ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1428 ทดสอบ
ตอนที่ 1428 ทดสอบ
คนผู้นี้คือฉู่หนิงที่หายไปนาน
เขาดิ้นรนลุกขึ้นยืน แต่น่าเสียดายที่พละกำลังของเขากำลังจะหมดแล้ว เขาพยายามอยู่หลายครั้ง ถึงจะสามารถลุกขึ้นยืนมาได้
บนฝ่ามือและหัวเข่าของเขาเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกจำนวนมาก
แต่เพราะรูปลักษณ์ที่จนตรอกของเขา จึงถือว่าไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่แล้ว
เขาลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
เนื่องจากการเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องนี้ ทำให้ใบหน้าของเขาซีดขาวยิ่งขึ้นกว่าเดิม เหมือนมีของแหลมแทงไปมาบริเวณหน้าอกและช่วงท้อง แทบจะทำให้อวัยวะภายในของเขาแหลกเป็นเสี่ยง!
กระดูกของเขาหักไปหลายท่อน และเสียเลือดภายในร่างกายไปมากเกินไป
ตอนนี้เขาพึ่งพาเพียงกำลังใจที่แข็งแกร่ง บังคับตนเองให้เดินไปด้านหน้า
เขาเงยหน้าขึ้นมอง
ท่ามกลางหญ้าที่เหี่ยวเฉา มีเศษโครงกระดูกสีขาวที่แตกหัก มันจึงแหลมคมอย่างยิ่ง
ครึ่งหนึ่งเสียบอยู่ที่พื้น ส่วนอีกครึ่งหนึ่งมันถูกซ่อนอยู่ในพงหญ้า เมื่อครู่นี้เขาไม่ทันได้เห็นมัน จึงเหยียบลงไป
ไม่รู้ว่าเป็นโครงกระดูกของใคร ถึงมาตกอยู่ที่นี่ได้
ฉู่หนิงถอนสายตากลับมา และเดินไปข้างหน้าต่อไป
โซ่ที่มือและเท้าของเขาเหมือนว่าจะหนักขึ้น มันหนักจนเขาแทบจะหายใจไม่ออก
ทุกย่างก้าวของเขาเหมือนกำลังเดินอยู่บนปลายดาบ
ของทุกสิ่งอย่างบนตัวเขาไม่หายก็พังไปหมดแล้ว
ในตอนนี้เหลือเพียงร่างกายที่ได้รับความทุกข์ทรมาน เหมือนกับศพที่เดินได้
เขาไม่รู้ว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างใด ไม่รู้ว่าตนเองมาอยู่ที่นี่นานเท่าไรแล้ว
มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ นั่นคือเดินต่อไปเรื่อยๆ โดยหวังว่าสักวันจะสามารถออกจากที่นี่ได้
ฉู่หนิงกลืนเลือดที่กระอักลงคอ กัดฟันปิดปากแน่น
เขา… จะตายไม่ได้เด็ดขาด!
เยว่เออร์ยังคงรอเขาอยู่!
…
สำนักหลิงเซียว
เขาเฝิงหมิน
บริเวณชั้นหนึ่ง หลังจากเมิ้งเหล่าซ่อมแซมม่านพลังและประตูใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมา
ยังดีที่ปกติแล้วไม่ค่อยมีคนเข้ามาที่เขาเฝิงหมิน แม้กระทั่งโดยรอบก็มีคนจำนวนน้อยมาก
ไม่อย่างนั้นแล้วการกระทำเมื่อครู่นี้ของหรงซิว หากเรื่องนี้…
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป เกรงว่าจะต้องทำให้หลายคนตกใจ…
เมิ้งเหล่าสะบัดแส้ขนหางจามรี แล้วลูบเคราตนเองเบาๆ และวางแผนว่าจะขึ้นไปดูอีกครั้ง
ทันใดนั้นเอง ก็มีระลอกคลื่นบางเบาสายหนึ่งแผ่กระจายออกมาจากประตูทั้งหกบาน
เขาขมวดคิ้วขึ้น แล้วหันไปมองประตูทั้งหกบานที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างตั้งใจ
หากมองอย่างผิวเผินแล้ว ประตูนี้ก็ไม่ได้ต่างอันใดจากประตูทั่วไป
แต่เมิ้งเหล่าเฝ้าอยู่ที่นี่มานานหลายปี กลับคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก
เขาสามารถมั่นใจได้ว่า เมื่อครู่นี้มันไม่ใช่ภาพลวงตาอย่างแน่นอน!
เขาเดินไปยังหน้าประตูทั้งหกบานนั้น และจ้องมองมันอยู่สักพัก
แต่ระลอกคลื่นเหล่านั้นไม่ได้ปรากฏขึ้นมาอีก
ทุกอย่างปกติอย่างมาก
เมิ้งเหล่าขมวดคิ้ว
ไม่รู้ว่าช่วงนี้เป็นอันใด เขาล้วนรู้สึกว่าประตูเหล่านี้มีอันใดบางอย่างผิดปกติไป…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจของเขาก็เต้นแรง แล้วรีบวิ่งขึ้นไปด้านบน!
ตอนที่ผ่านชั้นสอง เขาชะงักฝีเท้าไปเล็กน้อย แล้วพูดกับหรงซิวว่า
“หรงซิว เจ้าดูแลเขาให้ดีๆ นะ หากมีอันใดสามารถบอกข้าได้ตลอดเวลา!”
หรงซิวพยักหน้าเบาๆ
“ขอบคุณเมิ้งเหล่ามาก”
เมิ้งเหล่าพูดจบ เขาก็ยกแส้ขนหางจามรีขึ้นมา จากนั้นก็เดินขึ้นไปด้านบนต่อ
ฝีเท้าเหมือนรีบร้อนเล็กน้อย
หรงซิวหรี่ดวงตาหงส์มอง เขาลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปด้านหน้าสองสามก้าว
เขายืนอยู่ข้างบันไดแล้วมองลงไปด้านล่าง
เดิมทีที่แห่งนั้นควรจะมีประตูเจ็ดบาน แต่ตอนนี้เหลือเพียงหกบาน
มือของเขาแตะที่ราวบันไดเบาๆ ข้อนิ้วขาวเรียวยาวเคาะกับราวบันไดอยู่สองครั้ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองด้านบน
บันไดของหอคอยแห่งนี้อยู่ตรงกลางพอดี มันทอดยาวไปถึงด้านบนสุด
หากมองจากตรงนี้ขึ้นไป บันไดแต่ละชั้นจะมีความเชื่อมโยงกันจนเป็นเหมือนกับภาพลวงตา
เงาร่างของเมิ้งเหล่าหายไปจากบันไดชั้นบนสุดอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของหรงซิวไร้อารมณ์ ดวงตาหงส์คู่นั้นเหมือนกับสระน้ำไร้ก้นบึ้ง
ประตูบานสุดท้ายนั้นไปอยู่ที่ไหน… แทบจะไม่ต้องพูดก็เข้าใจ
เสียงพึมพำดังขึ้นจากด้านหลัง
หรงซิวหันกลับไปมอง มือข้างหนึ่งจับราวบันไดไว้แน่น เส้นเลือดสีเขียวปูดโปนขึ้นที่หลังมือ
ความล้มเหลวที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน อีกทั้งในช่วงที่วิกฤตเช่นนี้ อาจจะส่งผลกระทบต่อนางไม่น้อย
แต่ว่ายังดีที่เป็นความล้มเหลวขณะที่นางกำลังจะทะลวงด่านจอมยุทธ์ระดับเก้า ถือว่ายังจัดการได้
หากสิ่งนี้เกิดขึ้นตอนทะลวงอาณาเขตเทพเซียนละก็…
ใบหน้าของหรงซิวมืดคล้ำลง
หลังจากนั้นเขาก็หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากแหวนเฉียนคุน
พร้อมลูบด้วยปลายนิ้วเบาๆ ผงสีทองบางๆ กระจายออกไปกลางอากาศ
…
ด้านนอกเมืองฝางโจว
บริเวณดินแดนรกร้าง ในมุมอับแห่งหนึ่ง ความว่างเปล่าเกิดการสั่นสะเทือน
ลำแสงสีม่วงสายหนึ่งกะพริบขึ้น เงาร่างที่สูงเพรียวก็เดินออกมาจากรอยแยกมิติสีดำนั้น!
คนผู้นั้นคือสาวน้อยคนหนึ่ง สวมชุดสีแดง ผิวสีน้ำผึ้งดูสุขภาพดี แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความเฉลียวฉลาดในดวงตาสีน้ำตาลได้
นางถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เฮ้อ…ในที่สุดก็ถึงแล้ว!”
นางรู้สึกเหมือนว่าอยู่ภายในค่ายกลเคลื่อนย้ายเป็นเวลานานมาก…
แต่ว่าระหว่างทางก็ราบรื่นอย่างมาก บางทีอาจจะเป็นเพราะพลังของคนผู้นั้นแข็งแกร่งอย่างมาก คาดไม่ถึงว่านางจะไม่รู้สึกถึงความอึดอัดใดๆ เลย
“นี่เป็นการสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายมายังที่นี่โดยตรงหรือ…”
นางเม้มริมฝีปาก คาดเดาขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ แต่ภายในใจรู้สึกตกใจมากยิ่งกว่า
ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นแข็งแกร่งถึงระดับไหนกัน…
ลมพัดมาเล็กน้อย ผมของนางปลิวไสว จนติดกับใบหน้า ทำให้รู้สึกคันเล็กน้อย
หลังจากมู่หงอวี่ทัดผมที่หลังหูแล้ว นางก็เงยหน้ามองตรงไปด้านหน้า
เมืองขนาดใหญ่ อยู่ไม่ห่างไกลจากนาง!
เหมือนกับสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ที่กำลังคืบคลาน ทำให้คนรู้สึกตกใจอย่างมาก!
นั่นน่าจะเป็นเมืองฝางโจวใช่หรือไม่?
มู่หงอวี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ นางกำหมัดแน่นเพื่อให้กำลังใจตนเอง ก่อนจะสาวเท้าเดินไปด้านหน้า
…
เมืองฝางโจวไม่มีประตูเมืองทุกคนล้วนเข้าออกได้อย่างอิสระ
มู่หงอวี่เดินเข้าไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แต่ว่าหลังจากที่เดินไปสักพัก มู่หงอวี่ก็พบว่า สถานการณ์ของสถานที่แห่งนี้แตกต่างจากที่นางคิดไว้ไม่น้อย
…ผู้คนที่นี่ เหมือนว่าจะไม่ได้เยอะอย่างที่นางคาดหวัง
บนถนนมีเพียงสองสามคน ไม่ได้นับว่าครึกครื้นมากนัก
ไม่ใช่ว่าคนที่ต้องการเข้าสำนักหลิงเซียวจะต้องมาที่เมืองฝางโจวก่อนไม่ใช่หรือ?
สำนักอันดับหนึ่งของอาณาจักรเสิ่นซวี่ บนโลกนี้น่าจะมีผู้บำเพ็ญเพียรมากมายนับไม่ถ้วนที่รีบเร่งมาที่แห่งนี้สิ เพราะพวกเขาอยากจะมีโอกาสเข้าไปในสำนักไม่ใช่หรือ?
แต่เหตุใดตอนนี้ถึง…
มู่หงอวี่เดินไปสักพัก จากนั้นก็ไปถามทางกับคนผู้หนึ่ง
ก่อนที่จะมาที่นี่ ผู้อาวุโสลำดับห้าได้เล่าเรื่องราวให้นางฟังมากมาย
ดังนั้นหลังจากนางรู้ว่านางมาถึงที่นี่แล้ว นางก็เข้าไปหาสถานที่ทดสอบสำนักหลิงเซียวที่อยู่ที่นี่ก็พอแล้ว
เมื่อเห็นว่านางถามทางถึงสำนักหลิงเซียวแล้ว คนที่บอกทางก็ชี้ให้อย่างมีความสุข
เพียงแต่สายตาที่มองมู่หงอวี่กลับลึกซึ้งเล็กน้อย
มู่หงอวี่รู้สึกประหลาดใจ จึงลูบหน้าของตนเองเบาๆ
“พี่ใหญ่ หน้าข้ามีอันใดติดอยู่หรือ?”
อีกฝ่ายส่ายหน้า
“หึๆ แม่นาง เจ้ามาที่นี่เป็นครั้งแรกหรือ?”
มู่หงอวี่พยักหน้า
“รู้หรือเปล่าว่าช่วงนี้สำนักหลิงเซียวเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
มู่หงอวี่ส่ายหน้า
“มิน่าล่ะ…”
ชายผู้นั้นเชิดคางขึ้นแล้วพูดเสียงเบา
“เจ้ารู้หรือไม่ ก่อนหน้านี้มีตระกูลอันสูงส่งจำนวนไม่น้อยมาที่เมืองฝางโจวโดยพร้อมเพรียง เพราะต้องการเผชิญหน้ากับสำนักหลิงเซียว! แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้สู้กัน แต่ว่า… ที่ทำให้พวกเขาลงมือกันอย่างเปิดเผยเช่นนี้ จะต้องมีเงื่อนงำอันใดบางอย่างแน่นอน! ตอนนี้คนจำนวนมากกำลังดูท่าทีความเปลี่ยนแปลง เพื่อไม่ให้สร้างปัญหา ไม่มีคนมาสอบเข้าสำนักหลิงเซียวที่เมืองฝางโจวแห่งนี้มาครึ่งเดือนแล้ว!”