ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1426 ดูแล
ตอนที่ 1426 ดูแล
เมิ้งเหล่าพยุงฉู่เยว่ขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่านางหลับตาสนิท ใบหน้าซีดขาว มุมปากยังมีคราบเลือด ดูท่าทางจนตรอกและอ่อนแออย่างมาก
“ฉู่เยว่? ฉู่เยว่! เจ้าเป็นอย่างใดบ้าง?”
เมิ้งเหล่าถามขึ้นอย่างเป็นกังวล ในขณะเดียวกันเขาก็จับมือของฉู่หลิวเยว่ขึ้นมา วางนิ้วสองนิ้วบนเส้นชีพจรของนาง
ในขณะที่เขากำลังคิดจะใช้พลังดั้งเดิมสายหนึ่งเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกายของนาง ทันใดนั้นเองเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงลมปราณที่น่าหวาดกลัว มันระเบิดออกมาจากภายในร่างกายของฉู่หลิวเยว่อย่างบ้าคลั่ง!
ตู้ม!
เมิ้งเหล่าตกใจอย่างมาก แล้วรีบปล่อยมือของฉู่หลิวเยว่ทันที!
ข้อมือของฉู่หลิวเยว่หล่นลงพื้นอย่างหมดแรง
เมิ้งเหล่าร้อนรนอย่างมาก
เด็กคนนี้เจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดระหว่างการทะลวงด่าน พลังดั้งเดิมที่อยู่ภายในร่างกายเริ่มปั่นป่วน วิ่งไปมาอย่างบ้าคลั่งไร้ทิศทาง!
เพียงแค่ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็สร้างความเสียหายภายในร่างกายของเขาอย่างหนัก
หากไม่สามารถควบคุมได้ทันเวลาละก็ เกรงว่าจะ…
ได้รับบาดเจ็บถือว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่ประเด็นสำคัญเลยก็คือ หากจัดการเรื่องนี้ไม่ได้จะกระทบต่อการบำเพ็ญเพียรของนางในภายภาคหน้าแน่นอน!
ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เขาปวดหัวยิ่งกว่า!
“ฉู่เยว่!”
ฉู่หลิวเยว่สูญเสียการควบคุมพลังภายในร่างกายของตนเอง เมิ้งเหล่าคือบุคคลภายนอก เขาไม่กล้าลงมือ เกรงว่าไม่ระวังจะทำให้ร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม
สถานการณ์ในตอนนี้ หากเขายังบีบบังคับต่อไป อาจจะสร้างความเสียหายรอบสองได้
หนทางที่ดีที่สุดคือ รีบให้ฉู่เยว่ฟื้นคืนสติโดยเร็ว และโคจรลมปราณด้วยตนเอง!
หากเป็นเช่นนั้นทำให้การบาดเจ็บลดต่ำลงที่สุด
แต่ไม่ว่าเขาจะตะโกนอย่างใดก็ตาม เด็กหนุ่มคนนั้นก็ยังสลบไสล ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา
อีกทั้งเมื่อเวลาผ่านไป พลังอยู่รอบข้างนางก็บ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ ลมปราณของฉู่เยว่ก็ลดลงอีกครั้ง
ตอนที่เมิ้งเหล่าเต็มไปด้วยความกังวล ทันใดนั้นที่ด้านนอกก็มีความผันผวนที่รุนแรงบังเกิดขึ้น!
เขาเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างตกใจ
แม้ว่าเขาจะอยู่ภายในเจดีย์ แต่เทวจิตของเขาแพร่กระจายปกคลุมอยู่ทั่วเขาเฝิงหมิน ดังนั้นด้านนอกเกิดเรื่องอันใดขึ้น สามารถรับรู้อย่างชัดเจนได้ทันที
หลังจากเขาเพ่งสมาธิไปครู่หนึ่ง ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“หรงซิว? เขามาที่นี่ได้อย่างใด?”
หรือเขาจะรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับฉู่เยว่แล้ว?
ภายในสมองของเมิ้งเหล่ามีความคิดนี้ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขารีบยกมือขึ้นเพื่อเปิดม่านพลังเขาเฝิงหมิน
ตู้ม!
เสียงหนึ่งดังสนั่น!
ม่านพลังของเขาเฝิงหมินถูกหรงซิวเปิดแยกออกมา!
ในแววตาของเมิ้งเหล่ามีประกายตกใจ หรงซิวแข็งแกร่งพอที่จะเปิดม่านพลังของเขาเฝิงหมินโดยตรงเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
โครม!
ไม่รอให้เขาคิดออกอย่างชัดเจน ประตูบานใหญ่ของเจดีย์ก็ถูกคนเปิดออกจากด้านนอกแล้ว!
เงาร่างสูงใหญ่สีขาวสายหนึ่ง เดินสาวเท้าก้าวใหญ่ๆ เข้ามาในประตู!
คนผู้นั้นคือ หรงซิว นั่นเอง!
รอยยิ้มอ่อนโยนที่ประดับบนใบหน้าของเขานั้นหายไปนานแล้ว หลงเหลือเพียงความเย็นชา! เหมือนกับน้ำค้างแข็ง ที่เย็นยะเยือกเข้าถึงขั้วกระดูก!
มองเพียงครู่เดียวก็ทำให้คนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
ความเร็วของเขานั้นสูงมาก ชั่วพริบตาเดียวก็เดินมาถึงกลางห้องโถงแล้ว
ลมพายุที่รุนแรงพัดชายเสื้อของเขาปลิวว่อน จนมันลอยคว้างกลางอากาศ
ไม่ว่าจะผ่านไปที่ใด เหมือนว่าลมหนาวนั้นก็ติดตามมาเรื่อย!
“หรงซิว…”
เมิ้งเหล่าอ้าปากขึ้น แต่เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอันใด
“สถานการณ์ตอนนี้เร่งด่วนอย่างมาก หรงซิวบุกเข้ามาในเขาเฝิงหมินโดยไม่ได้รับอนุญาต หวังว่าเมิ้งเหล่าจะให้อภัย”
น้ำเสียงของหรงซิวทุ้มต่ำและเย็นชา แม้ว่าเขาจะพูดคุยอยู่กับเมิ้งเหล่า แต่ดวงตาหงส์ก็จดจ้องไปยังร่างของฉู่หลิวเยว่
ในแววตาเหมือนมีระลอกคลื่น สามารถสาดซัดได้ตลอดเวลา!
เมิ้งเหล่าพูดไม่ออก และไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอันใด
ท่าทางของหรงซิวเช่นนี้ เขาพบเห็นได้น้อยมาก
เขากำลัง… เป็นห่วงฉู่เยว่หรือ?
ขณะที่ความคิดนี้ของเขาปรากฏขึ้น หรงซิวก็เดินเข้ามาแล้ว เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วคุกเข่าลงด้วยขาข้างเดียว พร้อมยื่นมือออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
เมิ้งเหล่าชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ส่งฉู่เยว่ที่อยู่ในอ้อมกอดให้กับเขา
หรงซิวรับนางให้มาอยู่ในอ้อมแขนด้วยความระมัดระวัง มือข้างหนึ่งจับที่ไหล่ของนาง มืออีกข้างเลื่อนไปจับที่เอวก่อนจะกุมมือของนางเอาไว้แน่น
“อย่า…”
เมิ้งเหล่าอยากจะกล่าวเตือนหรงซิว แต่สภาพร่างกายในตอนนี้ของฉู่เยว่นั้นย่ำแย่อย่างยิ่ง ไม่สามารถรับการบีบบังคับจากภายนอกได้ แต่วินาทีต่อมา เขาก็ต้องตกใจที่พบว่า พลังที่โหมกระหน่ำอยู่รอบกายฉู่เยว่ถูกควบคุมอย่างรวดเร็วเมื่อได้เจอกับหรงซิว!
ลำแสงสีทองหลายสายลอยออกมาจากมือของทั้งสองคนที่ประสานกันอยู่!
สดใส อ่อนโยน แข็งแกร่ง!
หรงซิวกลืนกินพลังเหล่านั้นอย่างไร้เสียง จากนั้นเขาก็ฉวยโอกาสในตอนนี้ดูดซับพลังเข้าร่างกายตนเอง
พลังที่ระเบิดขึ้นอย่างบ้าคลั่งภายในร่างกายของฉู่หลิวเยว่ เดิมทียังมีการเคลื่อนไหวอยู่เล็กน้อย แต่หลังจากได้เจอหรงซิวแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีการต่อต้านอย่างรุนแรง แต่กลับยินยอมเชื่อฟังคล้อยตามพลังของเขาเป็นอย่างมาก
หรงซิวทำเช่นนี้ ช่วยฉู่หลิวเยว่แยกแยะพลังในร่างกายของตนเองได้ทีละน้อย จนสุดท้ายลมหายใจของนางก็กลับมาสงบนิ่ง
เมิ้งเหล่าที่อยู่ด้านข้างอ้าปากค้างเบิกตากว้าง
นี่มัน…
นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?
เหตุใดตอนที่เขาจะลงมือถูกขวางอย่างรุนแรง แต่ตอนที่หรงซิวช่วยเหลือ กลับง่ายดายและราบรื่นเช่นนี้?
แต่เมื่อเห็นว่าสีหน้าของฉู่เยว่ค่อยๆ ดีขึ้นมา ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
อีกฝ่ายปิดด่านฝึกในสถานที่ของเขา หากเกิดอันใดขึ้น เขาจะไปอธิบายอย่างใด?
เขาเฝ้าที่เขาเฝิงหมินมานานหลายปี ยังไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน
ในที่สิ้นสุดลมปราณที่อยู่ทั้งภายนอกและภายในร่างกายของฉู่หลิวเยว่ก็กลับมาสงบดังเดิม มีเพียงแค่คราบเลือดบนมุมปากและร่างกายเท่านั้น ทำให้เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นี้นางตกอยู่ในอันตราย
หรงซิวอุ้มคนขึ้นมา ก่อนจะหันไปมองทางเมิ้งเหล่า
“เมิ้งเหล่า ตอนนี้นางต้องการการพักผ่อน ไม่ทราบว่าท่านจะให้พวกเราเข้าไปด้านในได้หรือไม่?”
แต่ละชั้นของเจดีย์แห่งนี้มีลักษณะไม่เหมือนกัน อุปสรรคในการขึ้นไปก็แตกต่างกันอย่างมาก
ประเด็นที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ นอกจากชั้นหนึ่ง แต่ละชั้นที่อยู่ด้านบนนั้นมีม่านพลังปกคลุม ไม่สามารถเปิดออกได้อย่างง่ายดาย
มีเพียงแค่เมิ้งเหล่าเท่านั้น ที่สามารถควบคุมม่านพลังทุกชั้นได้
และมีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่จะมีอำนาจในการเปิดม่านพลัง ปล่อยให้คนเข้าไปด้านในได้
ตอนนี้ชั้นแรกเต็มไปด้วยพลังที่ปั่นป่วน ไม่เหมาะแก่การพักผ่อน
จึงจำเป็นจะต้องหาที่อื่น
เมิ้งเหล่าชะงักไปเล็กน้อย แล้วรีบตอบขึ้นมาว่า
“ได้ ได้สิ! ที่ชั้นสองมีเตียงหยกพันปีอยู่หลังหนึ่ง สามารถช่วยให้เขาพักฟื้นได้พอดี”
ในช่วงเวลานี้ ใครจะมากังวลเรื่องได้หรือไม่ได้ ช่วยคนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
หรงซิวพยักหน้า
เมิ้งเหล่ามองคนที่อยู่ในอ้อมกอดเขาอีกครั้ง ก่อนจะส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ
“นี่มันเรื่องอันใดกัน…”
ขณะที่พูดเขาก็หมุนตัวเดินออกไป แล้วเร่งฝีเท้าก้าวขึ้นบันได
เขาโบกแส้ขนหางจามรีในมือเบาๆ
ม่านพลังที่ชั้นสองเปิดออกแล้ว!
“รีบขึ้นไปเถอะ!”
เมิ้งเหล่ายืนอยู่ที่ด้านบน แล้วโบกมือเรียกหรงซิว
หรงซิวกระชับคนในอ้อมกอด แล้วเดินขึ้นบันไดไป
…
พื้นที่บริเวณชั้นสองเล็กกว่าชั้นหนึ่งมาก แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเมิ้งเหล่าไม่ได้เปิดพื้นที่ในส่วนอื่นด้วย
แต่ว่าสำหรับหรงซิวแล้ว สิ่งนั้นมันไม่สำคัญเลย
เขาเดินติดตามเมิ้งเหล่าไปจนถึงตำแหน่งของเตียงหยกพันปี
เตียงหยกนั้นมีสีเขียวเข้มทั้งหลัง ละเอียดอ่อนและประณีต ด้านบนนั้นสลักอักขระยันต์แปลกตาเอาไว้ด้วย ดูลึกลับอย่างยิ่ง
หรงซิววางฉู่หลิวเยว่ลงอย่างระมัดระวัง ท่าทางการเคลื่อนไหวนั้นอ่อนโยนมากเกินไป
เขาหยิบโอสถออกมา และให้ฉู่หลิวเยว่กลืนลงไป จากนั้นเขาก็หยิบหมอนหยกที่อยู่ด้านข้างออกมา พร้อมรองที่ศีรษะของอีกฝ่ายไว้ เพื่อทำให้นางได้หายใจอย่างสะดวก สุดท้ายก็ยังหยิบผ้าสีขาวราวกับหิมะออกมาผืนหนึ่ง พร้อมเช็ดเลือดที่มุมปากของฉู่หลิวเยว่อย่างระมัดระวัง
เมิ้งเหล่าที่เฝ้ามองอยู่ด้านข้าง ก็ยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติ
พรึ่บ…
เหตุใดท่าทางของหรงซิวเช่นนี้ เหมือนกับเขาเคยดูแลเอาใจใส่ฉู่เยว่มาหลายครั้งแล้วล่ะ?