ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1465 พานางไปเดินเล่น
ตอนที่ 1465 พานางไปเดินเล่น
ด้วยประการฉะนี้ ทั้งสองคนจึงประลองยุทธ์กันใหม่ เนื่องด้วยถ้อยคำยั่วยุเพียงไม่กี่คำ
แต่ไม่มีใครหยุดยั้งพวกเขา
บางคนอยากดูว่าหากปราศจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อแล้ว ฉู่เยว่จะยังเอาชนะผู้แข็งแกร่งระดับครึ่งเทพได้หรือไม่
บางคนต้องการทดสอบระดับพลังปราณที่แท้จริงของฉู่เยว่
และบางคนเพียงอยากดูเพื่อความสนุก ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อันใด
ส่วนคนที่เป็นกังวลที่สุด คงไม่พ้นกลุ่มคนจากสำนักหลิงเซียว
“เจ้าเด็กนี่…”
เดิมทีผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนอยากห้ามเขา แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก คนทั้งสองก็ตกลงปลงใจกันไปแล้ว!
และฉู่เยว่ก็เป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอเอง หากเขาคัดค้าน คงได้ว้าวุ่นใจจนอยู่ไม่สุขเป็นแน่
“ปั๋วเหยี่ยน เจ้าวางใจเถอะ เจ้าเด็กนั่นไม่แพ้ง่ายๆ หรอก”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเขยิบเข้ามาใกล้ พลางกดเสียงต่ำและกระซิบบอกเบาๆ
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก้มหน้ามองเขาแวบหนึ่ง
เหตุใดเขาถึงมั่นใจขนาดนั้น?
ระดับเก้าปะทะครึ่งเทพ ระหว่างพวกเขายังมีช่องว่างอยู่มากโข!
แต่ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกลับยิ้มเยาะเบาๆ พลางแตะปลายคางของตน แล้วเบนสายตาไปยังลานเบื้องหน้า
คนอื่นไม่รู้ แต่เขานั้นรู้ดี
เด็กคนนั้นมีไพ่ตายมากมาย หากไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้กระบี่ชื่อเซียว เขาก็ยังใช้อย่างอื่นได้!
แต่เสี่ยวหลิวผู้น่าสงสาร และมีรอยฟกช้ำเต็มตัว กลับยังคิดว่าตนจะมีโอกาสชนะได้
ไหนจะไป๋หลีฉุนอีกคน
… เขาไม่คิดเลยหรือว่า การที่ฉู่เยว่กดพลังปราณของตนไว้ที่จอมยุทธ์ระแปด แต่กลับควบคุมกระบี่ชื่อเซียวได้นั้น คนธรรมดาที่ไหนจะทำได้กัน?
เมื่อเห็นสีหน้าตื่นเต้นราวรอชมการแสดงดีๆ ของผู้อาวุโสฮวาเฟิง ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพลันรู้สึกฉงนใจ แต่ก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นกว่าเดิม
พลางหันศีรษะไปมองเฉกเช่นสหายของเขา และรอดูว่าการประลองครานี้จะสิ้นสุดเช่นไร
…
เจียงจื่อหยวนหยิบยาอายุวัฒนะออกมาหนึ่งเม็ด แล้วกลืนลงไป
มวลพลังอันอ่อนนุ่มและอบอุ่น แพร่กระจายไปทั่วกายาในทันที
ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
สภาพร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ จะทำให้ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของนางลดลงอย่างมาก
แต่นางอยากเอาชนะให้ได้!
“ครู่นี้เขากินอันใดไป? ไยข้าถึงได้กลิ่นหอมของยาหมีเซียง?”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงทำจมูกฟุดฟิด พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
ยาอายุวัฒนะชนิดนี้มีค่ามาก และมีเพียงเซียนหมอระดับปรมาจารย์เท่านั้น ที่สามารถกลั่นยาชนิดนี้ได้
และสรรพคุณของมันยังพิเศษสุดๆ ด้วย
… ยาอายุวัฒนะประเภทนี้ ช่วยให้ผู้ฝึกตนทนทานต่อการบาดเจ็บในช่วงเวลาสั้นๆ และดึงพลังปราณทั้งหมดของพวกเขาออกมาใช้ได้เต็มที่!
และบางครั้งยังทำให้ผู้ที่บาดเจ็บสาหัส ปลดปล่อยความแข็งแกร่งที่เกินกว่าระดับปกติของตนออกมาได้ด้วย!
แต่ผลข้างเคียงของยาหมีเซียงเองก็รุนแรงมากเช่นกัน
เพราะมันเท่ากับการดึงพลังทางกายภาพและพลังปราณของผู้ฝึกตนออกมามากเกินไป หลังผ่านไปครึ่งก้านธูป สภาพร่างกายของผู้ที่กินยาเม็ดนี้จะทรุดลงอย่างรวดเร็ว!
หากไม่สามารถรักษาได้ทันเวลา ก็จะทำให้เกิดความเสียหายถาวร
ฉะนั้นภายใต้สถานการณ์ปกติ มีเพียงยามเผชิญกับวิกฤตเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเท่านั้น ถึงจะทำให้คนยอมใช้สิ่งนี้
ตอนนี้มันเป็นแค่การประลอง แต่เจียงจื่อหยวนกลับใช้สิ่งนี้ คงต้องบอกว่านางทุ่มเทเกินไปจริงๆ
“นั่นคือยาหมีเซียงของจริง”
หรงซิวกล่าวเสียงเรียบ
ผู้อาวุโสวั่นเจิงขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิม
“ก็แค่การประลอง ไม่ได้สู้เอาชีวิตกันเสียหน่อย นี่เขาคิดจะทำอันใดกันแน่!?”
ลูกศิษย์อันล้ำค่าของพวกเขาเป็นคนอัธยาศัยดี แต่มิใช่คนที่จะยอมให้ใครรังแกง่ายๆ!
หรงซิวมองยังลานกว้าง
ช่วงไหล่และแผ่นหลังของฉู่หลิวเยว่เหยียดตรง ราวกับต้นสนใบเขียว
หลังจากที่เห็นเจียงจื่อหยวนกินยาหมีเซียง นางก็เลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ราวแปลกใจ
หรงซิวหลุบตาลง ปกปิดรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
แสดงได้สมจริงมาก
เห็นได้ชัดว่านางกำลังรอให้อีกฝ่ายทำเช่นนี้ และแสร้งทำเป็นแปลกใจ
ดูเหมือนว่าครั้งนี้… นางคงบดขยี้อีกฝ่ายให้สิ้นซากเป็นแน่!
…
ฉู่หลิวเยว่ตั้งใจให้เป็นแบบนี้
ไม่ใช่ว่านางว่างงาน และอยากพิสูจน์ว่าตัวเองเก่งกว่าอีกฝ่าย จนต้องทำการประลองเช่นนี้อีก?
หรือเต็มใจสละอาวุธศักดิ์สิทธ์แห่งจุนเจ๋อ และสู้กับอีกฝ่ายด้วยมือเปล่า?
อีกฝ่ายนั้นไร้สติปัญญา แต่ใช่ว่านางจะเป็นแบบนั้น
นางเพียงยอมถอยเพื่อลวงชัย
ไม่มีอันใดง่ายไปกว่านี้แล้ว
ในเมื่ออีกฝ่ายปรารถนาจะเอาชนะนางหนักหนา ฉะนั้นในเวลาแบบนี้ ต่อให้มีโอกาสชนะเพียงน้อยนิด อีกฝ่ายก็จะคว้ามันไว้
ครั้นเห็นอีกฝ่ายกำลังจะบ้าคลั่ง ราวปรารถนาเพียงความตาย
แล้วจะให้นางทนดูได้อย่างใด?
ช่วยคนต้องช่วยให้เต็มที่ ส่งพระต้องส่งให้ถึงสุขาวดี!
“เริ่มเถอะ!”
ดูเหมือนฉู่หลิวเยว่จะได้ยินเรื่องที่ผู้คนรอบตัวเอ่ยถึงยาหมีเซียง เจ้าตัวขมวดคิ้วมั่น แลดูวิตกกังวลเล็กน้อย
เจียงจื่อหยวนกำหมัดแน่น
นางไม่รู้สึกเจ็บแผลแล้ว พลังปราณมากมายหลั่งไหลออกมาจากทุกส่วนของร่างกายนางอย่างต่อเนื่อง! และเข้าไปรวมตัวกันที่จุดตันเถียน!
นานแล้วที่นางไม่ได้รู้สึกถึงความแข็งแกร่งและพละกำลังในการต่อสู้เช่นนี้!
แม้ว่ายาหมีเซียงจะมีผลข้างเคียง แต่นางมั่นใจว่า ภายในครึ่งก้านธูป นางจะสยบฝ่ายตรงข้ามได้แน่นอน!
ขอแค่… อีกครั้งเดียวเท่านั้น!
ความมั่นใจของเจียงจื่อหยวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ราวกับวาดฝันถึงเหตุการณ์หลังชัยชนะไว้แล้ว
ในใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและตื่นตัว พลันเผยสีหน้าออกมาอย่างปิดไม่มิด
และนางก็ไม่คิดจะปกปิดเช่นกัน
ครู่ต่อมา นางประสานมือทั้งสองข้างไว้ด้านหน้า
พลังปราณในกายพลุ่งพล่านขึ้นมา!
คลื่นพลังปราณก่อตัวขึ้นรอบตัวนาง!
พลันมีเสียงอุทานขึ้นท่ามกลางฝูงชน
“ไยลมปราณของเขาถึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นนั้น? นี่เขาจะทะลวงขึ้นสู่ระดับเทพขั้นสูงเลยหรือ!?”
ไม่นานหลังจากสิ้นประโยคนั้น ก็มีจุดแสงปรากฏขึ้นตรงหว่างคิ้วของเจียงจื่อหยวน!
สัญลักษณ์บางอย่างปรากฏแก่สายตา!
รวมทั้งแรงกดดันบนกายของนางเอง ก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ระดับในเวลาเดียวกัน!
… ด้วยพลังของยาหมีเซียง ทำให้นางฝืนยกระดับขั้นพลังปราณของตัวเองได้ในขณะหนึ่ง!
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันควัน ก่อนจะมองไปที่ฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง และอดไม่ได้ที่ส่ายหัวไปมา
แม้นการกระทำเช่นนี้จักอันตรายมาก แต่กลับมีประโยชน์มาก
เพียงผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงใช้มือเดียว ก็สามารถบดขยี้จอมยุทธ์ระดับเก้าได้อย่างง่ายดายเลยกระมัง!?
ภายในกายของเจียงจื่อหยวนฉีกกระชากด้วยความเจ็บปวด
และนั่นคือผลมาจากการที่นางฝืนทะลวงขั้นพลังปราณ
แต่นางไม่สนใจ
ตราบใดที่คว้าชัยชนะมาได้ สิ่งเหล่านี้มันจะไปสำคัญอันใด?
“ตายซะ!”
นางปล่อยหมัดออกไป! วิถีของหมัดทะยานออกไปเป็นเส้นตรง!
ในเวลาแบบนี้ การบดขยี้ด้วยพละกำลังที่เหนือกว่า ย่อมประสิทธิผลดีกว่ากลอุบายทั้งหมด!
หมัดอันหนักหน่วงพุ่งตรงไปยังใบหน้าของฉู่หลิวเยว่!
แต่นางไม่ขยับหนี
“ไยฉู่เยว่ถึงไม่ขยับ? มัวแต่ยืนโง่อยู่ไย!?”
หลายคนคิ้วพันกันอย่างลุ้นระทึก
ต่อให้สู้ไม่ได้ ก็ยังวิ่งหนีได้!
มัวแต่ยืนงงอยู่เช่นนั้น จะไปมีประโยชน์อันใด!?
ทว่าเมื่อพลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้น กำลังจะบดขยี้และกลืนกินฉู่หลิวเยว่ ก็พลันมีเสียงร้องหวีดแหลมดังสนั่นไปทั่วยุทธภพ!
กี๊!
แสงสีทองเหลือบแดงปะทุออกมาจากร่างของฉู่หลิวเยว่ พลันขยายตัวขึ้นในทันที!
พร้อมกับร่างเงาขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าฉู่หลิวเยว่!
เรือนกายสีทองพร่างพราว และแรงกดดันอันมหาศาล!
“หงส์ทองคำหรือ!?”
เหล่าผู้ชมล้วนตกใจสุดขีด!
บางคนไม่อาจห้ามความตื่นเต้นของตนได้ พลันลุกพรวดขึ้นทันที! และจับจ้องไปยังที่อสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาล ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ด้วยความตะลึงพรึงเพริด!
หะ เหตุใด…
“นั่นอสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาของฉู่เยว่หรือ!?”
ใครบางคนร้องตะโกนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ตูม!
ถวนจือกระพือปีกทั้งสองข้างเข้าหากัน หมัดอันหนักหน่วงลูกนั้น พลันมลายหายไปในพริบตา!
เจียงจื่อหยวนเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ความหนาวเหน็บเริ่มกัดกินกายา พร้อมกับความกลัวที่แล่นพล่านไปทั้งหัวใจ!
หงส์ทองคำหรือ…
ตั้งแต่เมื่อไรกัน!?
“ถวนจื่อ”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยพลันยิ้มเยาะ
“ช่วยพาท่านผู้นี้ไปเดินเล่นหน่อยสิ”
กี๊!
ถวนจื่อโน้มตัวลงมา และใช้กรงเล็บข้างหนึ่งคว้าตัวเจียงจื่อหยวนไว้!
แล้วบินขึ้นไป!
ฉู่หลิวเยว่แตะปลายคิ้วของตนราวใช้ความคิด
ครึ่งก้านธูปหรือ…
บินวนสักสองรอบก็น่าจะพอ