ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1459 รนหาที่ตาย
ตอนที่ 1459 รนหาที่ตาย
ผู้คน “???”
นี่มันคำตอบแบบไหนกัน!?
เคยพบคนอวดดีมาก็มาก แต่ไม่เคยพบเจอคนอวดดีขนาดนี้มาก่อน!
เหยาปินเองก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ แฝงไว้ซึ่งท่าทีคัดค้านอยู่ไม่น้อย
“ไพ่ตาย? ไม่ทราบว่าเป็นไพ่ตายแบบใดกัน ที่ทำให้จอมยุทธ์ระดับแปดคนเดียวเอาชนะผู้แข็งแกร่งระดับครึ่งเทพได้!?”
ตั้งแต่ยุคบุพกาลเป็นต้นมา เรื่องแบบนี้หาดูได้ยากนัก!
ไม่รู้จริงๆ ว่าฉู่เยว่ผู้นี้คิดอันใดอยู่ ถึงได้ตอบออกมาเช่นนี้
ต่อให้มีไพ่ตายที่ว่า แต่ในสถานการณ์ที่คู่ต่อสู้แข็งแกร่งโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง ผู้อ่อนแอแทบไม่มีกระทั่งโอกาสจะลงมือ!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเอาชนะเลยด้วยซ้ำ
ฉู่หลิวเยว่สองแขนกอดอก มือหนึ่งเท้าคาง สีหน้าออกจะกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อย
ไพ่ตายหรือ…
ในตอนนั้นนางกวัดแกว่งกระบี่ชื่อเซียวออกมา แล้วจัดการกุดหัวอีกฝ่ายไปทั้งอย่างนั้น
ถ้าพูดออกไป ฝูงชนที่มุงอยู่ย่อมเดาออกแน่ว่านางมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อไว้ในครอบครอง!
ถึงตอนนั้น ไม่แน่ว่าจะนำพาปัญหาอันใดมาให้บ้าง…
แต่ถ้าไม่พูด ก็เห็นได้ชัดเลยว่าหลบเลี่ยงสถานการณ์ตรงหน้านี้ไปไม่รอด
ท่าทีลังเลสองจิตสองใจเช่นนี้ของฉู่หลิวเยว่ ในสายตาฝูงชนแล้วเป็นท่าทีประหม่าอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไพ่ตายอันใดกัน! ข้าว่าเขากุเรื่องหาข้ออ้างไปเรื่อยเสียมากกว่า!”
“นั่นซี จอมยุทธ์ระดับแปดปะทะผู้แข็งแกร่งระดับครึ่งเทพ นี่ไม่ใช่รนหาที่ตายหรอกหรือ? แค่หนีเอาชีวิตรอดออกมาได้ก็ยากเย็นแสนเข็ญแล้ว เขายังพูดว่าตัวเองสู้ชนะอีก… ช่างไม่รู้จักเจียมตนเลยเสียจริง!”
“ข้าว่าถ้าไม่ใช่ที่มาของป้ายไม้อันนี้ไม่ถูกต้อง ก็… เป็นเขาใช้วิธีการประหลาดแบบอื่นแล้ว!”
“จริงๆ แล้วคนของถ้ำปีศาจทมิฬผู้นั้นน่ะ ทุกคนก็ยังไม่เคยได้พบเจอ ใครจะรู้ว่าสู้กันจริง หรือว่า…”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทุกรูปแบบลอยเข้าหู
จัวเซิงได้ยินแล้วร้อนใจนัก จึงตะโกนดังลั่นอย่างลืมตัว
“ที่พวกข้าพูดไปเมื่อครู่ล้วนเป็นเรื่องจริง! วันนั้นตอนที่ฉู่เยว่กลับมายังบาดเจ็บ…”
“ได้รับบาดเจ็บก็ไม่สามารถบอกอันใดได้เสียหน่อย”
เหยาปินมองจัวเซิงด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก แรงกดดันมหาศาลอันรุนแรงพลันกดทับหน้าอกของจัวเซิงจนเขาพูดอันใดไม่ออก!
ดวงหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำอย่างรวดเร็ว!
“เหยาปิน!”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพลันตะโกนเสียงทุ้ม!
กระแสพลังไร้รูปร่างสายหนึ่งพุ่งทะยานเข้าไป!
ปัง!
เสียงปะทะเบาบางดังขึ้น!
จัวเซิงพลันรู้สึกได้ว่าแรงกดดันบนร่างกายเหล่านั้นหายวับไปพร้อมเสียงกึกก้อง!
เขากลับมาหายใจคล่องได้ในที่สุด โกยเอาอากาศหายใจเข้าปากเฮือกใหญ่
มีเพียงหัวใจที่ยังคงเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง รออยู่นานก็ยังไม่สงบลง
เขารู้ดีว่าแค่อีกฝ่ายคิด ก็สามารถเอาชีวิตเขาไปเมื่อไรก็ได้!
หากมิใช่เพราะได้ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนยื่นมือเข้าช่วยไว้…
“เหยาปิน เจ้าอย่าได้ทำเกินกว่านี้เชียว!”
ใบหน้าของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนราวกับเคลือบด้วยน้ำแข็งอีกชั้น ไอเย็นเยียบแผ่ออกเป็นเชิงข่มขู่
จัวเซิงแค่มายืนอยู่ตรงนี้ในฐานะพยานเท่านั้น เหยาปินมีสิทธิ์อันใดมาลงมือกับเขา!?
คนของเขาจากสำนักหลิงเซียวเองก็กำลังยืนดูอยู่ที่นี่ด้วย!
“ข้าแค่รู้สึกว่าเขาน่าหนวกหูไปหน่อย ยังไงซะ… คนที่ข้าถามก็คือฉู่เยว่”
“ข้ารู้ว่ามณฑลแห่งแสงอินทนิลกับถ้ำปีศาจทมิฬไม่ลงรอยกันดั่งน้ำกับไฟ ท่านอ๋องเหยาเผลอลืมตัวเช่นนี้ก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่วันนี้ทุกคนมาพร้อมหน้าเพื่อแก้ไขปัญหา ไม่ใช่สร้างปัญหา หลังจากนี้คงต้องขอให้ท่านอ๋องเหยา… คิดใคร่ครวญให้มาก”
สำนักหลิงเซียวและมณฑลแห่งแสงอินทนิลมิได้เป็นศัตรูกันแต่อย่างใด อีกทั้งเหยาปินก็ไม่ได้ทำตัวงี่เง่ามากนัก ในเมื่ออีกฝ่ายยอมอ่อนข้อ ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็ไม่คิดดึงดันเอาเรื่องต่อ
เอ่ยเตือนเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนบุ้ยคางไปทางหลัวเยี่ยนหมิงและจัวเซิง
“พวกเจ้าสองคนกลับมาได้แล้ว”
คนทั้งสองหันไปมองฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าพวกเขาเป็นห่วงตน ในใจจึงรู้สึกอุ่นวาบน้อยๆ
“วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไร”
สองคนนั้นจึงยอมถอยกลับไป
“ท่านอ๋องเหยา”
ฉู่หลิวเยว่เบนสายตามองไปทางเหยาปิน
“หากถกเถียงกันต่อ พูดไปมากเข้า ทุกคนก็คงมิอาจเชื่อได้สนิทใจ มิสู้พวกเรามาเปลี่ยนวิธีเสีย จะได้จัดการรวดเร็วฉับไว”
เหยาปินนิ่วหน้า
“เจ้าคิดจะทำอันใด?”
มุมปากฉู่หลิวเยว่หยักยกขึ้นน้อยๆ ก่อนกวาดตามองทั่วทั้งสี่ทิศ
“ความในใจทุกท่านคงเหมือนกับท่านอ๋องเหยา คิดว่าข้ากำลังโป้ปดมดเท็จ ในเมื่อเป็นเช่นนี้… มิสู้มาประลองกันสักรอบ!”
“ผู้ที่มาที่นี่ในวันนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงโจษจันไปทั่วอาณาจักรเสิ่นซวี่ ทุกท่านมิสู้ร่วมกันเลือกผู้แข็งแกร่งระดับครึ่งเทพออกมาตัดสินกับข้าสักคน! ดูว่าประลองสนามนี้ ข้าฉู่เยว่… จะเอาชนะได้หรือไม่กันแน่!”
ฉู่เยว่ผู้นี้รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอันใดออกมา!?
ท้าทายผู้แข็งแกร่งระดับครึ่งเทพซึ่งหน้าต่อหน้าธารกำนัลเลยหรือ!?
นี่มิใช่ว่ากำลังหาเหาใส่หัวตัวเองหรือไร!?
ฉู่หลิวเยว่คาดเดาได้แต่แรกอยู่แล้วถึงปฏิกิริยาของพวกเขา ดังนั้นจึงมิได้สนใจแม้แต่น้อย
นางเชิดคางขึ้นน้อยๆ ด้วยรอยยิ้มลึกล้ำขึ้น
“เพื่อจำลองสถานการณ์ในวันนั้นอย่างสมบูรณ์ ข้าเองก็จะยับยั้งพลังของตัวเองให้กลับไปอยู่ที่ระดับแปดขั้นสูงสุด!”
แบบนี้ หลังจากสู้ตัดสินจบ ต่อให้คนพวกนี้คิดจะจ้องจับผิดก็ไม่มีโอกาสแล้ว!
เหยาปินมองดูฉู่หลิวเยว่ด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
บ้าไปแล้ว!
เขาเสียสติไปแล้วจริงๆ!
หากฉู่เยว่ใช้พลังที่มีอยู่ในตอนนี้เข้าสู้ บางทีอาจยังประคองให้ตัวเองไม่แพ้จนหมดรูปก็ได้
แต่นี่ยังยืนกรานจะยับยั้งพลังของตัวเองไว้ที่ระดับแปดอีก?
นี่มันคนที่เบื่อจะใช้ชีวิตแล้วชัดๆ!
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนรู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันควัน คิดจะเอ่ยปากแย้งออกไป
ทว่ายังไม่ทันจะได้พูด ก็พลันมีสุ้มเสียงทุ้มนุ่มรื่นหูดังแว่วขึ้นมาข้างหูเสียก่อน
“ผู้อาวุโส ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบเถอะ”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนหันศีรษะกลับไปมองด้วยความประหลาดใจยิ่ง
“หรงซิว เจ้า…”
ริมฝีปากบางของหรงซิวหยักยก เผยรอยยิ้มบางเบาออกมา
“ในเมื่อกล้าพูดถึงขนาดนี้ ย่อมต้องเตรียมพร้อมไว้ดีแล้ว”
เขาเข้าใจนางดีเลยทีเดียว
นั่นไม่ใช่คนที่ชอบตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบเลยสักนิด
ถูกคนรังแกเหยียบย่ำจนถึงขีดสุด มาถึงขนาดนี้แล้วนางจะปล่อยให้เรื่องนี้หลุดลอยไปได้อย่างใดกัน?
ต่อให้ตอนนี้อีกฝ่ายจะทำเมินและปล่อยๆ ไป นางเองก็คงไม่เห็นด้วยเป็นแน่
ได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ ในใจของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็นิ่งขึ้นไม่น้อย เขาครุ่นคิดแล้วครุ่นคิดอีก จากนั้นทำได้แค่ผงกศีรษะรับ
ช่างเถอะ!
หากว่าฉู่เยว่สู้อีกฝ่ายไม่ไหวจริงๆ เขาค่อยลงมือก็ยังไม่สาย!
อย่างใดเสียก็เป็นคนจากสำนักหลิงเซียวของพวกเขา ใครหน้าไหนก็มารังแกไม่ได้ทั้งนั้น!
ฉู่หลิวเยว่เป็นคนพูดเอ่ยนำก่อนเช่นนี้ ผู้อื่นจะมีเหตุผลอันใดไม่ตอบรับได้เล่า?
เหยาปินสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
“ดี! ใจกล้าดีมาก!”
ความหาญกล้าเช่นนี้มิใช่สิ่งที่ปุถุชุนธรรมดาจะมีได้!
แต่ไม่รู้ว่าสรุปแล้วฉู่เยว่ผู้นี้เป็นลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ หรือว่า… จะมีไพ่ตายอันใดแอบซ่อนไว้จริงๆ กันแน่!?
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเบาๆ พลางผงกศีรษะรับ
“ขอบคุณสำหรับคำชม เช่นนั้นท่านทั้งหลายคิดจะเชิญใครลงสนามหรือ?”
ฝูงชนต่างพากันมองไปรอบๆ
พวกเขาที่ยืนอออยู่ในที่นี้ มีไม่น้อยเลยที่มีระดับเทพขั้นสูง แต่กับระดับครึ่งเทพนี่มีไม่เยอะจริงๆ
ทันใดนั้น สุ้มเสียงที่ติดจะแหบพร่าอยู่บ้างก็ดังแว่วขึ้นมา
“ข้าเอง”
ไป๋หลี่ฉุนหันศีรษะกลับไปมองอย่างประหลาดใจ “… เสี่ยวหลิว เจ้า…”
ร่างกายของนางยังฟื้นฟูกลับมาได้ไม่เต็มที่เลยหนา!
ความคิดของเจียงจื่อหยวนกลับเด็ดขาดยิ่ง
โอกาสที่จะได้สังหารฉู่หลิวเยว่ต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้… มีไม่มากแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ปรายตามองเด็กหนุ่มที่ยืนขึ้น นัยน์ตาหรี่ลงอย่างอันตราย
ทันใดนั้นเอง นางก็ฉีกยิ้มกว้าง
“ได้สิ!”
“ยินดีต้อนรับอย่างยิ่ง!”