ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1446 เด็กหนุ่มที่ชอบหาเรื่องใส่ตัว
ตอนที่ 1446 เด็กหนุ่มที่ชอบหาเรื่องใส่ตัว
หลังจากหารือเรื่องการประชุมกับพวกผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเสร็จแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็มุ่งหน้ากลับไปยังเขาเฝิงหมิน และเข้าไปในเจดีย์สูงอีกครั้ง
ซึ่งเหตุผลในครานี้นั้นแสนจะธรรมดา
…นางแค่ต้องการพักผ่อน
เตียงหยกศีตลาพันปีบนชั้นสอง ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและความร้อนในร่างกายของนาง เมื่อเมิ้งเหล่าเห็นนางกลับมา ก็รู้ทันทีว่านางกลับมาเพื่อสิ่งนี้ และอนุญาตให้นางเข้าไปโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
เดิมทีผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ แอบเป็นกังวล แต่เมื่อเห็นว่าเมิ้งเหล่าเอ็นดูนางเพียงนี้ พวกเขาก็พลอยโล่งอก
ตอนนี้พวกเขาเริ่มมองออกว่า ฉู่หลิวเยว่มิได้ขึ้นไปบนเขาเฝิงหมินเพื่อรับโทษเสียหน่อย?
มีเมิ้งเหล่าคอยดูแลขนาดนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงโทษทัณฑ์อันใดเลย
ส่วนหรงซิวไม่ได้กลับมาด้วย แต่ดันกลับไปที่ภูเขาจิ่วเหิง เพื่อจัดการอันใดบางอย่าง
…
ทั่วทั้งพื้นที่พลันตกอยู่ในความเงียบ
ฉู่หลิวเยว่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหยกศีตลาพันปี ดวงตาสองข้างปิดสนิท พลางบำเพ็ญเพียรอย่างเงียบๆ
นางได้ยินเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะชัดเจน
พลังปราณของสรรพสิ่งรอบตัวหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนาง และหมุนวนอยู่ภายในไข่มุกธารา ก่อนจะไหลออกมาแล้วแพร่กระจายไปตามแขนขาของนาง
พลังปราณเหล่านี้ทำให้กระดูกและกล้ามเนื้อของนางอุ่นขึ้นทีละน้อย
ความเสียหายที่เกิดจากการทะลวงขั้นพลังปราณล้มเหลวเมื่อคราก่อน ค่อยๆ ฟื้นตัวทีละนิดเช่นกัน
นางมีร่างกายที่แข็งแรงอยู่แล้ว แถมยังมีสมรรถนะในการฟื้นตัวที่น่าทึ่ง
หากเป็นคนอื่น คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองถึงสามเดือน ในการรักษาอาการบาดเจ็บเช่นนี้ และฟื้นฟูมันอย่างสมบูรณ์
ทว่าในกรณีของนาง อาการเหล่านี้แทบจะหายเป็นปกติ ภายในเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
ขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังฝึกจิต นางก็วิเคราะห์เหตุการณ์ล่าสุดในใจไปพลาง
นางไม่ได้เกี่ยวข้องกับถ้ำปีศาจทมิฬเลย และสิ่งเดียวที่นางข้องเกี่ยวด้วยก็มีแค่วิญญาณประหลาดนั่น
มันคือวิญญาณที่เคยสิงสถิตอยู่ในร่างของซั่งกวนหว่าน
เนื้อแท้ของคนผู้นั้นเป็นคนจากถ้ำปีศาจทมิฬ แต่ครั้งก่อนพวกเขาเผชิญหน้ากันบริเวณนอกเมืองฝางโจว เขายอมรับเองว่าเขาหนีออกจากถ้ำปีศาจทมิฬ
และตอนนี้เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับถ้ำปีศาจทมิฬแล้ว
เช่นนั้นข่าวลือนี้มาจากไหน?
หากสิ่งที่ทำให้ฉู่หลิวเยว่คิดหนักที่สุดก็คือ หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์
ในตอนนั้น นางได้รับหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ครั้นยังอยู่ในแคว้นเย่าเฉิน แต่มีแค่ไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้
ลึกๆ แล้วนางรู้ว่าการครอบครองสิ่งนี้มิใช่เรื่องง่าย ดังนั้นนางจึงระมัดระวังตัวอยู่เสมอ และไม่เคยกล้าอันเชิญมันออกมาข้างนอกเสียเท่าไร
แม้นตอนที่อยู่บุพกาลชายแดนเหนือ นางก็ไม่ได้นำหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ของจริงออกมาแสดงให้ใครเห็น
เช่นนั้น… ใครกันที่เป็นคนปล่อยข่าวเรื่องนี้?
ฉู่หลิวเยว่คิดแล้วคิดอีก
แต่คิดอย่างใดก็คิดไม่ออก
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ฉู่หลิวเยว่ก็ยอมแพ้
อย่างใดเสีย อีกไม่กี่วันให้หลัง ความจริงก็จะถูกเปิดเผยที่เมืองฝางโจว!
และสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ นางต้องรีบพัฒนาความแข็งแกร่งให้เร็วที่สุด!
ระดับเก้าขั้นต้น…
เมื่อเผชิญหน้ากับคนเหล่านั้น ย่อมสิ้นชีพได้โดยง่าย!
ทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่ ไหนจะผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์
และถ้าไม่ทำเช่นนั้น อีกฝ่ายก็บดขยี้นางให้ตายคามือแน่ๆ
แต่ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามวัน จะทะลวงขั้นพลังในเวลาเพียงเท่านี้… ช่างยากเสียจริง
แต่ถึงจะยาก ก็ต้องลองกันสักตั้ง!
ฉู่หลิวเยว่กลั้นลมหายใจและตั้งสมาธิ ตั้งจิตให้มั่น!
ครู่ต่อมา นางก็เริ่มรวบรวมพลังปราณดั้งเดิมในกายอีกครั้ง แล้วสาดมันเข้าไปในจุดตันเถียน!
…
“เห้อ… เจ้าหนูนี่คงลืมข้าไปเสียแล้ว…”
ที่ชั้นบนสุด เมิ้งเหล่าเอนตัวลงบนเก้าอี้นอนอย่างเกียจคร้าน มือข้างหนึ่งค้ำยันศีรษะไว้ ส่วนอีกข้างก็สะบัดแส้ขนหางจามรีอย่างเหนื่อยหน่าย
ข้างหน้าเขา ประตูบานเล็กยังคงลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบเชียบ
นับตั้งแต่เขาสังเกตเห็นว่าพลังปราณภายในเริ่มเคลื่อนไหว และเหมือนจะพุ่งออกมา เมิ้งเหล่าก็เริ่มสังสัยว่านังหนูนั่นกำลังจะกลับมาแล้ว
แต่หลังจากรอแล้วรอเล่า ก็ไม่มีข่าวคราวอันใดเลย
หัวใจของเขาเต้นแผ่วลงอีกครั้ง
หรือว่าเขาจะ… คิดไปเอง?
และไม่รู้เพราะอันใด สองวันที่ผ่านมา เจ้าสิ่งนี้กลับไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว
เมิ้งเหล่าลอบถอนหายใจเบาๆ
ตอนแรกเขาไม่ได้ตั้งใจจะช่วย
แต่เพราะทนเสียงอ้อนวอนของเจ้าเด็กนั่นไม่ไหว เขาจึงอยากโยนปัญหาไปให้พ้นๆ มือเสีย
เพียงเพื่อสิ่งนี้ ไม่รู้เลยว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา เข้าต้องสูญเสียความพยายามไปมากเพียงใด!
เมิ้งเหล่าจมอยู่กับความทรงจำในอดีต สีหน้าของชายชราพลันแข็งทื่อ แล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว!
แต่เจดีย์แห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเมิ้งเหล่า เขาจึงรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นด่านล่างนั้นได้อย่างชัดเจน!
“เจ้าเด็กนี่จะทะลวงอีกแล้วหรือ!?”
เมิ้งเหล่าสบถออกมาอย่างเหลือเชื่อ
บ้าไปแล้ว!
นี่มันบ้าชัดๆ!
หลังจากทะลวงล้มเหลว เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันเองมิใช่หรือ?
ยามนี้ร่างกายของเจ้าเด็กนั่นยังไม่ฟื้นตัวแลย!?
แล้วตอนนี้ยังคิดจะทะลวงอีกหรือ!?
ร่างของเมิ้งเหล่าเปล่งแสงเจิดจ้า พลันหายวับไปยังชั้นสอง
…
ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังปราณดั้งเดิมที่หมุนเวียนอยู่โดยรอบมากขึ้น
ราวกับได้รับการชี้นำ พลังปราณทั่วทั้งเจดีย์พลันพุ่งมาบรรจบกันที่บริเวณหนึ่งของชั้นสอง
เมิ้งเหล่าไม่ต้องตรวจสอบก็รู้ว่า ตรงนั้นคือจุดที่ฉู่หลิวเยว่ฝึกปราณอยู่
ชัดเจนว่าพลังปราณแห่งสวรรค์แลโลกาเหล่านี้ กำลังมุ่งหน้าไปยังเด็กคนนั้น
เมิ้งเหล่าหยุดยืนอยู่ที่มุมบันไดชั้นสาม
จากตรงนี้ เขาสามารถมองเห็นฉู่เยว่ที่กำลังฝึกตนอยู่ที่ชั้นสองได้ชัดเจน
เด็กหนุ่มคนนั้นนั่งสมาธิเงียบๆ ลาดไหล่ทั้งสองข้างลู่ลงตามธรรมชาติ สองมือวางบนขาและหงายขึ้นสู้ฟ้า
ดวงตาสองข้างปิดสนิท ใบหน้าขาวนวลอันละเอียดอ่อนแลสะอาดสะอ้านดั่งกระเบื้องเคลือบ ปรากฏกลุ่มแสงเรืองรองจางๆ ดูราวต้องมนต์อยู่ในความฝัน
เมิ้งเหล่าจับราวบันไดไว้แน่น พลันขมวดคิ้วมุ่น หัวใจของเขาปั่นป่วนไปด้วยความรู้สึกต่างๆ นาๆ
ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าฉู่เยว่เข้าสู่ช่วงกลางของการเตรียมทะลวงขั้นพลังปราณแล้ว หากหุนหันพลันแล่น เข้าไปขัดจังหวะเขาในยามนี้ คงไม่ดีเท่าไร
และทำได้แค่รอเท่านั้น!
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่พุ่งพล่านอยู่รอบตัว เมิ่งเหล่าพลันกัดฟันกรอด
ไอ้หนูนี่… บ้าดีเดือดเกินไปแล้ว!
หลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยเห็นใครพยายามบุกทะลวงสองครั้งในเวลาสั้นๆ เช่นนี้ได้สำเร็จ!
รนหาที่ตายเสียจริง!