ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1435 ออกจากด่านฝึก
ตอนที่ 1435 ออกจากด่านฝึก
ทั้งหมดนี้… มันคืออันใดกัน?
หรงซิวนวดหัวคิ้วของตนเองอย่างจนปัญญา
“เมิ้งเหล่า ท่านคิดมากเกินไปแล้วจริงๆ”
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนนี้คือคนเดียวกัน แล้วอีกอย่างเขาก็ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นแน่นอน
“ความสัมพันธ์ของข้ากับฉู่เยว่… ไม่สามารถพูดได้ชัดเจนภายในประโยคสองประโยค แต่ท่านได้โปรดวางใจ ข้าไม่มีทางทำแบบที่ท่านคิดเด็ดขาด”
เมิ้งเหล่าเห็นสีหน้าของเขา ภายในใจก็มีความสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย
“จริงหรือ?”
หรงซิวดึงมือกลับไป ริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ
“ท่านคิดว่า หากข้าทำเช่นนั้นจริงๆ ฉู่เยว่จะยินยอมหรือ?”
แน่นอนว่าไม่มีทาง!
เจ้าเด็กคนนั้นดูแล้วสะอาดสะอ้านน่ามอง รอยยิ้มก็สดใส แต่ความเป็นจริงแล้ว คนอื่นไม่สามารถครอบงำตัวตนของเขาได้
ไม่อย่างนั้นเขาจะสามารถก่อเรื่องมากมายขนาดนี้ได้อย่างใด?
แต่เมื่อหรงซิวรับประกันด้วยตนเองแล้ว เมิ้งเหล่าก็สามารถวางใจลงได้เล็กน้อย
เรื่องแบบนี้ หรงซิวไม่จำเป็นต้องโกหก
เพียงแต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคน เป็นเรื่องที่น่าแปลกมากจริงๆ
หากมีโอกาสเขาจะถามอีกในอนาคต
“เช่นนั้นก็ได้ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว เจ้ามีความคิดของตนเองอยู่แล้วก็ดี”
เมิ้งเหล่าพูดตัดบทเรื่องนี้ จากนั้นก็สะบัดแส้ขนหางจามรี สายตาของเขามองข้ามไหล่ของหรงซิวไปพร้อมตกอยู่ที่ประตูบานนั้นที่ลอยอยู่เงียบๆ กลางอากาศ
“ที่ข้าเรียกเจ้ามาในวันนี้ ยังมีเรื่องสำคัญอีกหนึ่งอย่าง… เจ้าไปดูประตูบานนั้นสิ เห็นว่ามันมีปัญหาอันใดหรือไม่”
ที่เขาลงไปเมื่อครู่นี้ก็เพราะเรื่องนี้
หรงซิวหมุนตัวหันหลังกลับไป แล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ข้าก็อยากถาม ท่านย้ายประตูบานนี้ขึ้นมาด้านบนตั้งแต่เมื่อไร?”
เมิ้งเหล่าหรี่ตามอง
“น่าจะ… ประมาณสิบกว่าวันก่อนหน้านี้ ในตอนนั้นข้าสัมผัสได้ว่าบนบานประตูมีระลอกคลื่นที่ผิดปกติ จึงย้ายมันขึ้นมาด้านบนบานเดียว แต่หลังจากตรวจสอบแล้ว ข้าก็รู้สึกว่ามันมีอันใดผิดปกติจริงๆ เพียงแต่… ยังไม่ค่อยมั่นใจ ดังนั้นจึงอยากให้เจ้ามาดูอีกครั้ง”
หรงซิวจ้องมองประตูบานนั้นอยู่หลายวินาที ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มออกมา
“ท่านเฝ้าประตูเหล่านี้มานานหลายปี ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ดีไปกว่าท่านแล้วละมั้ง? หากท่านคิดว่ามันมีปัญหา เช่นนั้นมันก็มีปัญหา”
เมิ้งเหล่ายังคงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“สถานการณ์ในครั้งนี้ซับซ้อนอย่างมาก เจ้าไปดูก่อนเถอะ”
เมื่อเห็นเมิ้งเหล่ายืนยันเช่นนี้ หรงซิวก็ไม่ได้ปฏิเสธอีก
เขาเดินไปด้านหน้าสองสามก้าว และหยุดยืนที่หน้าประตูบานนั้น
เขายกมือขึ้นมา พร้อมใช้ฝ่ามือสัมผัสบานประตูอย่างช้าๆ
เขารู้สึกถึงความเย็นเล็กน้อย ไอเย็นที่แผ่วเบาแผ่กระจายจากฝ่ามือตรงเข้าสู่หัวใจของเขา
แต่ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม ภายในไอเย็นนั้นยังมีไอความร้อนอยู่สายหนึ่ง
แต่ไอความร้อนนั้นคลุมเครืออย่างมาก มันปรากฏขึ้นมาแล้วหายไป จนไม่สามารถแยกออก
เหมือนกับว่ามีอันใดบางอย่างกำลังเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้า และเหมือนอยากจะพุ่งตัวออกมา แต่มันก็หันหัวกลับในทันที
หรงซิวดึงมือออกด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“เป็นอย่างใดบ้าง?”
เมิ้งเหล่าเดินขึ้นมาด้านหน้าแล้วถามอย่างเป็นกังวล
ความจริงแล้วในตอนแรกเขาไม่อยากจะให้หรงซิวมายุ่งเรื่องนี้ด้วย แต่ตอนนี้หรงซิวก็มาถึงที่นี่แล้ว อีกทั้งเขายังพบว่าประตูบานนี้ผิดปกติ เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าควรจะถามความเห็นของหรงซิว
หรงซิวเงียบไปอยู่สักครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันมองเมิ้งเหล่า
“ท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างใด?”
เมิ้งเหล่าขมวดคิ้วมุ่น ท่าทางจริงจัง
“ข้าคิดว่า… ของสิ่งนั้นเหมือนจะตื่นขึ้นมาแล้ว…”
ครั้งแรกที่เขาสัมผัสระลอกคลื่นได้ บางครั้งเขาก็ยังเกลี้ยกล่อมตัวเองว่าเขาเข้าใจผิดไป
แต่มันมีครั้งที่สอง ครั้งที่สาม และยังคงเป็นเช่นนี้เรื่อยๆ อีกทั้งการเคลื่อนไหวก็รุนแรงมากยิ่งขึ้น!
ดังนั้นเรื่องนี้จึงทำให้เขาตื่นตัวอย่างมาก
หรงซิวหัวเราะขึ้นมา
“ในเมื่อท่านได้ตัดสินใจไปแล้ว ท่านจะมาถามข้าอีกเหตุใด?”
“แต่แบบนี้มันไม่ถูกต้องน่ะสิ!”
ในที่สุดเมิ้งเหล่าก็ไม่สามารถอดกลั้นต่อไปได้ เขาสาวเท้ามาด้านหน้าด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะชี้ไปทางประตูบานนั้น
“ตอนนี้นังหนูคนนั้นยังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้กระทั่งเงายังไม่ปรากฏ แล้วของสิ่งนี้มันจะเคลื่อนไหวได้อย่างใด? หรือนี่เป็นสัญญาณว่านางกำลังจะกลับมาแล้ว?”
เมื่อพูดถึงครึ่งประโยคหลัง สีหน้าไม่มั่นใจของเมิ้งเหล่า ก็มีความยินดีปรากฏขึ้นในแววตา
แต่เมื่อเห็นว่าหรงซิวยังยืนอยู่ตรงนี้ เขาจึงรีบควบคุมสีหน้าอย่างรวดเร็ว
ในตอนนั้นคนที่รู้ว่าหรงซิวชอบแม่นางคนนั้นก็มีจำนวนไม่น้อย แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่พูดถึงมันอีก
หลายปีผ่านมา ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว
และยิ่งตอนนี้หรงซิวมีพระชายาแล้ว
หากพูดถึงแม่นางคนนั้นเกรงว่าจะไม่เหมาะสม
แต่หรงซิวกลับมีสีหน้าปกติดังเดิม เหมือนว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้เลย
เขาตั้งใจครุ่นคิดอยู่สักพัก และพยักหน้าขึ้นลง
“ใช่ว่าเรื่องนี้จะเป็นไปไม่ได้”
ความจริงแล้ว… นางกลับมาแล้ว
“เจ้าก็คิดเช่นนั้นหรือ?”
เมิ้งเหล่าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย
ก่อนหน้านี้เขากังวลมาตลอดว่าจะเกิดอันใดขึ้นกับนังหนูคนนั้น แต่เมื่อหรงซิวพูดเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่านางกำลังจะกลับมาแล้ว ความไม่สบายใจและกังวลลดลงไปได้ไม่น้อย
สายตาของหรงซิวสั่นไหวไป ก่อนจะกวาดสายตาสำรวจประตูบานนั้น
หากไม่ใช่เพราะว่าสองวันก่อนนางทะลวงด่านล้มเหลว…
“ท่านไม่จำเป็นต้องกังวล สถานการณ์ทั้งหมดจะต้องดีแน่นอน”
หรงซิวกล่าวเสริม
เมิ้งเหล่าถอนหายใจออกมา
“เช่นนั้น… ข้าจะรอนางกลับมาโดยเฉพาะ”
ดูเหมือนว่าตอนนี้หรงซิวจะละทิ้งอดีตไปทั้งหมดแล้ว ในที่สุดความกังวลสิ่งสุดท้ายที่อยู่ภายในใจของเมิ้งเหล่าก็ถูกปล่อยวางลงได้แล้ว
“ไม่มีเรื่องอื่นอีกแล้ว เจ้าไปดูแลฉู่เยว่ให้ดีเถอะ”
หรงซิวพยักหน้า
“เช่นนั้นหรงซิวก็ไม่รบกวนท่านแล้ว”
เมื่อพูดจบเขาก็ประสานมือทำความเคารพ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
เมิ้งเหล่ามองตามแผ่นหลังของเขา แล้วยังทอดถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“เฮ้อ… นึกถึงเรื่องเมื่อปีนั้น …”
ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก!
ตอนนี้กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว…
ช่างเถอะ!
หรงซิวก็ไม่ได้คิดมากแล้ว แล้วพวกเขายังจะไปยุ่งอยู่เหตุใด?
มือของเมิ้งเหล่าค่อยๆ สัมผัสประตู
รอยแกะสลักที่งดงามทำให้พื้นผิวไม่สม่ำเสมอ แต่ทำให้ฝ่ามือรู้สึกถึงความอ่อนโยน
“นังหนูคนนี้… ก็มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่เสียจริง…”
…
พระราชวังเมฆาสวรรค์
เขาว่านจง
ดวงอาทิตย์ตกลง แสงสุดท้ายเป็นสีส้มสาดส่อง ชั้นเมฆที่อยู่บนท้องฟ้าถูกย้อมจนเป็นสีทอง
เจียงจื่อหยวนที่นั่งคุกเข่ามาทั้งวัน ในที่สุดก็เริ่มผ่อนคลายร่างกายตนเอง พร้อมนวดหัวเข่าตนเองที่เกิดอาการเหน็บชา
แม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่นางก็ไม่เคยชินกับการลงโทษที่รุนแรงขนาดนี้
ไม่ว่าใครที่นั่งคุกเข่าท่าเดิมตั้งแต่เช้ายันเย็น หกชั่วยาม ก็ไม่มีทางรับไหวอย่างแน่นอน
แต่รับไม่ไหวก็ต้องรับให้ไหว
ใครใช้ให้นี่คือหนทางรอดเพียงหนึ่งเดียวของนาง?
เจียงจื่อหยวนเงยหน้าขึ้นมอง
บนยอดเขาที่เงียบสงบ
ไม่รู้ว่าท่านประมุขจะออกจากด่านฝึกเมื่อไร…
ในใจของนางครุ่นคิดด้วยความขุ่นเคือง
แต่เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ นางก็รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ท่านประมุขปิดด่านฝึกมาหลายปีแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะออกมาเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ไม่รู้ว่านางจะต้องรอไปถึงเมื่อไร…
แกร๊ก!
ทันใดนั้นก็มีเสียงแตกลั่นดังขึ้นอย่างกะทันหัน!
หัวใจของเจียงจื่อหยวนกระตุกวูบ! นางจึงรีบหันกลับไปมอง!
นางเห็นเพียงแค่บนค่ายกลขนาดใหญ่ตำแหน่งตรงกลางของยอดเขาลูกนั้น มีรอยร้าวยาวปรากฏขึ้น!
ลำแสงที่สะอาดและบริสุทธิ์ส่องมาจากด้านใน
นี่มัน…
ทันในนั้นดวงตาของเจียงจื่อหยวนก็สว่างวาบ ภายในสมองมีการคาดเดาที่หาญกล้าปรากฏขึ้น!
แกร๊ก!
ด้านข้างมีรอยร้าวอีกรอยหนึ่งปรากฏขึ้น!
เหมือนกับกลไกบางอย่างได้เปิดขึ้น ค่ายกลแห่งนั้นเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!
รอยแยกเหล่านั้นปรากฏขึ้นตามค่ายกล!
หลังจากนั้นไม่นาน ลำแสงเจิดจ้าปกคลุมทั่วภูเขา!
ลมปราณที่ยิ่งใหญ่ปกคลุมแผ่กระจายออกไปจนทั่ว!
สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ แต่เจียงจื่อหยวนไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย นางกลับมีความดีใจเสียด้วยซ้ำ
ท่านประมุขกำลังจะออกจากด่านฝึกแล้ว!