ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1442 สอบถาม
ตอนที่ 1442 สอบถาม
นี่คือประเด็นที่ฉู่หลิวเยว่สงสัยมากที่สุด
ไม่ว่าจะเรื่องที่นางกับถ้ำปีศาจทมิฬ หรือเรื่องหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ในตัวนาง…
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความลับอย่างยิ่งยวด
แต่ไหนแต่ไรนางคอยระวัง ไม่ให้ข้อมูลเหล่านี้รั่วไหลออกไป
เพราะนางรู้ดีว่า หากเรื่องเหล่านี้เล็ดลอดออกไป มันจะทำให้นางผจญปัญหามากมายขนาดไหน
แต่คิดไม่ถึงว่า ต่อให้ระวังแทบตาย ก็ยังมีคนจับได้อยู่ดี!
นางนึกว่าตัวเองเก็บซ่อนมันไว้ได้มิดชิดแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่ามีคนแอบจับตามองมาตั้งแต่แรกแล้ว!
แต่อีกฝ่ายเป็นใครกัน?
แล้วมีมูลเหตุมากเพียงใด?
ฉู่หลิวเยว่ไม่แน่ใจเลยสักนิด
ในกายของนางมีสิ่งเร้นลับซ่อนอยู่มากมาย หากถูกเปิดโปงเพียงสิ่งเดียว ก็อาจก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ได้!
และด้วยพลังของนางในตอนนี้ ย่อมมิอาจจัดการปัญหาเหล่านั้นได้โดยง่าย…
ผู้อาวุโสเหวินซีตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะส่ายหัวไปมา
“เรื่องนั้นยังมิเป็นที่แน่ชัด แต่เหมือนว่าเพียงชั่วข้ามคืน เหล่าตระกูลและสำนักทั้งหมดก็รู้เรื่องนี้เสียแล้ว ปั๋วเหยี่ยนส่งคนไปสอบสวนแล้ว แต่ว่า…”
ถ้าตรวจพบคนปล่อยข่าวนี่สิแปลก
เห็นได้ชัดว่าฝ่ายนั้นเตรียมการมาอย่างดี จะเผยช่องโหว่ให้คนอื่นเห็นได้อย่างใด?
“เช่นนั้นก็หมายความว่า มีคนส่งข่าวให้คนเหล่านี้ในเวลาเดียวกันหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ระดมความคิดของตน
“ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ไม่สิ… น่าจะเป็นแบบนั้น”
“จดหมายเหล่านั้นถูกส่งไปยังตระกูลและสำนักต่างๆ แทบจะในพลบเพลาเดียวกัน ถ้าส่งต่อให้พวกเขาตามลำดับหนึ่งสองสามล่ะก็ พวกเขาคงจะไม่ตกปากรับคำกันอย่างพร้อมเพรียง และคงไม่รวดเร็วเช่นนี้ แต่…”
คนผู้นั้นมันเป็นใครกัน?
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเยาะหนึ่งที
“อาณาจักรเสิ่นซวี่นั้นกว้างใหญ่ไพศาล สำนักวิชามากมายล้วนตั้งรกรากห่างไกลกัน การจะนำสารไปส่งพวกเขาในคราเดียวนั้นไม่ง่ายเลย… ”
ภายในดวงตาสีนิลราวหยก แฝงไปด้วยการเย้ยหยัน
เพียงเพื่อจัดการกับนาง อีกฝ่ายจำต้องลงทุนลงแรงเช่นนี้เชียว
“ฉู่เยว่ เจ้า…”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เมิ้งเหล่าที่ยืนอยู่ด้านข้างก็พลันทำหน้าฉงน ริ้วรอยบนใบหน้าเริ่มย่นเข้าหากันทีละน้อย
“เจ้าไปทำให้ผู้ใดขุ่นเคือง?”
อีกฝ่ายถึงได้พยายามกำจัดเขาอย่างยิ่งยวดเช่นนี้?
ฉู่หลิวเยว่ลูบปลายคางอย่างอย่างครุ่นคิด ก่อนจะผละมือออกแล้วหัวเราะเบาๆ
“ศิษย์เผลอยั่วยุไปหลายคนเลยขอรับ มาคิดดูตอนนี้ก็ไม่รู้ว่ามีใครบ้าง”
“…”
เมิ้งเหล่าและผู้อาวุโสเหวินซีมองหน้ากันอย่างพูดไม่ออก
ด้วยนิสัยของฉู่เยว่แล้ว ใช่ว่าเขาจะทำอย่างที่กล่าวมาไม่ได้…
แต่เหตุใดยามนี้ เจ้าเด็กนี่ยังยืนหัวเราะหน้าตาเฉยได้อีก?!
เขาไม่รู้หรือว่าข้อกล่าวหาครั้งนี้มันร้ายแรงเพียงใด?
ไม่ว่าเรื่องใดจักได้รับการยืนยันก่อน แต่เขาก็ถูกใส่ร้ายไปแล้ว และไม่อาจพลิกชะตากลับมาได้!
ท่ามกลางกลุ่มชนชั้นสูงเหล่านั้น เพียงแค่มีใครคนหนึ่งก้าวออกมา ก็สามารถทำให้ฉู่เยว่ทุกข์ทรมาณ ราวตกอยู่ในนรกขุมที่สิบแปดไปตลอดกาล โดยมิอาจตะเกียกตะกายหนีได้!
ถึงสำนักหลิงเซียวกับหรงซิวจักยื่นมือเข้าช่วยก็ยังไร้ประโยชน์!
ฉู่หลิวเยว่หันไปประสานหมัดคารวะเมิ้งเหล่าด้วยความเคารพ
“ขอบพระคุณเมิ้งเหล่าที่คอยดูแลศิษย์ในช่วงนี้ ศิษย์ทราบซึ้งมากขอรับ”
เมิ้งเหล่ารู้ว่านางตัดสินใจแล้ว พลางมองนางด้วยสีหน้าซับซ้อน
“… เจ้าก็… จงระวังตัวด้วย”
ริมฝีปากของฉู่หลิวเยว่ยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก และหันไปมองผู้อาวุโสเหวินซี
“ท่านผู้อาวุโส พวกเราไปกันเถอะขอรับ”
ผู้อาวุโสเหวินซีเองก็อึดอัดใจกระมัง?
แต่ตอนนี้มันไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากก้าวเดินต่อไป
เขาตอบรับเบาๆ พลางหันไปร่ำลาเมิ้งเหล่า แล้วจากไปพร้อมกับฉู่หลิวเยว่
หรงซิวเองก็ตามไปด้วย
ผู้อาวุโสเหวินซีเหลือบมองแวบหนึ่ง และไม่ได้คัดค้านอันใด หากแต่กลับรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
ดูแล้วว่า หรงซิวก็ไม่ได้คิดจะนั่งดูดายเหมือนกัน
หากได้รับการสนับสนุนจากพระราชวังเมฆาสวรรค์ นั่นจะทำให้สถานการณ์ทางฝั่งพวกเขาดีขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย
อย่างใดเสีย มันก็ทำให้คนเหล่านั้นหวาดกลัวและเกรงใจกันบ้าง
ร่างเงาหลายร่าง เคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว
ประตูบานใหญ่ค่อยๆ ปิดลง ตัดขาดจากทุกสิ่งที่อยู่ภายนอก
และเหลือไว้เพียงความเงียบ
หลังจากนั้นไม่นาน เมิ้งเหล่าก็ถอนหายใจคราหนึ่ง แล้วหันหลังเดินกลับขึ้นไปชั้นบน
…
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉู่หลิวเยว่มาที่นี่
ช่วงสองสามเดือนแรกที่เข้ามาในสำนักวิชา นางมาที่นี่บ่อยกว่าศิษย์หลายคนในสำนักเสียอีก
แน่นอนว่าไม่เคยมีเรื่องดีเลยสักครั้ง
คราวนี้เองก็เหมือนกัน… หรืออาจเลวร้ายยิ่งกว่าอีก
ย้อนเวลากลับไปตอนเกิดเหตุกระบี่ชื่อเซียว แต่ดีที่เหตุการณ์ในครั้งนั้น ถูกตัดสินว่าเป็นเรื่องภายในสำนักวิชา
ผู้อาวุโสหลายคนตัดสินว่านางเป็นเพียงศิษย์ของสำนัก และไม่ถือโทษโกรธนางรุนแรงจนเกินไป
อีกทั้งตอนนั้น นางก็ “ช่วย” ชีวิตหรงซิวไว้ด้วย
หากไร้ซึ่งบุญคุณนี้ เรื่องนี้คงถูกเปิดโปงไปแล้ว
ทว่าครานี้…
นางกลับถูกกดดันจากเหล่าตระกูลชนชั้นสูงนับไม่ถ้วนที่อยู่ด้านนอก แล้วเช่นนี้นางจักแก้ไขมันอย่างใด?
ครั้นย่างเท้าเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ก็จำต้องพบกับความตึงเครียด
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนนั่งอยู่หัวโต๊ะ ส่วนทางซ้ายและขวานั้น คือที่นั่งของเหล่าผู้อาวุโสระดับสูงและสำคัญของสำนักวิชา
ผู้อาวุโสวั่นเจิงเองก็นั่งอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น
“มาแล้ว”
ผู้อาวุโสเหวินซีที่เดินนำหน้า ก้าวเท้าเข้าไปพลางประกาศแจ้งคนข้างใน
ทุกคนหันมามองอย่างพร้อมเพรียง
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกราวถูกสายตาเหล่านั้น กดทับลงมาอย่างหนักหน่วงจนแทบบี้แบน!
แม้แต่บรรยากาศโดยรอบเองก็พลันหนาแน่นแลเย็นวาบจนขนลุกซู่
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่ยังคงสงบนิ่ง ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปตรงกลาง และทำท่าคารวะทุกคน
“ศิษย์มีนามว่าฉู่เยว่ คารวะผู้อาวุโสทุกท่านขอรับ”
หรงซิวยืนอยู่ข้างกายนาง และเพียงครึ่งแขนเท่านั้น
เมื่อเห็นเขาเดินตามเข้ามา ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็จำต้องแปลกใจ
เขาเพิ่งส่งคนไปเชิญหรงซิว แต่เหตุใดอีกฝ่ายถึงมาที่นี่พร้อมผู้อาวุโสเหวินซีและฉู่เยว่ล่ะ?
และเหมือนรู้ว่ากำลังถูกสงสัย ผู้อาวุโสเหวินซีจึงทำทีกระแอมไป และอธิบายว่า
“ข้าบังเอิญพบกับหรงซิว ตอนที่ขึ้นไปเขาเฝิงหมิน”
เพียงเท่านี้ทุกคนก็เข้าใจ
และไม่สงสัยอันใดในตัวเขาแล้ว
ภูเขาเฝิงหมินไม่ใช่สถานที่สำหรับคนทั่วไป แต่หรงซิวสามารถไปที่นั่นได้
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพยักหน้ารับ และชี้ไปยังเก้าอี้ว่างด้านข้างที่สงวนไว้ให้หรงซิวโดยเฉพาะ
“มาก็ดีแล้ว หรงซิว เจ้านั่งก่อนเถอะ”
ตำแหน่งนั้นอยู่ใกล้กับผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนมาก แสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับหรงซิวมากแค่ไหน
ซึ่งแน่นอนว่า นี่ไม่ใช่การปฏิบัติต่อหรงซิวในฐานะลูกศิษย์
แต่วันนี้หรงซิวมาในนามพระโอรสแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์!
หรงซิวเองก็ไม่ปฏิเสธคำเชิญนั่น เขาส่งเสียงตอบรับหนึ่งที ก่อนจะก้าวขายาวๆ เดินเข้าไปนั่งตรงนั้น
ผู้อาวุโสเหวินซีเหลือบมองฉู่หลิวเยว่ด้วยความกังวล แล้วนั่งลงบนที่นั่งของเขา
ประตูบานใหญ่ถูกปิดลง
ภายในห้องโถงอันมโหฬารตระการตา เงียบสงัดเสียจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มหล่น
ค่ายกลชั้นหนึ่งแผ่ขยายปกคลุมไปทั่วห้องโถง ปิดกั้นที่แห่งนี้ไว้อย่างสมบูรณ์
สุ้มเสียงและการเคลื่อนไหวทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นี่ จะไม่อาจเล็ดลอดออกไปภายนอกได้
“ฉู่เยว่ เหวินซีน่าจะแจ้งเรื่องสถานการณ์ในตอนนี้ให้เจ้าฟังไปแล้ว ใช่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนนั่งหลังตรง ด้วยดวงตาอันลึกล้ำและเต็มไปด้วยคลื่นอารมณ์จดจ้องไปยังฉู่หลิวเยว่ พลันเอ่ยถามเสียงต่ำ
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ
“ทราบแล้วขอรับ”
“เช่นนั้นยามนี้ เจ้ามีอันใดจะสารภาพหรือเปล่า?”
มือข้างหนึ่งของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนบีบที่วางแขนข้างกายอย่างแรง
“เจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับถ้ำปีศาจทมิฬหรือไม่? แล้วเจ้า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบุพกาลชายแดนเหนือหรือไม่? และก็… หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ใบนั้น มันอยู่กับเจ้าใช่หรือไม่!?”
เขาเข้าประเด็นโดยตรง! เพียงถามสั้นๆ ทว่าตรงจุดทุกอย่าง!
ทันใดนั้น ห้องโถงที่เงียบสงบอยู่แล้ว ก็พลันเงียบกริบมากขึ้นราวกับป่าช้า
สายตาจำนวนมากจ้องมองไปยังฉู่หลิวเยว่เพื่อรอคำตอบ
ฉู่หลิวเยว่อมยิ้มเล็กน้อย
“ศิษย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับถ้ำปีศาจทมิฬ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบุพกาลชายแดนเหนือ ศิษย์เองก็ตกเป็นเหยื่อเหมือนกัน ส่วนหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ใบนั้น… ท่านคิดว่า หากในกายศิษย์มีหนึ่งในสิบสมบัติศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นสถิตอยู่ ศิษย์จักอยู่รอดปลอดภัยจนถึงทุกวันนี้หรือขอรับ?”