ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1451 ไปด้วยกัน
ตอนที่ 1451 ไปด้วยกัน
ครั้นสิ้นเสียง ทั่วทั้งพื้นที่พลันเงียบกริบ
ผู้อาวุโสเหวินซีกวาดตามองไปรอบๆ ตัวฉู่เยว่อย่างตกตะลึง ก่อนจะพบว่าลมปราณรอบตัวเขาเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก!
“จะ… เจ้าทะลวงผ่านแล้วหรือ!?”
เขาพึมพำราวไม่เชื่อในภาพที่เห็น
สองสามวันก่อน ไม่ใช่ว่าเด็กนี่บอกเขาว่าไม่ค่อยสบายหรือ?
ตอนนั้นเมิ้งเหล่าเองก็ดูเป็นห่วงมาก และนั่นก็ทำให้เขาเป็นกังวลอยู่หลายวัน
แต่ภายในพริบตา นอกจากอาการบาดเจ็บตามร่างกายจะหายดีแล้ว แต่เขายังทะลวงขั้นพลังปราณได้ด้วย!?
แต่เนื่องจากในตัวของฉู่เยว่มีอาวุธโบราณที่ตู๋กูโม่เป่าทิ้งไว้ให้ เพื่อใช้ปกปิดลมปราณของนาง พวกผู้อาวุโสเหวินซีจึงมองไม่เห็นขั้นพลังปราณของนาง แม้จะยืนอยู่ตรงหน้านางก็ตาม
ฉู่หลิวเยว่กล่าวอย่างเคอะเขิน
“แค่ทะลวงถึงระดับเก้าขั้นกลางเองขอรับ”
ความจริงแล้วนางสามารถทะลวงต่อได้
ยามอยู่ในเจดีย์ นางรู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะดำดิ่งเข้าสู่สภาวะลึกลับนั้นอีกครั้ง
พลังปราณของสรรพสิ่งโดยรอบหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างต่อเนื่อง หลอมรวมเข้ากับกระดูกและโลหิตของนางด้วยความเร็วที่ไม่ธรรมดา
กระบวนการทั้งหมดผ่านไปได้อย่างราบรื่น ฉู่หลิวเยว่ตั้งจิตแน่วแน่ และครั้งนี้ก็ไม่มีอุบัติเหตุใดเกิดขึ้น
นางปล่อยให้มันดำเนินไปเรื่อยๆ และทะลวงผ่านไปจนถึงระดับเก้าขั้นกลาง
ทว่าหลังจากนั้น ดูเหมือนร่างกายของนางจะยังต้องการกลืนกินพลังเหล่านั้นไปเรื่อยๆ อย่างใดที่สิ้นสุด
ฉู่หลิวเยว่รู้ดีว่าถ้านางฝึกปราณเช่นนี้ต่อไป นางจะทะลวงไปสู่ระดับเก้าขั้นสูงได้อย่างราบรื่น
นั่นเพราะหนึ่ง ยามนี้นางมีชีพจรเทียนจิง และพรสวรรค์ที่โดดเด่นกว่าใคร และอีกนัยหนึ่งก็คือนางเคยมีความทรงจำและประสบการณ์ในด้านนี้มาก่อน ไม่จำเป็นต้องได้รับคำชี้แนะจากคนอื่น นางก็สามารถทะลวงขึ้นไปได้ด้วยตัวเอง
แต่หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เลือกที่จะหยุดมันไว้ก่อน
ผู้ฝึกตนทุกคนล้วนปรารถนาความแข็งแกร่ง ฉู่หลิวเยว่เองก็เช่นกัน
แต่นางเองก็ระแวงระวังเรื่องนี้มาโดยตลอด
ช่วงนี้นางรู้สึกว่า ความเร็วในการทะลวงของนาง รวดเร็วเกินปกติไปหน่อย
แม้ว่าสาเหตุหลักของมันจะมาจากการสบโอกาสไม่คาดคิดมากมาย แต่นางก็ยังพึงระวังอยู่ดี
“เองหรือ…”
มุมปากของผู้อาวุโสเหวินซีกระตุกแรง
คำนี้ เจ้าคิดว่ามันเหมาะที่จะพูดหรือ!?
แต่เมื่อเห็นท่าทีบริสุทธิ์ใจของฉู่หลิวเยว่ เขาก็มิอาจโต้แย้งอันใดได้แม้แต่คำเดียว
เจ้าเด็กนี่…
เจ้าเด็กนี่มันบ้าชัดๆ!
เขาน่าจะรู้ตั้งแต่วันแรกที่เด็กนี้เข้าเรียนแล้ว
ทว่าผู้อาวุโสวั่นเจิงที่อยู่ข้างกัน กลับยอมรับความจริงข้อนี้ได้อย่างรวดเร็ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า! สมกับเป็นศิษย์ของวั่นเจิงผู้นี้!”
ช่างโดดเด่นเกินใครจริงๆ!
ผู้อาวุโสเหวินซีเหลือบมองเขาด้วยหางตา
ช่วยลดความมั่นอกมั่นใจลงบ้างมิได้หรือ?
ไม่ว่าจะเกิดเรื่องแปลกๆ กับลูกศิษย์ของเจ้ามากมายเพียงใด เจ้าก็คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติอีกหรือ!
ส่วนคนที่นิ่งที่สุดก็คือหรงซิว
ไม่กี่วันมานี้ นางเก็บตัวอยู่บนเขาเผิงหมินตลอดเวลา และเขารู้ว่านางอยากทะลวงขั้นพลังปราณอีกหลายๆ ครา
และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง
แต่สิ่งที่เขาประหลาดใจก็คือ นางยังทะลวงไม่ถึงระดับเก้าเก้าขั้นสูงเสียที หรือว่า…
จะเป็นเพราะมีเวลาไม่พอ…
หรงซิวคิ้วกระตุกเบาๆ
“เอาเถอะๆ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว ตอนนี้เราสายมากแล้ว และคนนอกพวกนั้นก็กำลังรออยู่ พวกเรารีบไปที่นั่นกันดีกว่า!”
ผู้อาวุโสเหวินซีกลับเข้าเรื่องทันควัน แล้วรีบเร่งเร้าทุกคน
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเล็กน้อย พลันยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“ขอรับ”
ดวงตาของนางส่องสกาวดั่งดวงดาว ใบหน้าแลดูผ่อนคลาย ราวกับมิได้ล่วงรู้ถึงปัญหาแบบที่กำลังรอนางอยู่
ผู้อาวุโสเหวินซีแอบถอนหายใจ
ไม่ว่าอย่างใด ก็ต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ได้!
…
“ฉู่เยว่!”
ขณะที่พวกเขากำลังรีบออกจากสำนักวิชา ก็พลันมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
ฉู่หลิวเยว่ชะงัก แล้วหันไปมอง
ก่อนจะเห็นกลุ่มคนที่มองมาจากยอดเขาฝั่งตรงข้าม
หลัวซือซือ หลัวเยี่ยนหมิงและจัวเซิง ล้วนแล้วแต่เป็นคนสนิทของนางทั้งนั้น
แต่ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ เจ้าของดวงหน้าที่นางไม่ได้เห็นมานาน ที่กำลังยืนอยู่ข้างพวกเขา
หัวใจของฉู่หลิวเยว่กระตุกเบาๆ พลันยกยิ้มขึ้นทันที
“หงอวี่ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างใด?”
ถึงนางจะออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่นางก็ตรงไปยังหอระฆังบูรพกษัตริย์ที่เดียว หลังจากปรึกษาเรื่องนี้กับผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ แล้ว นางก็กลับมาที่ภูเขาเฝิงหมิน ไม่ได้แวะเวียนที่ไหน และไม่มีใครบอกนางว่ามู่หงอวี่มาที่สำนักวิชา
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของมู่หงอวี่เองก็ทอประกายระยิบระยับด้วยความดีใจ ก่อนจะวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เดิมทีนางอยากจะวิ่งเข้าไปกอดฉู่หลิวเยว่แน่นๆ แต่เมื่อไปถึงด้านหน้า ก็พลันนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ฉู่หลิวเยว่กำลังปลอมตัวอยู่ นั่นทำให้นางหยุดฝีเท้าทันควัน
อย่างใดก็ตาม ท่าทางและเรียวแขนที่ยื่นออกมาด้วยความสุขเหล่านั้น กลับตกอยู่ในสายตาของผู้คนรอบตัวนางเป็นที่เรียบร้อย
“ข้ามาถึงหลายวันแล้ว! แต่ก่อนหน้านี้เจ้าเอาแต่หมกตัวอยู่บนเขาเผิงหมิน ทำให้เราไม่ได้เจอกันเสียที!”
มู่หงอวี่กล่าวด้วยความตื่นเต้น ขณะมองฉู่หลิวเยว่ขึ้นลงอย่างสำรวจ
“ตลอดสองสามเดือนที่เจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าเป็นอย่างใดบ้าง?”
นางเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้นมาบ้างแล้ว และอดเป็นห่วงอีกคนไม่ได้
ฉู่หลิวเยว่เคาะหน้าผากนางเบาๆ อย่างนึกเอ็นดู
“เจ้าว่าข้าดูเจ็บป่วยหรือเปล่าล่ะ?”
ทุกคนล้วนมองออกว่าสองคนนี้สนิทสนมกันมาก
หลัวซือซือเม้มปากแน่น พลางรู้สึกขมขื่นในใจ
นางไม่เคยเห็นฉู่เยว่หยอกเย้าแม่นางอื่นเช่นนี้มาก่อนเลย
มู่หงอวี่… แตกต่างจากคนอื่นหรือ?
ฉู่เยว่ในยามนี้ ไม่เหมือนกับฉู่เยว่ที่สุภาพเรียบร้อยตอนอยู่กับนางเลย
หลัวเยี่ยนหมิงชำเลืองมองน้องสาวของตนจากหางตา พลางแอบหายใจเบาๆ แต่ก็เป็นการถอนหายใจด้วยความโล่งอกเสียมากกว่า
คนนอกอย่างเขายังมองออก
เห็นได้ชัดว่าฉู่เยว่ไม่ได้ชอบหลัวซือซือในเชิงชู้สาว และคิดกับนางแค่เพื่อนเท่านั้น
ถึงตอนนี้เขาจะยังไม่พูดอันใด แต่ให้นางยอมแพ้ก่อนจะถลำลึกไปกว่านี้ คงจะดีที่สุด
เมื่อมู่หงอวี่เห็นว่าฉู่หลิวเยว่ยังคงหยอกล้อกับตนได้ปกติ ก็พลันสบายใจขึ้นมาก
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าทำได้!”
“เจ้าทะลวงถึงระดับเก้าแล้วหรือ?”
“ใช่แล้ว! ก่อนจะมาที่นี่ ข้าทะลวงได้ตั้งแต่ตอนอยู่ที่ทะเลทร… บ้านของข้าแล้ว”
มู่หงอวี่รีบพูดจนลิ้นพันกัน
“พวกอาจารย์พาข้ามาส่งที่นี่”
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจทันที
ดูเหมือนว่าพวกผู้อาวุโสลำดับห้าจะช่วยนางสินะ
ขณะที่กำลังดีใจ ฉู่หลิวเยว่พลันลอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้
ความสามารถทางกายภาพของมู่หงอวี่นั้น เป็นสิ่งที่คนอื่นต่างอิจฉากันถ้วนหน้า
นางจำต้องอาศัยโอกาสต่างๆ ถึงจะสามารถทะลวงขึ้นสู่ระดับเก้าขั้นสูงได้ในเวลาสั้นๆ เช่นนี้ แต่มู่หงอวี่ที่ฝึกฝนกับผู้อาวุโสลำดับห้าและคนอื่นๆ ในทะเลทรายจันทราสีชาด กลับสามารถทะลวงขึ้นสู่ระดับเก้าได้อย่างราบรื่น ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น
ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ไม่รู้จะมีคนตายเพราะความอิจฉาสักกี่คน
“ฉู่เยว่ หงอวี่ พวกเจ้าค่อยรำลึกอดีตกันวันหลังดีหรือไม่?”
ผู้อาวุโสเหวินซีโพล่งแทรกอย่างอดไม่ได้
“ยามนี้…”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มรับและพยักหน้า
แม้นางจะไม่กลัวเรื่องไปสาย แต่ก็ไม่อยากทำให้ผู้อาวุโสเหวินซีอับอาย
“ถูกของท่าน เช่นนั้นหงอวี่ ข้าขอตัวก่อน ส่วนเจ้าก็รอข้าอยู่ที่สำนักแล้วกัน”
มู่หงอวี่สาวเท้าไปข้างหน้าทันควัน
“ฉู่เยว่ ข้าอยาก… ไปกับเจ้า!”
นางรู้ไม่แน่ชัดว่าข้างนอกนั่นเกิดอันใดขึ้นบ้าง และเป็นห่วงสหายของตนมาก
ในเวลาแบบนี้ นางไม่อยากให้หลิวเยว่เผชิญกับมันเพียงลำพัง
แค่ได้ยืนเคียงข้างนาง ก็ยังดี…
ผู้อาวุโสเหวินซีขมวดคิ้วมุ่น
“นี่ไม่ใช่…”
“ได้สิ”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ ตอบรับคำขอของมู่หงอวี่