ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1454 หักล้าง
ตอนที่ 1454 หักล้าง
อาณาบริเวณรอบข้างพลันเงียบเสียงลง
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตามองพวกเขา พลางดึงสายตากลับมา แล้วหันไปมองคนอื่นๆ ในที่ประชุม
“ทุกท่านรอนานแล้ว หากมีอันใดจะถาม ก็โปรดถามออกมาได้เลย ฉู่เยว่จะบอกทุกอย่างที่รู้ และชี้แจงด้วยความสัตย์จริง”
นางดูเปิดเผยและใจกว้างมาก จนทุกคนตกตะลึงไปชั่วขณะ
ช่างตรงจนน่าตกใจ…
หลายคนแอบสบตากัน
พวกเขามีคำถามมากมาย แต่จะถามอันไหนก่อนดีล่ะ?
แล้วใคร… จะถามก่อน?
ฉู่หลิวเยว่ยังคงแย้มยิ้ม และอดทนรอฟังอย่างตั้งใจ
นางไม่คิดจะเสียเวลาอยู่กับคนเหล่านี้นานนัก
แต่การที่ตอนนี้ทุกคนกำลังลังเล เป็นเพียงเพราะพวกเขาต่างมีแผนของตัวเองต่างหาก
ทว่าความจริงแล้ว การกำหนดเป้าหมายและความสงสัยของพวกเขา จะไม่มีวันลดทอนลงเพียงเพราะการไตร่ถามเช่นนี้
“ฉู่เยว่ ข้ามีคำถามจะถามเจ้า!”
คนแรกที่ยืนขึ้นมา คือเหลี่ยงเซียวเซียว
เหลียงอีเยี่ยตกใจจนพูดไม่ออก พลันขยิบตาให้เหลี่ยงเซียวเซียวทันที
ทว่ายามนี้เหลี่ยงเซียวเซียวตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะถามให้ได้ ไม่มีใครหยุดนางได้ทั้งนั้น
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ารับ
“ศิษย์พี่หญิงเหลี่ยง เชิญถามขอรับ”
เหลี่ยงเซียวเซียวจ้องฉู่หลิวเยว่ตามเขม็ง ราวต้องการวิเคราะห์ความคิดแลพฤติกรรมของเขา ทั้งสิ่งที่เก็บซ่อนอยู่ภายในและสิ่งที่แสดงออกแก่คนภายนอก
“ข้าขอถามเจ้าว่า! พี่สามของข้าสิ้นชีพในบุพกาลชายแดนเหนือได้อย่างใด!”
“เซียวเซียว!”
เหลี่ยงอีเยี่ยตะคอกใส่นางอย่างหมดความอดทน
เราถามเรื่องนี้กันเป็นการส่วนตัวมิได้หรือ ไยจักต้องถามกลางสาธารณชนด้วย?
คนจากสำนักหลิงเซียวเองก็อยู่ที่นี่เกือบหมด!
คิดหรือไม่ว่ามันจะทำให้พวกเขาอับอายแค่ไหน?
ทุกคนรู้ดีว่า สำนักหลิงเซียววางตัวเป็นกลางต่อเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด
พวกเขาจะไม่มีวันกล่าวถึงเรื่องนี้อย่างเปิดเผยเด็ดขาด!
ถ้าคนจากสำนักหลิงเซียวเข้าใจพวกเขาผิดล่ะก็…
ฉู่เยว่ยักไหล่เบาๆ สีหน้าเรียบนิ่งราวไร้ความรู้สึก
“ต้องขออภัย ศิษย์พี่หญิงเหลี่ยง ท่านเองก็น่าจะรู้กฎของสำนักนะขอรับ”
“แน่นอนว่าข้ารู้!”
ทว่าเหลี่ยงเซียวเซียวกลับไม่ได้รู้สึกผิดหวังแต่อย่างใด หากแต่ก้าวเท้าออกไปครึ่งก้าว แล้วถามต่อว่า
“ข้าได้ข่าวว่าตอนนั้น พี่สามของข้าไปขอความช่วยเหลือจากพวกเจ้า เดิมทีเหล่าผู้อาวุโสจะช่วยเขา แต่เจ้าห้ามพวกเขาไว้เสียก่อน! เรื่องนี้… เป็นความจริงหรือไม่!?”
หลังจากถ้อยคำเหล่านั้นพรั่งพรูออกมา เหล่าผู้คนพลันตกตะลึง ก่อนจะหันไปมองฉู่หลิวเยว่อย่างพร้อมเพรียง
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เช่นนั้น… ฉู่หลิวเยว่ก็ต้องรับผิดชอบต่อการตายของเหลี่ยงเส่าคัง อย่างมิอาจหลีกเหลี่ยงได้!
ทว่าแม้แต่เหลี่ยงอีเยี่ยเอง ก็ยังทำหน้าตาสงสัย
ข่าวนี้… เซียวเซียวไปได้ยินมาจากไหน?
เหตุใดเขาถึงไม่รู้?
แต่ในเมื่อนางถามแบบนี้ ก็แสดงว่า… มันอาจจะเป็นไปได้!
นางขบเม้มริมฝีปากไปมาอย่างลุ้นระทึก มือเรียวที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อตัวยาว บีบขย้ำชายชุดของตนแน่นโดยไม่รู้ตัว
ถามแล้ว…
ในที่สุดเหลี่ยงเซียวเซียวก็ถามออกไป!
ดูเหมือนการขอให้ท่านพ่อแอบแจ้งข่าวไปก่อนหน้านี้ จะไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว!
นางรู้ว่าเหลี่ยงเซียวเซียวสนิทสนมกับเหลี่ยงเส่าคังมาก และเป็นคนมีนิสัยหุนหันพลันแล่น หากถูกยั่วยุเสียหน่อย ก็สามารถพาลได้เสียทุกเรื่อง
ยามนี้ ในที่สุดปากกระบอกปืนใหญ่ ก็หันไปทางฉู่เยว่!
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเยาะเบาๆ ดวงหน้าอันละเอียดอ่อนยังคงสงบนิ่ง ดวงตากลมโตไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ใดๆ
“ศิษย์พี่หญิงเหลี่ยง ตัวข้าก็แค่ศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งของสำนัก ไยจักมีอำนาจสั่งการเหล่าผู้อาวุโสได้? ท่านมองข้าสูงส่งเกินไปหรือเปล่า? อีกอย่าง ข้าไม่รู้จักพี่สามของท่าน แล้วข้าจะทำเช่นนั้นไปเหตุใด?”
“ศิษย์ธรรมดาหรือ?”
เหลี่ยงเซียวเซียวหัวเราะเย้ยหยัน ราวได้ยินเรื่องตลก
“นี่เจ้ายังกล้าพูดว่าเจ้าเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งอีกหรือ? หลังจากเข้าสู่บุพกาลชายแดนเหนือ พวกเขาก็ถูกจองจำ หากมิได้คำแนะนำของเจ้า แล้วพวกเขาจะพากันหนีออกมาอย่างปลอดภัยได้หรือ? ตอนนั้นแม้แต่ผู้อาวุโสสองสามคน ก็ยังดูพึ่งพาเจ้ามากๆ ทั้งเชื่อฟังแลปฏิบัติตามเลยมิใช่หรือ?”
หลายคนทำหน้าตาแตกตื่น
แม้พวกเขาจะรู้ว่าฉู่หลิวเยว่ได้สืบทอดบางอย่างมาจากบุพกาลชายแดนเหนือ แต่สำหรับเรื่องที่เหลี่ยงเซียวเซียวกล่าวมานั้น พวกเขาไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนัก
พอได้ยินเช่นนี้ พวกเขาถึงตกใจมาก
ผู้อาวุโสทุกคน… ล้วนเชื่อฟังเด็กอายุสิบกว่าหนาวนั่นหรือ?”
นี่มันไร้สาระสิ้นดี!
ทว่าท่าทีของเหลี่ยงเซียวเซียวนั้น น่าเชื่อถือมากเสียจนดูราวเหมือนมิได้โกหก…
“ทุกท่านอาจจะยังไม่รู้ ยามนั้นเจียงจื่อหยวนพลั้งมือสังหารอีกาเก้าหางหนึ่งตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งมันทำให้อีกาเก้าหางฝูงใหญ่ตามไล่ล่าพวกเขา ท่ามกลางความสิ้นหวัง พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นและไม่มีที่ให้หนี สุดท้ายจึงต้องร่วมเดินทางไปกับฉู่เยว่ จนกระทั่งถึงหุบเขาแห่งนั้น ถึงสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย!”
“และพี่สามของข้า ก็น่าจะถูกฆ่าตายในหุบเขาแห่งนั้น!”
“ในตอนนั้น ฉู่เยว่ ความเห็นของเจ้าต้องสำคัญมากแน่ๆ และอาจมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้อาวุโสด้วย! เจ้ากล้ายอมรับหรือไม่!?”
เหลี่ยงเซียวเซียวกำลังฟุ้งซ่าน ใบหน้านวลแดงก่ำ นัยน์ตาลุกวาวราวกับมีไฟแค้นลุกโชนอยู่ภายใน
แต่ผู้คนรอบตัวกลับตกใจคำพูดอันดุเดือดของนาง พลันอกสั่นขวัญหายกันถ้วนหน้า นานกว่าดึงสติกลับมาได้!
“เหลี่ยงเซียวเซียว เจ้าจะบอกว่า… ตอนนั้นฉู่เยว่เป็นคนพาพวกเขาไปที่หุบเขาหรือ?”
ทันใดนั้นก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งถามขึ้นมา
หัวใจของทุกคนพลันเต้นระวังด้วยความแตกตื่น!
ถ้าเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นก็เท่ากับว่า… ฉู่เยว่รู้ตำแหน่งที่ตั้งของหุบแห่งนั้นมาตั้งแต่แรก!?
นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นแล้ว!
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย จับจ้องอยู่ที่ฉู่หลิวเยว่พักใหญ่!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงและคนอื่นๆ เริ่มเป็นกังวล
อันที่จริงตลอดเวลาผ่านมา พวกเขาเองก็อยากรู้เรื่องนี้เหมือนกัน
ตอนนั้นท่าทางของฉู่เยว่ มันเหมือนว่าเขา… คุ้นเคยกับบุพกาลชายแดนเหนือมากๆ
แต่เพราะฉู่เยว่ไม่ได้ชี้แจงอันใด พวกเขาจึงมิได้เซ้าซี้ถาม
แต่ใครจะรู้ว่ายามนี้เหลี่ยงเซียวเซียว ได้ยกหัวข้อนี้ขึ้นมา แล้วจี้ฉู่เยว่เสมือนหอกแหลมแทงตัว!
แล้วนางรู้รายละเอียดเหล่านี้ได้เยี่ยงไร?!
ต้องมีคนบอกนางแน่ๆ!
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหานี้
นางเอียงศีรษะพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกำลังใช้ความคิด
เหลี่ยงเซียวเซียวส่งเสียงเย้ยหยัน
“อันใดกัน? จนมุมแล้วหรือ? หาข้อแก้ตัวไม่ได้แล้วหรือไร?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า พลางแย้มยิ้มบางเบา
“มิใช่ขอรับ ข้าแค่คิดว่า เมื่อก่อนพวกท่านยังไล่บี้เจียงจื่อหยวนอยู่เลย ไยตอนนี้ถึงหัวอ่อน เอนเอียงไปตามคำพูดของนางได้?”
“อะ… อันใดนะ?”
สีหน้าเย้ยหยันของเหลี่ยงเซียวเซียวพลันแข็งทื่อ ไร้การตอบสนองไปชั่วขณะหนึ่ง
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ แล้วอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า
“คนที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น มีเพียงไม่กี่คน และคนที่เต็มใจเล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟัง ก็ยิ่งมีน้อยคนนัก ศิษย์พี่หญิงเหลี่ยงขอรับ ท่านอาจจะไม่รู้ว่า ตอนที่พวกเราติดอยู่บุพกาลชายแดนเหนือ ความจริงแล้วเราเดินตามการชี้นำของเจียงจื่อหยวนต่างหาก”
“ตอนนั้นพวกเราเพิ่งเดินทางมาถึงบุพกาลชายแดนเหนือ แต่กลับผจญปัญหาต่างๆ มากมาย หลังรอดพ้นจากภัยอันตรายได้ ก็แทบจะถึงจุดสิ้นสุดเขตแดนแล้ว แต่โชคดีที่เราพบกับเจียงจื่อหยวนในภายหลัง นางเองก็บังเอิญหนีจากอันตรายมาเหมือนกัน และเดินเตร็ดเตร่อยู่นาน จนรู้ว่าไปทางไหนปลอดภัยที่สุด ดังนั้นพวกเราในยามนั้นจึงเลือกนางให้เป็นคนนำทาง”
ขณะกล่าว ฉู่หลิวเยว่ก็หันไปมองชือรุ่ยเออร์
“ศิษย์พี่หญิงรุ่ยเออร์ ท่านว่าอย่างใดขอรับ?”
ชือรุ่ยเออร์ยกยิ้มมุมปาก
“ถูกต้อง”
“แม้นที่ผ่านมาข้าจะไม่ชอบเจียงจื่อหยวน แต่ยามนั้นนางมีประสบการณ์มากที่สุด พวกเราทุกคนจึงเลือกฟังนาง เพื่อที่จะหนีออกไปจากบุพกาลชายแดนเหนือได้อย่างปลอดภัย โดยพื้นฐานแล้ว เจียงจื่อหยวนต้องเป็นคนนำทางพวกเรา ตั้งแต่แรกจนสิ้นสุดจุดหมายปลายทาง แต่ไม่รู้เหตุใด… หัวหน้ากลุ่มคนนี้ กลับถูกแทนที่ด้วยศิษย์น้องฉู่เยว่?”