ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1462 มองดูได้ชัด
ตอนที่ 1462 มองดูได้ชัด
ทว่าก่อนที่นางจะได้รู้สึกตกตะลึง ก็พบเข้ากับฉากที่ชวนขนพองสยองเกล้ายิ่งกว่า!
… หลังจากที่ชิงเอาพลังแห่งสวรรค์และโลกที่กงล้อสุริยันแผดเผานภาครามดูดกลืนไปแล้ว กระบี่ชื่อเซียวก็เริ่มสั่นไหวด้วยพลังจากกงล้อ!
กงล้อสองอันที่เดิมทีผสานเข้าหากันอย่างสมบูรณ์แบบ มาบัดนี้ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันมหาศาลอันน่าหวาดผวาจนเริ่มเกิดการสั่นสะเทือน!
กริ๊ก… กริ๊ก แกร๊ก!
ท่ามกลางวงล้อสีเขียวและกงล้อสีขาว ชิ้นส่วนหนึ่งพลันสั่นคลอนจนเกิดเป็นเสียงแหลมเสียดหู
กระแสพลังสองสายพลันขัดแย้งกันเอง! ก่อนที่มันจะเริ่มห้ำหั่นกัน!
ใจของเจียงจื่อหยวนพลันกระตุกกึกในบัดดล!
ความหวาดกลัวที่ถูกยับยั้งอยู่ในส่วนลึกจิตใจของนาง ท้ายที่สุดมันก็พลันพวยพุ่งออกมาอีกรอบ! กลืนกินนางเข้าไปอย่างง่ายดาย!
เหตุใดถึงเป็นแบบนี้ได้…
เหตุใดถึงเป็นแบบนี้ไปได้!
การประลองยังไม่เริ่มต้นขึ้นด้วยซ้ำ อีกฝ่ายเพียงแค่เซ่นกระบี่ออกมาก็สามารถทำลายการโจมตีของนางลงได้โดยสิ้นเชิง!
กระบวนท่านี้เป็นกระบวนท่าสังหารที่นางตั้งใจฝึกฝนตลอดเวลาที่ติดตามไป๋หลีฉุน
นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว ก็มิมีผู้ใดรู้อีกว่านางสามารถใช้กระบวนท่านี้ได้
ใจหนึ่งนางก็ไม่อยากเปิดเผยตัวตน ทว่าอีกใจหนึ่งนางก็อยากจัดการฉู่เยว่ให้สิ้นซาก เพราะแบบนั้นจึงตัดสินใจเลือกใช้กระบวนท่านี้
ใครจะไปรู้ว่า…
ฟึ่บ!
ความคิดของเจียงจื่อหยวนรีบคิดเร็วรี่ ก่อนจะหยิบไข่มุกเทพเม็ดที่สองมาดีดออกไปอย่างรวดเร็ว!
ปัง!
ไข่มุกเทพพุ่งเข้าสู่ใจกลาง!
กระแสพลังอันน่าสะพรึงกลัวแลไพศาลพวยพุ่งออกมา!
ทว่าชั่วพริบตา พลังปราณศักดิ์สิทธิ์สีขาวสว่างเรืองรองก็แผ่ขยายออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเข้าห่อหุ้มกงล้อสุริยันแผดเผานภาครามอันมหึมาเอาไว้ทั้งหมด!
ส่วนสีขาวยังคงเป็นสีขาว ส่วนสีเขียวน้ำฟ้าเองกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีขาว
กงล้อสองอันที่ตกอยู่ในสภาวะวุ่นวายสะเปะสะปะถูกควบคุมเอาไว้ได้ในที่สุด
พลังปราณศักดิ์สิทธิ์สีเขียวถูกกลืนกิน แล้วหลอมรวมเข้ากับกงล้อสีขาวอันเล็กที่อยู่ด้านในโดยสมบูรณ์
ลมปราณที่อยู่บนกงล้อดูจะรุนแรงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!
มันเคลื่อนตัวพุ่งเข้าไปหาฉู่หลิวเยว่ต่อเนื่อง!
ทว่าภาพฉากนี้กลับทำให้ผู้ที่ชมการประลองอยู่พากันนิ่วหน้าพลางส่ายศีรษะ
“ความสมดุลระหว่างพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองสายถูกฉู่เยว่พังทลายไปแล้ว เสี่ยวหลิวผู้นั้นไร้หนทางจะกอบกู้มันกลับมาแล้ว ทำได้แค่โยนไข่มุกเทพเข้าไปอีกเม็ดเพื่อปกคลุมพลังปราณศักดิ์สิทธิ์สีเขียวสายนั้นเอาไว้จนหมด จึงแทบควบคุมมันไม่ได้เลย แต่ว่า… พอเป็นแบบนี้แล้ว ก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเขาแทบไม่ได้ลงแรงอันใดเลย ก็แค่โยนไข่มุกเทพของผู้อื่นเข้าไปสองเม็ดเพื่อมาประลองเท่านั้น?”
“ไป๋หลีฉุนดูแลเขาดีนัก ถึงได้ให้เขาหยิบไข่มุกเทพสองเม็ดออกมาใช้ตามใจ ข้าว่าไม่แน่เขาอาจหยิบไข่มุกออกมาเป็นตัวช่วยเพิ่มก็ได้!”
“ฮ่าฮ่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มิสู้ให้ไป๋หลีฉุนขึ้นมาสู้กับฉู่เยว่ตรงๆ เลยไม่ดีกว่าหรือ? นั่นไม่สะดวกกว่าหรือยังไง!”
คำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนหลั่งไหลออกมา เต็มไปด้วยคำเยาะเย้ยถากถางทุกรูปแบบ
พวกเขายอมไว้หน้าไป๋หลีฉุน ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะเกรงกลัวเขาเข้าจริงๆ
ดูเอาเถิดว่าการประลองครานี้มันกลายเป็นอันใดไปแล้ว?
ช่างน่าหัวร่อยิ่งนัก!
“เสี่ยวหลิวผู้นั้นเป็นตัวแทนหมู่พวกเราออกไปสู้เลยหนา พอเป็นเช่นนี้แล้วช่างน่าขายหน้าเสียจริง! รู้แบบนี้ส่งคนที่เก่งกล้าไปสู้แต่แรกแล้ว!”
“มาพูดเอาตอนนี้ไม่สายไปแล้วหรือไง? ข้าได้แค่หวังว่าเขาอุตส่าห์ใช้กลเม็ดมากมายปานนั้น อย่ามาแพ้เอาตอนจบเชียว! นั่นน่ะช่าง…”
“พูดได้ไม่เต็มปากเสียด้วยสิ ฉู่เยว่ยังไม่ทันลงมือจริงจังเลยด้วยซ้ำ!”
ไฉนเลยเขาจะคาดคิดได้ว่าฉู่เยว่ผู้นั้นมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อไว้ในครอบครองกัน!
แต่ว่า ลำพังแค่ตัวจอมยุทธ์ระดับแปดคนเดียว ตามหลักแล้วแค่ปัญญาจะถืออาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อยังไม่มีด้วยซ้ำ แล้วเขาใช้วิธีใดแสดงพลังและแรงกดดันออกมากันแน่!?
ฝั่งฉู่หลิวเยว่มิได้สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอกแม้แต่น้อย นางกลั้นลมหายใจจดจ่อสมาธิ
แท้จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเท่านั้น
ประสิทธิภาพในการกลืนกินพลังแห่งสวรรค์และโลกของกระบี่ชื่อเซียวนั้นสูงมาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เพียงพริบตาเดียวก็สามารถเหวี่ยงดาบออกไปได้!
ทว่าวันนี้ นางจงใจชะลอการเคลื่อนไหวของตนให้ช้าลง
แสงสว่างโชติช่วงที่แผ่ออกมาจากกงล้อขนาดใหญ่มหึมา บัดนี้มาถึงตรงหน้านางแล้ว!
อยู่ห่างจากฉู่หลิวเยว่ไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น!
นัยน์ตาของฉู่หลิวเยว่พลันเฉียบแหลมขึ้น!
พลังปราณดั้งเดิมที่ไหลเวียนไปตามแขนขาราวกับถูกอัญเชิญให้มารวมกันอยู่ ณ จุดเดียว!
ทันใดนั้น นางก็ตวัดกระบี่ลงมาเป็นแนวตรง
“กระบี่ชื่อเซียว… ทำลาย!”
ฟึ่บ!
กระบี่ยาวถูกเหวี่ยงลง!
กร๊อบ!
สุ้มเสียงแหลมเล็กดังก้องมาจากด้านบนของกงล้อ
รอยยิ้มมุมปากของเจียงจื่อหยวนพลันแข็งทื่อ นางมองไปยังรอยแตกที่ปรากฏอยู่บนใจกลางกงล้อด้วยสายตาหวาดผวายิ่ง!
ครู่ต่อมา กงล้อก็พังทลาย! กระแสพลังกระจายไปทั่วทุกทิศ!
ตูม!
หลังจากเสียงระเบิดดังกึกก้อง กงล้อที่เดิมทีมีรูปร่างใหญ่ไพศาลก็พลันแตกสลายกลายเป็นจุดแสงเล็กๆ นับไม่ถ้วน ก่อนจะปลิวกระจายไปทั่วสี่ทิศ!
เจียงจื่อหยวนเป็นคนแรกที่ได้รับแรงกระแทกจากมัน ร่างกายปลิวไปตามแรงในชั่วพริบตา!
ปั่ก!
นางล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง ทั้งยังไถลครูดไปไกล!
บนพื้นทิ้งไว้ซึ่งคราบเลือดเป็นทางยาว
หลังของนางปวดเสียจนรู้สึกแสบร้อน อวัยวะภายในราวกับถูกอันใดบางอย่างบดขยี้เข้าอย่างจัง!
พรวด!
เจียงจื่อหยวนพลันกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง!
อาการบาดเจ็บเก่าของนางยังรักษาไม่หายด้วยซ้ำ มาบัดนี้อาการเจ็บถูกซ้ำเติมเข้าไปอีก ทำเอานางรู้สึกเจ็บปวดทุรนทุรายเสียจนแทบหมดสติ
ไป๋หลีฉุนผุดลุกขึ้นโดยพลัน!
เขาสะบัดชายเสื้อคลุม กำลังจะลงมืออยู่รอมร่อ!
ทว่าในตอนนั้นเอง หรงซิวกลับมองมาทางเขา
บนดวงหน้างดงามชวนลุ่มหลงประดับไว้ซึ่งรอยยิ้มบางเบา ทว่าดวงตากลับดำมืดดุจมหาสมุทร คมปลาบดุจคมมีด!
“ท่านประมุข ท่านดูจะเป็นห่วง… คนผู้นี้มากเลยหนา? การประลองครานี้ยังไม่จบ หากว่าท่านลงมือก็ออกจะไม่เหมาะสมไปหน่อยกระมัง?”
“เจ้า…”
ไป๋หลีฉุนแทบสำลักในลำคอ!
เขาโมโหเสียจนปอดแทบฉีก!
เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ท้ายที่สุดก็ยอมนั่งลงไปอีกรอบ!
“ข้ารู้แล้ว!”
ทั่วทั้งบริเวณพลันเงียบกริบ
“ท่านอ๋องเหยา!”
ฉู่หลิวเยว่พลันเอนศีรษะหันไปมองเหยาปินที่ยืนอยู่ด้านข้าง
เขามองตามไปโดยไม่รู้ตัว ดวงหน้ายังคงปรากฏแววตกตะลึงไม่จางหาย
เห็นได้ชัดเลยว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉู่หลิวเยว่เกินความคาดหมายของเขาไปมาก
“เมื่อครู่ท่านเห็นชัดหรือยังเล่า?”
ฉู่หลิวเยว่หยักยกรอยยิ้ม
“วันนั้นข้าก็สู้ชนะเช่นนี้นี่แหละ!”
จากนั้น นางก็กวาดตามองทั้งสี่ทิศ น้ำเสียงยังคงเอื่อยเฉื่อยเนิบนาบพร้อมด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
“ทุกท่านที่อยู่ในที่แห่งนี้ หากมีผู้ใดดูไม่ชัด ข้าสามารถแสดงให้ดูอีกรอบได้หนา”