ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1456 แหวนเฉียนคุน
ตอนที่ 1456 แหวนเฉียนคุน
ผู้คนต่างพากันหันมองนางด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ระคนสงสัย
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสนใจเรื่องพวกนี้ มากกว่าการตายของเหลี่ยงเส่าคังเสียอีก
ถ้ำปีศาจทมิฬนั้นมีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่ แม้ว่าเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ชื่อเสียงเหล่านั้นจะลดลงไปบ้าง แต่ก็มิอาจเปลี่ยนแปลงภาพความฝังใจของผู้คนส่วนใหญ่ที่มีต่อพวกเขาได้เลยแม้แต่น้อย
ดังนั้น เมื่อพวกเขาได้ยินว่าฉู่หลิวเยว่มีความสัมพันธ์บางอย่างกับถ้ำปีศาจทมิฬ ก็รู้สึกได้ถึงเส้นในหัวที่ตึงขึ้นมาทันที!
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและผู้คนอื่นๆ ต่างก็พากันหันมองมา
พวกเขาไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันเกิดอันใดขึ้นกันแน่
หากฉู่หลิวเยว่ไม่สามารถชี้แจงเรื่องราวเหล่านี้ให้ชัดแจ้ง เกรงว่านางอาจจะถูกผู้คนเหล่านี้รุมโจมตีได้
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย
บนตัวนางนั้น มีพลังปราณของถ้ำปีศาจทมิฬอยู่จริงๆ หรือ?
ก่อนหน้านี้ นางเพิ่งจะต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามไปเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำสิ่งอื่นใดอีกเลย
หรือว่า… เพราะเหตุนี้ที่ทำให้พลังปราณเหล่านี้ติดตัวนางมา?
มันน่าใช่กระมัง!
นางไม่เคยได้ยินเรื่องที่หากต่อสู้กับใครแล้ว จะสามารถทิ้งร่องรอยลมปราณของอีกฝ่ายไว้บนกายาได้มาก่อนเลย
นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาบางว่า
“ท่านอ๋องเหยาขอรับ ได้โปรดอภัยให้ฉู่เยว่ที่ไม่กระจ่างในสิ่งที่ท่านต้องการจะสื่อด้วยเถิด ก่อนหน้านี้ ข้าได้มีกรณีพิพาทกับผู้คนจากถ้ำปีศาจทมิฬมาก่อน แต่นั่นมันก็เพียงแค่นั้น นอกเหนือจากนี้ ข้าก็ไม่อาจรู้ได้ว่ามันเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นกับข้าได้เยี่ยงไร”
ท่าทางของผู้อาวุโสวั่นเจิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลันตะโกนถามอย่างอดไม่ได้
“ฉู่เยว่ ก่อนหน้านี้เจ้าเคยต่อสู้กับคนจากถ้ำปีศาจทมิฬด้วยหรือ!”
คนเหล่านั้นล้วนเป็นพวกเหี้ยมโหดหัวรุนแรงทั้งนั้น เมื่อฉู่เยว่ไปกระทบกระทั่งกับพวกนั้น แบบนี้จะไม่…
ทว่ามิใช่เพียงผู้อาวุโสวั่นเจิงที่ตกใจ
เมื่อผู้คนบริเวณรอบๆ ได้ยินสิ่งที่ฉู่หลิวเยว่พูดออกมา ต่างรู้สึกตกอกตกใจกันถ้วนหน้า
“ไม่กี่ปีมานี้ ผู้คนจากถ้ำปีศาจทมิฬไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลย เหตุใดถึงเป็นเจ้าที่ได้พบเจอพวกคนเหล่านั้นกัน?”
เหยาปินโน้มตัวไปข้างหน้า สายตาคู่นั้นจ้องเขม็งไปที่ฉู่หลิวเยว่มองดูด้วยความกดดัน!
“เจ้าพูดเช่นนี้ เจ้ามีพยานหรือหลักฐานใดๆ หรือไม่เล่า!?”
พยาน? หลักฐาน?
เมื่อฉู่หลิวเยว่ได้ยินเช่นนั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ท่านเหยา เรื่องแบบนี้ข้าจะโกหกท่านไปไยล่ะขอรับ?”
หรือเจ้านั่นต้องการใช้นาง เพื่อฟื้นคืนชีพซั่งกวนหว่านอย่างนั้นหรือ?
“ยิ่งไปกว่านั้น การที่พวกเขาไม่ได้ออกมาปรากฏตัวให้เห็น ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เข้าออกช่องทางอื่นหนิขอรับ? จากที่ข้าได้ยินมา ถ้ำปีศาจทมิฬนั้นแข็งแกร่งและทรงพลังยิ่งนัก ขนาดของสำนักค่อนข้างใหญ่โต หรือท่านจะบอกว่าหลายปีมานี้ พวกเขาเอาแต่เก็บตัวอยู่ในอาณาเขตของตน และมิได้ลงมือทำการใดเลยจริงๆ หรือ?”
มันคงเป็นไปไม่ได้!
เหยาปินพลันสำลักน้ำลายดังอัก
“จริงสิ ยังมีอีกเรื่องที่ข้าจะต้องบอกให้พวกท่านได้ทราบโดยทั่วกัน คนผู้นั้นที่ข้าเคยต่อกรด้วย ไม่ใช่คนของถ้ำปีศาจทมิฬมาตั้งนานแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าเขาเป็นผู้ใดกันนั้น ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน”
ไม่ใช่คนของถ้ำปีศาจทมิฬแล้ว?
แล้วจะแน่ใจได้อย่างใดกัน! ?
และจู่ๆ เหยาปินก็พูดขึ้นว่า
“ฉู่เยว่ มณฑลแห่งแสงอินทนิลของข้าต่อสู้กับถ้ำปีศาจทมิฬมานานหลายปี ข้าถือว่าเราพอมีประสบการณ์กันมาบ้าง เช่นนั้นตัวข้าเองยืนยันได้ว่า มีพลังลมปราณของถ้ำปีศาจทมิฬอยู่บนร่างของเจ้าจริงๆ! หากเจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีสิ่งใดให้ต้องละอาย ไม่มีสิ่งใดปิดบังซ่อนเร้นเอาไว้ เช่นนั้นเจ้ากล้ายอมให้ข้าสอบสวนเจ้าหรือไม่!?”
ฉู่หลิวเยว่คิ้วกระตุกเบาๆ แต่ก่อนที่นางจะได้เอ่ยปาก กลับได้ยินเสียงหรงซิวที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้นอย่างแผ่วเบาว่า
“ข้าสงสัยว่าท่านอ๋องเหยาวางแผนสอบสวนไว้อย่างใด?”
เหยาปินเหลือบมองไปที่หรงซิว เหยาปินรู้ดีว่าจงใจถามเช่นนั้น เพื่อคนทุกคนมุ่งความสนใจไปที่เขาแทน
แต่ถ้าหากเรื่องนี้ไม่มีการสอบสวนอย่างชัดเจน เขาจะไม่มีวันยอมวางมือเด็ดขาด!
ใครก็ตามที่มีความเกี่ยวข้องกับถ้ำปีศาจทมิฬ ชาวมณฑลแห่งแสงอินทนิลจะไม่มีวันปล่อยให้หนีรอดไปได้ง่ายๆ!
เหยาปินหยิบอันใดบางอย่างออกมาจากมือของเขา
มันคือแหวนปานจื่อ[1]วงหนึ่ง ที่ถูกแกะสลักด้วยหยกยุพราชทั่วทั้งวงอย่างประณีต โปร่งใสราวกับน้ำค้างที่เปล่งแสงประกายอย่างงดงาม
ขณะที่แสงส่องผ่าน ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนว่ามีอันใดบางอย่างไหลเวียนอย่างเชื่องช้าอยู่ภายในนั้น
พลังที่ไม่อาจจะละสายตาได้ แผ่ขยายมาจากตัวแหวน!
“แหวนปานจื่อวงนี้ สามารถตรวจจับพลังลมปราณของถ้ำปีศาจทมิฬได้อย่างเฉียบคม หากมีสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับถ้ำปีศาจทมิฬอยู่ภายในร่างกายของฉู่เยว่ มันจะถูกบีบออกมา แต่ถ้าหากว่าไม่มี ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามปกติ”
เหยาปินพูดพลางมองไปที่ฉู่หลิวเยว่
“ฉู่เยว่ เจ้ากล้ารับหรือไม่?”
แม้จะเป็นเรื่องน่าอายที่ต้องยอมรับการตรวจสอบเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย แต่นี่ถือว่าเป็นวิธีที่โปร่งใสและตรงไปตรงมาที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ต่อให้อธิบายด้วยถ้อยคำมากมายเพียงใด ก็ไม่เท่ากับการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง ให้ผู้คนได้รู้แจ้งเห็นจริงเช่นนี้
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็พยักหน้าตอบรับ
“ตกลง!”
นางมั่นใจในตัวเองขนาดนี้ แล้วยังต้องกลัวอันใดอีก?
หรงซิวมองดูนาง ครั้นเห็นว่านางมั่นอกมั่นใจ ริมฝีปากอันบอบบางของนางพลันกระตุกยิ้มเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอันใด
เหยาปินลุกขึ้นยืน พลางค่อยๆ เดินไปตรงกลางแล้วพูดกับฉู่หลิวเยว่ว่า
“เชิญก้าวออกมา”
ทั้งสองคนยืนนิ่งไม่ไหวติง และห่างกันราวสิบก้าว
ท่าทีของเหยาปินเริ่มจริงจังมากยิ่งขึ้น
เขายกมือขึ้นแล้วหลับตาลงทันที
แหวนปานจื่อวงนั้น บินออกมาจากมือของเขาและมุ่งหน้าตรงไปยังฉู่หลิวเยว่!
ไม่นานนัก มันก็มาหยุดอยู่บนบริเวณศีรษะของฉู่หลิวเยว่
หึ่ง!
เสียงหนึ่งดังขึ้นมา!
แสงสีม่วงพุ่งทะลักหลั่งไหลลงมาราวกับน้ำตก พลันล้อมรอบฉู่หลิวเยว่ไว้!
ร่างกายของฉู่หลิวเยว่ ถูกล้อมรอบไปด้วยม่านแสงสีม่วงในทันที!
เพียงชั่วพริบตา ราวกับว่ามีใบมีดอันแหลมคมและเยือกเย็นนับไม่ถ้วนขูดไปทั่วทั้งร่างกายของนาง!
คิ้วของฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ ขมวดขึ้นเล็กน้อย
แต่ยังโชคดีที่ความเจ็บปวดนี้ มิได้รุนแรงมากนัก นางจึงอดทนได้อยู่บ้าง
ผู้คนต่างกลั้นหายใจ รอคอยอย่างลุ้นระทึก
เหยาปินยิ่งจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง ไม่แม้แต่จะกะพริบตาเลยสักครั้ง
ราวกับผ่านไปนานแสนนาน
ทันใดนั้น ก็ได้เกิดปฏิกิริยาที่ผิดปกติขึ้น จากแหวนเฉียนคุนที่อยู่ในมือของฉู่หลิวเยว่!
พรึบ!
แหวนหยกยุพราชวงนั้นหมุนวนอย่างรวดเร็ว แม้แต่ม่านแสงที่ล้อมอยู่รอบๆ ราวกับสายน้ำ ก็ก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนอยู่รอบๆ ตัวของฉู่หลิวเยว่ และเปล่งเสียงร้องอันแหลมคมออกมา!
เหยาปินพลันกระหยิ่มยิ้มเยาะอย่างมั่นใจ
เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ!
ครั้นคนทั้งหมดได้เห็นฉากนี้ ก็ล้วนตกตะลึงพรึงเพริด
บางคนทนไม่ไหว รีบโน้มตัวไปข้างหน้า ราวกลัวจะพลาดฉากเด็ดอันใดอย่างนั้น
หากไม่ทดสอบก็จะไม่รู้ แต่เมื่อทดสอบ… ก็เห็นแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติกับฉู่เยว่ผู้นี้จริงๆ!
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ ต่างมองหน้ากัน พวกเขาต่างก็ได้เห็นแววตาของอีกฝ่าย ที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและประหลาดใจ
… ก่อนหน้านี้ฉู่เยว่ได้พูดว่า เขาและถ้ำปีศาจทมิฬนั้น ไม่มีความสัมพันธ์อันใดต่อกันไม่ใช่หรือ?
แต่ตอนนี้… ฉู่หลิวเยว่ก้มศีรษะลงมอง
ทันใดนั้นก็ได้มีแสงสีขาวก็แวบเข้ามาในความคิดของนาง!
จริงด้วย!
เหตุใดนางถึงได้ลืมนึกถึงป้ายไม้นั่นไปได้!
เมื่อไม่นานมานี้ นางเคยไปเดินเล่นพักผ่อนกับหลัวเยี่ยนหมิงและจัวเซิงที่เมืองฝางโจว
ในตอนนั้น นางได้พบกับชายวัยกลางคนอยู่คนหนึ่งที่แผงลอยริมทางในตัวเมือง
คนๆ นั้น คือวิญญาณที่กำลังไล่ตามนางอยู่!
และตอนนั้นเองที่นางได้รับป้ายไม้แผ่นหนึ่งจากอีกฝ่าย
นั่นคือป้ายไม้ของถ้ำปีศาจทมิฬ!
บนป้ายไม้นั่นสลักรูปเสาเทพยดาของถ้ำปีศาจทมิฬไว้อย่างชัดเจน!
แต่หลังจากคราที่อีกฝ่ายล่าถอย นางเคยคิดที่จะทำลายป้ายไม้นั้นทิ้งเสีย แต่เมื่อคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็เก็บมันเอาไว้ก่อน
นึกไม่ถึงเลยว่า มันจะย้อนกลับมาสร้างปัญหาให้นางเช่นวันนี้!
กิ๊ง กิ๊ง…!
เสียงหวีดร้องนั้นคมชัดมากยิ่งขึ้น!
ราวกับมีพลังอันใดบางอย่างที่มองไม่เห็น พยายามทะลวงเข้าไปในแหวนเฉียนคุนอย่างสุดกำลัง และพยายามบีบบังคับป้ายไม้นั่นออกไป!
แต่ผ่านไปสักพัก แหวนเฉียนคุนวงนั้น ก็ไม่มีวี่แววที่จะถูกทำลายแต่อย่างใด
เหยาปินคิ้วขมวดแน่น
เหตุใดพลังป้องกันของแหวนเฉียนคุน ถึงได้ทรงพลังมากเพียงนี้!?
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ทำให้หัวใจของนางรู้สึกเต้นรัว
นี่คือแหวนเฉียนคุนของหรงซิว! อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของโอรสสวรรค์ด้วย!
เป็นเรื่องปกติที่มันจะสามารถต่อต้านพลังของเหยาปินได้ แต่ในสายตาคนอื่นนั้น เกรงว่ามัน…
[1] 枚扳指 แหวนปานจื่อ ในสมัยโบราณเรียกว่า “เส้อ” เป็นอุปกรณ์สวมนิ้วหัวแม่มือสำหรับผู้ที่ยิงธนู