ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1455 แพะรับบาป
ตอนที่ 1455 แพะรับบาป
ชือรุ่ยเออร์ยิ้มเยาะ และพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
“ข้าเกรงว่าจะมีใครบางคน พยายามที่จะโยนความผิดของตัวเอง ให้คนอื่นหรือเปล่านะ!”
แม้ว่านางจะไม่ได้เอ่ยชื่อออกมา แต่ใครล่ะที่จะฟังไม่ออก ว่านางกำลังกล่าวถึงเจียงจื่อหยวน!?
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหลี่ยงเซียวเซียวก็รู้สึกฉงนขึ้นมา
เมื่อไม่กี่วันก่อน นางเพิ่งได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้โดยบังเอิญ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน
เดิมทีนางอยากจะลองตามหาว่าเป็นใคร แต่อีกฝ่ายกลับอำพรางตัวตนไว้อย่างมิดชิด นางสืบหาอยู่หลายวัน แต่ก็ยังไม่พบสิ่งใด จึงทำได้เพียงเก็บมันไว้ในใจเสียก่อน
แต่ดูเหมือนว่านางค่อนข้างจะปักใจเชื่อข่าวคราวเหล่านี้
เพราะพวกเขาสามารถเล่าเรื่องราวเหล่านี้ได้ละเอียดมาก!
นางรู้ว่า มันน่าจะเป็นคนที่ร่วมเดินทางกับนางในขณะนั้น ที่เป็นคนแอบปล่อยข่าวนี้ออกมา
แต่นางไม่เคยคาดคิดเลยว่า คนผู้นั้นจะเป็นเจียงจื่อหยวน!
เมื่อไม่นานมานี้ นางและบิดาเคยออกเดินทางตามหาอีกฝ่ายเป็นพันลี้ ทำให้เจียงจื่อหยวนเริ่มประหม่าเหมือนคนไม่มีจุดหมายปลายทาง และสุดท้ายนางก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากซ่อนตัวอยู่ในพระราชวังเมฆาสวรรค์ และไม่กล้าโผล่หัวออกมาอีกเลย
เจียงจื่อหยวนคงจะเกลียดชังพวกเขามากเป็นแน่ เหตุใดจึงกล่าวหากันเช่นนี้?
แต่ในตอนนี้ หลังจากฟังคำของชือรุ่ยเออร์แล้วนั้น เหลี่ยงเซียวเซียวก็ตระหนักได้ว่า นางคิดผิด!
… เพราะนอกจากเจียงจื่อหยวนจะเกลียดพวกเขาแล้ว ก็ยังเกลียดฉู่เยว่ และเกลียดสำนักวิชายิ่งกว่า!
หากสามารถใช้โอกาสนี้ โจมตีศัตรูอย่างโหดเหี้ยมได้ เป็นใครก็ทำมิใช่หรือ!?
ท้ายที่สุดแล้ว เจียงจื่อหยวนเพียงแค่ต้องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากโอกาสนี้ก็เท่านั้น!
หลังจากกลับมามีสติอีกครั้ง ใบหน้าของเหลี่ยงเซียวเซียวก็เริ่มถอดสี พลันสบถออกมาด้วยความโกรธอย่างหมดความอดทน
“นังสารเลว!”
และสำหรับหรงซิว ผู้ที่ปฏิบัติต่อเจียงจื่อหยวนอย่างเย็นชา ราวกับลมหนาวมาโดยตลอด ย่อมไม่เก็บเรื่องพรรค์นี้มาใส่ใจ
แต่คนเดียวที่ไม่สบายใจหลังจากได้ยินเรื่องนี้ คงจะเป็นไป๋หลีฉุนมากกว่า
แต่ในขณะนี้เหลี่ยงเซียวเซียวกำลังจะระเบิดอารมณ์ด้วยความโกรธ ใครเล่าจะไปสนใจไป๋หลีฉุน?
อีกทั้ง เจียงจื่อหยวนก็เป็นฝ่ายทำผิดก่อน แม้ว่าไป๋หลีฉุนจะไม่ค่อยพอใจนัก แต่เขาก็ไม่มีคำใดที่สามารถตอบโต้ได้ในขณะนั้น!
แต่หารู้ไม่ว่า เจียงจื่อหยวนที่กำลังถูกนางต่อว่าเอง ก็อยู่ในพื้นที่นี้ด้วยเช่นกัน และได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ!
หัวใจของเจียงจื่อหยวนสั่นไหวอย่างรุนแรง โลหิตในกายสูบฉีดราวจะพวยพุ่งออกมา บริเวณขมับกระตุกอย่างต่อเนื่อง!
หากไม่ใช่เพราะฟางเส้นสุดท้ายที่ยังพอหลงเหลืออยู่ นางคงอดไม่ได้ที่จะพุ่งเข้าไปฉีกปากของเหลี่ยงเซียวเซียวในทันที!
มือทั้งสองของนางกำหมัดแน่นจนนิ้วซีดขาว
มันไม่ง่ายเลยที่จะระงับอารมณ์ที่อยู่ภายในใจนี้ไว้
รอก่อน… รอก่อนเถอะพวกแก!
“เช่นนี้แล้ว ตอนที่พี่สามของข้าตาย…”
เหลี่ยงเซียวเซียวกัดฟันแน่น
“นึกแล้วเชียวว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับนาง!?”
นังสารเลวคนนี้นี่เอง ที่ห้ามเหล่าบรรดาผู้อาวุโส ไม่ให้เข้าไปช่วยพี่ชายนาง!?
จริงสิ!
ตอนนั้นเจียงจื่อหยวนก็ยอมรับเองไม่ใช่หรือว่า ในเวลานั้นพี่สามเคยขอร้องนาง แต่นางไม่คิดจะเหลียวแล!?
และตอนนั้นเจียงจื่อหยวนพูดเองว่า นางไม่อาจเปลี่ยนความคิดผู้อาวุโสประจำสำนักได้ เช่นนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่น
แต่ดูตอนนี้สิ เห็นได้ชัดว่านางจะต้องเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้!
ฉู่หลิวเยว่กำลังอ้าปากจะพูด แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอันใด ชือรุ่ยเออร์ก็ได้เข้ามาถกประเด็นต่อ
“อันที่จริงเรื่องนี้ จะไปโทษเจียงจื่อหยวนเสียทั้งหมดก็มิได้ ถึงอย่างใด ยามผจญภัยอันตรายเช่นนั้น แม้แต่เราเองก็แทบเอาตัวไม่รอด แต่ปกป้องตัวเองก็ยากพอแล้ว จะเอาพละกำลังจากไหนไปช่วยเขากัน?”
เพียงอีกนิดเจียงจื่อหยวนคงทำลายฝ่ามือของตัวเองเสียสิ้น!
ดูเหมือนว่าชือรุ่ยเออร์จะพูดเพื่อช่วยนาง แต่จริงๆ แล้วกลับกดดันนางเป็นอย่างมาก!
ชือรุ่ยเออร์ตั้งใจกล่าวหานาง!
แม้จะมีคำพูดมากมายที่อยากเถียงออกไป แต่ด้วยใบหน้าที่ถูกแปลงโฉมในยามนี้ ทำให้ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดออกไปได้
พลันมีกลิ่นคาวหวานจากลมปราณทะลักออกมา
เจียงจื่อหยวนทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทนเอาไว้!
หลังจากฟังแล้ว ผู้คนต่างพากันแสดงท่าทางเชื่อมั่นในสิ่งที่ที่ชือรุ่ยเออร์ได้ลั่นวาจาออกมา
แม้ว่าเฟยซิงเหมินจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อสำนักหลิงเซียว แต่คงไม่มากเท่าการช่วยเหลือศิษย์ผู้หนึ่งของพวกเขา พวกเขาถึงยอมทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเช่นนี้
แม้ว่าชือรุ่ยเออร์จะยังอ่อนวัยนัก แต่การประพฤติตนต่อผู้คนในสังคมนั้น มักจะเต็มไปด้วยเหตุผลที่หนักแน่นอยู่เสมอ
การที่นางพูดออกมาเช่นนั้น คงจะเป็นเรื่องจริงแน่แท้
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองไปที่ชือรุ่ยเออร์ มุมปากนางยกขึ้นเล็กน้อย
ความรู้สึกตอนที่มีคนมาช่วยเหลือนี่… มันช่างดีจริงเชียว…
ดูเหมือนว่าการที่นางเกลี้ยกล่อมจื่อเฉินให้ปล่อยอินทรีสามตาตัวนั้นไปจะไม่สูญเปล่า
“ในหุบเขาลูกนั้นมีอันตรายอยู่มากมาย ใครก็ตามที่เข้าไปล้วนยากที่จะเอาชีวิตรอดออกมาได้ ตอนนั้นที่พวกเราเข้าไป ก็สาหัสสากรรจ์ไม่น้อยเลย”
ชือรุ่ยเออร์ทัดผมของนางที่ร่วงหล่นไปไว้หลังหู แล้วอมยิ้มนิดๆ
“ข้าได้ยินว่า หลายคนในที่นี้ล้วนสงสัยเรื่องที่ฉู่เยว่ดูคุ้นเคยกับบุพกาลชายแดนเหนือเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงมักจะได้รับโอกาสอันล้ำค่า แม้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่แม้แต่ผู้อื่นก็ยากที่จะอยู่รอดได้ ทว่าการพวกท่านกล่าวเช่นนี้ พอมีหลักฐานยืนยันบ้างหรือไม่? คนของเฟยซิงเหมินไม่กี่คน รวมถึงตัวข้าด้วยนั้น ได้เดินทางไปกับพวกเขาตลอดทาง หากฉู่เยว่มีบางสิ่งที่น่าสงสัยจริงๆ แล้วพวกข้าจะไม่รู้ได้อย่างใด?”
“พวกท่าน… ดูถูกเฟยซิงเหมินของข้ามากหน่อยกระมัง?”
หลังจากพูดจบ ภายในคำพูดของชือรุ่ยเออร์นั้น บ่งบอกถึงความไม่พอใจและยืนหยัดต่อจุดยืนของตัวนาง
เรื่องราวเหล่านี้… ตกลงมันจริงหรือเท็จกันแน่?
เหลี่ยงอีเยี่ยฉวยโอกาสนี้ ดึงมือของนางไว้แล้วพูดว่า
“ยังไม่นั่งลงอีก! เรื่องนี้ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะไปพูดซี้ซั้วได้อย่างใดกัน?”
เหลี่ยงเซียวเซียวไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากกัดฟันกรอดแล้วนั่งลงไป
เมื่อเรื่องราวเหล่านี้ได้แผ่ขยายออกเป็นวงกว้าง ปัญหาก็วนกลับมาที่เจียงจื่อหยวนอีกครา!
ถ้าได้เจอกันอีกครั้ง นังสารเลวนั่นได้เห็นดีกับข้าแน่!
“ข้าเกรงว่าเรื่องนี้… คงมิอาจสรุปผลได้ในเร็วๆ นี้ ข้าว่าพวกเราเปลี่ยนเรื่องกันเถอะ”
และจู่ๆ ชายวัยกลางคน มองดูแล้วอายุน่าจะราวสามสิบกว่าก็โพล่งขึ้นมา
เขาสวมเสื้อคลุมยาวสีม่วงเข้ม ใบหน้าซูบเซียว หน้าตาธรรมดา มีเพียงดวงตาคบกริบคู่นั้น ที่ดูลึกลับราวกับหนามอันแหลมคม
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แต่นางไม่รู้จักคนผู้นี้
ก่อนที่น้ำเสียงของหรงซิวจะดังขึ้นมาอย่างทันท่วงที
“ท่านอ๋องจากมณฑลแห่งแสงอินทนิล… เหยาปิน พวกของเขามากกว่าห้าสิบคน ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ในบุพกาลชายแดนเหนือ”
เขาอยู่ห่างจากฉู่หลิวเยว่ไม่มากนัก เสียงทุ้มอันนุ่มลึกนี้ สะกดใจให้สั่นไหวได้ไม่เลวเลยทีเดียว
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกได้ถึงไออุ่นข้างใบหู
“นอกจากนี้ พวกเขายังมีความบาดหมางกับถ้ำปีศาจทมิฬด้วย”
ฉู่หลิวเยว่พลันตื่นตัวในทันใด นิ้วมือของนางเคาะไปมาอยู่บริเวณที่พักแขน
เพียงแค่ชั่วครู่ อีกฝ่ายก็ได้เอ่ยปากถามประเด็นนี้อย่างตรงไปตรงมาว่า
“ฉู่เยว่ มีข่าวลือว่าเจ้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับถ้ำปีศาจทมิฬ เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างใด?”
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ ขยับนั่งตัวตรง
ขณะนี้สีหน้าของนางแสดงออกถึงความจริงจังแลเคร่งขรึมมาก ต่างจากท่าทีสบายๆ เมื่อครู่นี้ยิ่งนัก
“ข้าและถ้ำปีศาจทมิฬ… ไม่มีสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกัน”
นางค่อยๆ ลั่นวาจาออกมาทีละคำ
เหยาปินกลับขมวดคิ้วฉับ สีหน้าดุดันอันตรายยิ่งยวด
“หากเจ้าไม่มีความเกี่ยวข้องอันใด แล้วเหตุใดจึงมีพลังปราณของถ้ำปีศาจทมิฬอยู่บนตัวของเจ้า!?