีเขียวออกมาจากแหวนเฉียนคุนของเขา
เพียงแค่สะบัดมือ ฝาที่อุดอยู่ก็หลุดไปในทันที
ควันสีขาวจางๆ ลอยออกมาปกคลุมหนึ่งชั้น
เจียงเห่อเทียนหยิบจดหมายฉบับนั้นขึ้น แล้วใส่มันลงไปในขวดหยก ควันสีขาวอบอวลไปยังกระดาษแผ่นนั้น
ตัวอักษรไม่กี่บรรทัดค่อยๆ ปรากฏขึ้น
ดวงตาทั้งสองกวาดสายตามองอย่างละเอียด
ตอนนั้นเองคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นเป็นปม ภายในแววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและไม่แน่ใจ
หลังจากไม่นาน จดหมายฉบับนั้นก็เผาทำลายตนเอง!
ตู้ม!
เปลวเพลิงสีส้มลุกพรึ่บ ในชั่วพริบตาเดียวจดหมายฉบับนั้นก็ถูกกลืนกินจนหมดจด!
ไม่มีขี้เถ้าปรากฏขึ้นเลยแม้แต่สักส่วน
นอกจากในอากาศที่ยังมีกลิ่นไหม้อยู่เบาบาง แต่จดหมายฉบับนั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
เจียงเห่อเทียนตกอยู่ในห้วงความคิด
“ซั่งกวนเยว่… คาดไม่ถึงว่าจะมีประวัติความเป็นมาเช่นนี้…”
ก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าชายผู้หนึ่งที่มีนามว่าถานไถเฉินส่งจดหมายมาที่นี่ได้อย่างใด เขาบอกว่าเขารู้เรื่องราวเกี่ยวกับพระชายาองค์ปัจจุบันของพระราชวังเมฆาสวรรค์…ซั่งกวนเยว่
เดิมทีเจียงเห่อเทียนยังกังวลว่าอีกฝ่ายจะมีลูกไม้อันใด แต่อีกฝ่ายระบุในจดหมายอย่างตรงไปตรงมาว่า ซั่งกวนเยว่ฆ่าธิดาของเขา พวกเขามีความแค้นที่ฝังลึกต่อกัน ยิ่งไปกว่านั้นสถานะในตอนนี้ของซั่งกวนเยว่ก็พุ่งสูงขึ้น เขาเพียงแค่คนเดียวไม่สามารถต่อกรได้ ดังนั้นจึงติดต่อมาที่เซียนสุ่ยหลิง หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถร่วมมือกันได้
ต่อให้เป็นเช่นนั้น เจียงเห่อเทียนก็ยังคงสงสัยอยู่
ตอนแรกเขาไม่อยากจะสนใจมัน แต่เขาเกรงว่าจะพลาดโอกาสที่สามารถโจมตีซั่งกวนเยว่ได้ จึงส่งคนไปตรวจสอบมา
ต่อมาเขาจึงพบว่า สิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นเป็นความจริง
เขาจึงเชื่อและเขียนจดหมายตอบอีกฝ่ายไป หวังว่าถานไถเฉินจะเล่าทุกเรื่องที่เกี่ยวกับซั่งกวนเยว่ออกมาอย่างละเอียด
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
เขาส่งคนไปตรวจสอบซั่งกวนเยว่ แต่ก็กลับมาด้วยความล้มเหลว จนถึงตอนนี้เขายังแทบจะไม่รู้เรื่องอันใดเกี่ยวกับซั่งกวนเยว่คนนั้นเลย
แม้เขาจะไม่รู้ว่าถานไถเฉินใช้วิธีการใดในการหาพวกเขาเจอ แต่สำหรับเจียงเห่อเทียนแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญเลย
เขาอยากรู้เพียงแค่ว่า จะสามารถจัดการซั่งกวนเยว่ได้อย่างใด!
ทุกครั้งที่เขาส่งจดหมายมา เขาจะเขียนเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับซั่งกวนเยว่ ไม่ได้เปิดเผยออกมาทั้งหมด ทำให้เจียงเห่อเทียนต้องเกาหัวด้วยความรีบร้อน
ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และไม่ติดต่อกันภายในชีวิตจริง ก็สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็นได้ เขาจึงเดินไปที่หน้าประตูอย่างอดรนทนไม่ไหว
ข้อความในจดหมายวันนี้แม้ว่าจะมีไม่มาก แต่อัดแน่นไปด้วยข้อมูล!
เพราะว่าด้านบนนั้นได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจน หลังจากที่ซั่งกวนเยว่ถูก “ฆ่าตาย” ความจริงแล้วนางไม่ได้ตายจริง
นางกลับมาที่เทียนลิ่งอีกครั้งด้วยตัวตนอีกตัวตนหนึ่ง!
…ฉู่หลิวเยว่!
แต่เสียดายที่ฉู่หลิวเยว่ผู้นี้ เป็นคนมาจากแคว้นเย่าเฉิน!
สถานที่ที่หรงซิวกำเนิด!
เสียดายที่จดหมายฉบับนั้นไม่ได้อธิบายว่าซั่งกวนเยว่เปลี่ยนฐานะมาเป็นฉู่หลิวเยว่ได้อย่างใด
เป็นการยึดร่าง หรือว่า…
อีกทั้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับ “ฉู่หลิวเยว่” ถานไถเฉินพูดว่า เขาเคยส่งคนไปตรวจสอบแล้ว แต่คนเหล่านั้นสามารถตรวจสอบได้เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น
หากสิ่งที่มากกว่านี้ ไม่ว่าอย่างใดก็ค้นไม่พบ
เช่นเดียวกับเจียงเห่อเทียน
ท่ามกลางความมืด เหมือนว่าจะมีมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นปกป้องซั่งกวนเยว่อย่างแน่นหนา
ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม ไม่สามารถสอดส่องได้เลยแม้แต่น้อย
“หรือว่าเรื่องของซั่งกวนเยว่ในปีนั้น จะมีโอรสสวรรค์เป็นส่วนเกี่ยวข้องด้วย”
หากเป็นเช่นนี้ เขาเข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดซั่งกวนเยว่ต้องกลับมาในฐานะฉู่หลิวเยว่?
ถ้าเรื่องทั้งหมดนี้หรงซิวรู้ตั้งแต่แรก เช่นนั้น… ก็หมายความว่า เขามีความรักลึกซึ้งกับซั่งกวนเยว่มาก่อนอยู่แล้ว?
แต่เขากลับไม่เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้มาก่อนเลย…
เจียงเห่อเทียนเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ครุ่นคิดตรึกตรอง เงียบไม่พูดจาอยู่นาน
ซั่งกวนเยว่ผู้นั้นมีความลับซ่อนอยู่มากมายเท่าไรกัน?
เขาครุ่นคิด และรู้สึกลังเลกับเงื่อนไขสุดท้ายของถานไถเฉิน
หากทำเช่นนั้นจริงๆ แล้วถูกพบเข้า เขาจะ…
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมือนกับว่าตัดสินใจอันใดบางอย่างได้แล้ว
จากนั้นเขาก็หยิบพู่กันขึ้นมา พร้อมเขียนจดหมายตอบกลับ
…
สำนักหลิงเซียว เขาเฝิงหมิน
ภายนอกแล้วเงียบสงบอย่างมาก แต่ฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ภายในเจดีย์นั้น กลับกำลังเผชิญหน้ากับการโจมตีของพลังที่ยิ่งใหญ่!
พลังสวรรค์และโลกมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เหนือศีรษะของนางนั้น มีพลังที่ก่อตัวเป็นคลื่นน้ำวน!
นางหลับตาลงทั้งสองข้าง ร่างกายเหมือนกับฟองน้ำพี่คอยดูดซับและกลืนกินพลังเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง
เมิ้งเหล่าสามารถสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เขาลงมาจากด้านบน และยืนมองนางจากชั้นสอง แววตามีประกายตกใจอยู่หลายส่วน
“… คาดไม่ถึงว่า… สามารถทะลวงด่านได้แล้ว!”
เจ้าเด็กคนนี้เพิ่งเข้ามาด้านในได้ไม่นานไม่ใช่หรือ?
อีกทั้งก่อนหน้านี้เขาเพิ่งทะลวงด่านจอมยุทธ์ระดับเก้าที่บุพกาลชายแดนเหนือมาไม่ใช่หรือ เหตุใดตอนนี้ถึง…
พรึ่บ…
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินเสียงพลังของตนเองพลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างกาย
กระดูกและเอ็นถูกนิ้ว เลือดเนื้อทุกส่วน ต่างเปลี่ยนไปด้วยความเร็ว!
บริเวณหน้าอกมีความร้อนพวยพุ่งออกมา ราวกับไม่สามารถรอได้จนมันต้องปะทุออกมา
นางรวบรวมสติสัมปชัญญะ ตั้งสมาธิจดจ่อ!
เมื่อรวบรวมพลังทั้งหมดได้แล้ว ก็โจมตีไปยังไข่มุกธาราที่อยู่ในตันเถียน!
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงหนึ่งแตกกระจายขึ้น!
หัวใจของนางสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ท่านพ่อของนางเกิดเรื่องแล้ว!
ในตอนนั้นเองสภาวะจิตใจของนางอยู่ในช่วงสับสน พลังดั้งเดิมที่อยู่ภายในกายก็เริ่มพุ่งกระจายออกไปทั้งสี่ทิศแปดทาง!
ความเจ็บปวดที่รุนแรงแล่นพล่านทั่วสรรพางค์ จนแทบจะทำให้นางสลบไป!
พรึ่บ!
ร่างกายของนางสั่นระริก พร้อมกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ! ก่อนจะล้มลงไปที่พื้น!
พลังที่อยู่โดยรอบยังคงโหมกระหน่ำใส่นาง หลังจากนั้นไม่นาน ร่างกายของนางก็เต็มไปด้วยคราบเลือด
เมิ้งเหล่าเห็นดังนั้นก็เบิกตากว้างโพล่ง และรีบพุ่งตัวเข้าไป
“ฉู่เยว่”