ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1444 พายุกำลังมา
ตอนที่ 1444 พายุกำลังมา
เย่อหยิ่ง!
จองหอง!
แต่ดันข่มรัศมีเสียจนคนอื่นไม่กล้าคัดค้าน!
ผู้อาวุโสเข้าใจตั้งแต่ตอนที่หรงซิวเผชิญหน้ากับคนเหล่านั้นแล้ว ว่าหรงซิวให้ความสำคัญกับฉู่เยว่มากเพียงใด จึงไม่แปลกใจเมื่อได้ยินคำเขาว่าเช่นนี้
ทว่าคนอื่นๆ ในห้องโถงยังคงตกตะลึงจับต้นชนปลายไม่ถูก
เขาจะจัดการเอง…
หมายถึงเขาคนเดียวน่ะหรือ!?
อีกฝ่ายไม่ใช่ตระกูลขุนนางหนึ่งหรือสองตระกูลเสียหน่อย แต่เป็นทั้งอาณาจักร!
หรงซิวพร้อมเสี่ยงครั้งใหญ่เพื่อฉู่เยว่เชียวหรือ…
ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
เนื่องจากทั้งสองคนไม่เคยอธิบายเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขา คนนอกจึงคาดเดาไปต่างๆ นาๆ
แต่ก่อนพวกเขาไม่เชื่อ แต่พอดูตอนนี้แล้ว… พวกเขาเหมือนกับพี่น้องร่วมสายเลือดกันจริงๆ เลย!
หลายคนแอบตกใจกับสิ่งที่เห็น แต่สุดท้ายพวกเขาก็เข้าใจสถานการณ์ก่อนหน้านี้เป็นอย่างดี
ไม่แปลกหรอก… ตั้งแต่ฉู่เยว่เข้ามาที่นี่ หรงซิวก็ดูแลเขาอย่างดีมาตลอด
จนถึงตอนนี้ก็ดูจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก
แต่อย่างใดเสียมันก็เป็นของหรงซิวและฉู่เยว่ คนนอกไม่อาจพูดอันใดได้
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความช่วยเหลือของหรงซิว ทำให้ทางฝั่งสำนักวิชาพลอยลดทอนความกดดันลงได้มาก
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกวาดตามองไปรอบๆ
“เช่นนั้นก็เป็นอันเรียบร้อย! ฮวาเฟิง เจ้าส่งคำเชิญออกทันที ให้พวกเขามาที่นี่ภายในสามวัน แล้วไปที่…”
เมื่อพูดตรงนี้ ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพลันหยุดชะงัก
การเชิญคนมานั้นมิใช่ปัญหา และการใช้เวลาสามวันก็มากเพียงพอ อย่างใดเสียคนเหล่านั้นก็กระตือรือร้นอยากมาที่นี่เสียเดี๋ยวนี้!
แต่ที่สำคัญคือ จะให้พวกเขาไปที่ไหน?
หากจัดตั้งที่ประชุมไว้ด้านนอก เช่นนั้นสำนักหลิงเซียวของเขาจักต้องถูกสาปส่งแน่นอน
แต่ถ้าจัดในสำนักวิชา…
แล้วเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของฉู่เยว่
ศิษย์คณาจารย์ในสำนักวิชาจะมองเขาอย่างใด?
หากถึงเวลานั้นแล้วเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ฉู่เยว่ก็จะต้องเจ็บปวดกับการประท้วงขับไล่นับไม่ถ้วน
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้น แล้วจ้องมองใบหน้าหงิกงอของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน
แน่นอนว่านางรู้ว่าผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกำลังกังวลเรื่องอันใด
“ผู้อาวุโสขอรับ จัดที่เมืองฝางโจวเถิด”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวพลางส่งยิ้มให้เขา
เมืองแห่งนั้นอยู่ใกล้สำนักวิชา แต่ก็ยังไม่ได้เข้ามาในเขตของสำนัก
สามารถตั้งรับขับสู้กันได้ตามต้องการ ถือเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับสำนักของเขา
“เจ้า… แน่ใจแล้วหรือ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนยังคงลังเล
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอีกครา
“ลำบากท่านและคณะผู้อาวุโสแล้วขอรับ เพราะครานี้ ศิษย์จะจบปัญหาทั้งหมดนี่ให้แล้วสิ้น!”
…
ผู้อาวุโสหลายคนต่างแยกย้ายกันไปจัดเตรียมที่ประชุมที่จะเกิดขึ้นในอีกสามวัน
สำหรับเรื่องนี้ มันอาจเป็นศึกยากอีกคราหนึ่ง ดังนั้น ไม่ว่าจะอย่างใด พวกเขาก็ต้องทำตามแผนอย่างแยบยล โดยมิให้เกิดข้อผิดพลาดตามมา
และในที่สุด ก็เหลือเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในห้องโถง
ฉู่หลิวเยว่โค้งคำนับผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนอีกครั้ง
“ผู้อาวุโส ศิษย์ซาบซึ้งในความช่วยเหลือของท่านมาก”
แค่เรื่องความเป็นความตายของเขาเพียงคนเดียว แต่คนทั้งสำนักกลับเต็มใจเสี่ยงเพื่อเขา
นางรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนหัวเราะเบาๆ
“วางใจเถอะ ตัวเจ้าไร้มลทิล ถึงเวลาทุกอย่างจะกระจ่างเอง! ปัญหาเหล่านี้ยืดเยื้อต่อไปใช่ว่าจะดี มาใช้โอกาสนี้แก้ไขปัญหาทั้งหมดดีกว่า!”
เขาเบื่อที่ถูกคนเหล่านั้นคุกคามเต็มที
ครั้งนี้ เขาจักตบหน้าคนพวกนั้นเอง!
แล้วจะคอยดูว่าพวกนั้นจะแน่สักแค่ไหนเชียว!
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่ทอประกายวาววับ
“ถูกของท่าน”
“ความจริงเรื่องนี้เจ้าต้องขอบคุณหรงซิว ถ้าไม่ใช่เพราะเขา… ผู้อาวุโสคนอื่นๆ คงไม่ยอมง่ายๆ แต่เมื่อถึงตอนนั้นสถานการณ์ของเจ้าจักดีกว่าที่คิดแน่นนอน ตราบใดที่ไม่มีหลักฐาน คนพวกนั้นก็เอาความเจ้าไม่ได้”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนยิ้มบาง พลางเอ่ย
“และก็… ไม่ใช่ว่าทุกตระกูลที่ต้องการเล่นงานเจ้าหรอกนา บางตระกูลก็อยู่ฝ่ายเรา อย่างเช่น พวกเฟยซิงเหมิน”
ฉู่หลิวเยว่พลันกระจ่างแจ้ง จากนั้นมุมปากของนางก็ค่อยๆ ยกโค้งขึ้น
เรื่องนี้มัน สันนิษฐานว่าชือรุ่ยเออร์คงไปช่วยพูดหว่านล้อมคนในตระกูลให้ตน
นางช่วยชีวิตชือรุ่ยเออร์ไว้ แต่นางไม่เคยคิดที่ขอสิ่งตอบแทนหรือทวงบุญคุณจากอีกฝ่าย
คิดไม่ถึงว่าชือรุ่ยเออร์จะใส่ใจเรื่องนี้มาก
มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
“ฉะนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลไป เมื่อถึงเวลา… ก็แค่พูดในสิ่งที่เจ้าอยากพูดก็พอ!”
ในใจของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ดูสิว่าใครในหมู่พวกเขาจะกล้ากล่าวหาเจ้า!”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าพร้อมแย้มยิ้มกว้าง
ใช่แล้ว
คิดว่าคนพวกนั้นจะจับนางผ่าชันสูตรเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดได้หรือ?
นางอยากเห็นเหลือเกินว่าละครเรื่องนี้จักระทึกใจเพียงใด!
…
คำเชิญจากสำนักหลิงเซียวถูกส่งออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่ละตระกูลที่พร้อมเคลื่อนพลในตอนแรก พลันสับสนเล็กน้อยเมื่อได้รับสารเชิญ ก่อนจะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
สำนักหลิงเซียวถึงขั้นทำเช่นนี้เลยหรือ!
มั่นอกมั่นใจขนาดไหนกัน ถึงกล้าทำเช่นนี้!?
แต่นั่นไม่สำคัญ
ประเด็นสำคัญก็คือ คราวนี้ทุกคนต่างเพ่งเล็งไปที่ฉู่เยว่! และต้องการเผชิญหน้ากับนางเพื่อเค้นเอาคำตอบ!
ถ้ำปีศาจทมิฬ!
บุพกาลชายแดนเหนือ!
อีกทั้ง… หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์!
เรื่องลึกลับทั้งหมดนี้ จะได้รับการแก้ไขทีละเรื่อง!
เพียงพริบตา ทั่วทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่พลันตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน!
…
“อันใดกัน? สำหนักหลิงเซียวเชิญทุกตระกูลแลสำนักวิชาไปยังเมืองฝางโจวหรือ?”
ณ ตำหนักศักดิ์สิทธิ์
ไป๋หลีฉุนมองดูสารเชิญที่เพิ่งส่งมาถึงมือเขา และแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
“นี่สำนักหลิงเซียวคิดจะทำการใดกันแน่!?”
หลายปีที่ผ่านมา เหล่าตระกูลขุนนางหลักมากมายมิได้มีการผูกสัมพันธ์ไมตรีกันเสียเท่าไร และยังคงรักษาสมดุลนั่นเอาไว้อย่างดีเสมอมา
ทว่าตอนนี้สำนักหลิงเซียวกลับคิดจะทำลายสมดุลนี้!
แม้พวกเขาจะเป็นผู้ชำนาญการในหลายแขนง แต่ก็ยังกล้าบ้าบิ่นเกินไปอยู่ดี!
ผู้อาวุโสอวี๋จิ้งยืนรออยู่ด้านล่างด้วยความเคารพ
“ท่านประมุขอาจจะยังมิทราบ ทว่าเมื่อเร็วๆ นี้ ข่าวลือของฉู่เยว่ได้แพร่งพรายไปทั่วอาณาจักรเสิ่นซวี่แล้ว สำนักหลิงเซียวถูกบีบให้อับจนหนทาง ถึงได้ทำเช่นนี้กระมัง?”
ไป๋หลีฉุนขมวดคิ้วมุ่น
“ฉู่เยว่? ใครกัน?”
เจียงจื่อหยวนที่กำลังช่วยรินชาอยู่ด้านข้างเหลือบตามองเขา ในใจเต็มไปด้วยความริษยา
สำนักวิชาไล่นางออก แต่กลับยืนหยัดเพื่อฉู่เยว่ได้!
ความลำเอียงเช่นนี้ ไม่ควรเกิดขึ้น!
นางระงับความอิจฉาเหล่านั้นไว้ในใจ พลางกระซิบบอกว่า
“ฉู่เยว่เป็นศิษย์ใหม่ของสำนักที่เพิ่งเข้ามาเรียนได้ไม่กี่เดือนเจ้าค่ะ ตัวเขานั้นมีพรสวรรค์และเก่งกาจ และเหมือนว่าสัมพันธ์ของเขากับท่านพี่หรงซิว… จะดูผิดแปลกชอบกล”
ประโยคนี้ดึงดูดความสนใจของไป๋หลีฉุนได้ทันที
“หือ? แปลกเยี่ยงไรหรือ?”
ยามหรงซิวอยู่ที่สำนักวิชา เขาก็มักจะปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียวตลอดมิใช่หรือ?
เจียงจื่อหยวนทำทีเม้มปากอย่างกลัดกลุ้ม
“เขา… ท่านพี่หรงซิวพาเขาไปฝึกซ้อมเป็นการส่วนตัว และให้เขาอาศัยอยู่บนเขาจิ่วเหิงด้วยกัน เรียกได้ว่า… ดูแลอย่างดีเลยเจ้าค่ะ ครั้งก่อนที่ฉู่เยว่ทำผิดกฎ ก็ได้ท่านพี่หรงซิวช่วยพูด…”
เคร้ง!
ไป๋หลีฉุนกระแทกถ้วยชาลงอย่างแรง! จนเกิดเสียงดั่งสนั่น!