ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1466 ผู้พิทักษ์ภรรยา
ตอนที่ 1466 ผู้พิทักษ์ภรรยา
กรงเล็บอันแหลมคมของถวนจื่อ จิกลงบนผิวหนังของเจียงจื่อหยวนอย่างจัง และเจาะทะลุเข้าไปในเนื้อแลเส้นเลือดภายใน!
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน ส่งผลให้เจียงจื่อหยวนหน้าซีดเผือดในทันที!
เจ็บเหลือเกิน!
เปลวเพลิงสีแดงทองกำลังลุกไหม้ เสมือนกำลังจะแผดเผานางให้มอดไหม้!
เจียงจื่อหยวนอกสั่นขวัญหายแลหวาดกลัวสุดขีด นางดิ้นรนไปมาด้วยความสิ้นหวัง
ทว่าพละกำลังอันน้อยนิดของนางหรือ จะสู้หงส์ทองที่กำลังแผลงฤทธิ์อยู่เบื้องหน้าได้
ยามนี้นางทะลวงขึ้นสู่ผู้แข็งแกร่งเหนือเทพแล้วก็จริง แต่ฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาล!
ต่างชั้นกันเพียงนี้ แล้วจะสู้ได้อย่างใด?
ไม่มีทางทำได้เลย!
เจียงจื่อหยวนอดทนต่อความเจ็บปวด พลันก้มหน้าหลุบตามองพื้นอย่างจำยอม ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นร่างของตนถูกหิ้วออกไป!
จะ เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้จะพานางไปไหน!
หากหนีไม่ทันก่อนหมดครึ่งก้านธูป นางได้สิ้นชีพแน่นอน!
ในใจของเจียงจื่อหยวนหวาดกลัวสุดขีด ก่อนจะรีบระดมพลังปราณทั้งหมดในกายอย่างรวดเร็ว เพื่อใช้สู้กับอสูรตัวนี้
“ปล่อยข้าลง! เจ้าสัตว์เดรัจฉาน! ปล่อยข้า…”
ดวงตาของถวนจื่อฉายแววเย็นชา
รนหาที่ตายเสียแล้ว!
พรึบ!
ถวนจื่อบินเร็วขึ้น และออกแรงจิกกรงเล็บมากกว่าเดิม! มันหักซี่โครงของเจียงจื่อหยวนไปหลายซี่!
“ฟู่ว…”
นางสัมผัสได้ลางๆ ว่ากรงเล็บอันแหลมคมเหล่านั้น แทบจะควักอวัยวะภายในทั้งหมดของนาง ออกมาอยู่รอมร่อ!
ในใจพลันตื่นตระหนกคราใหญ่ ริมฝีปากของเจียงจื่อหยวนสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
หวังพึ่งตัวเองคงไม่รอด เกรงว่า…
“ช่วยด้วย! ท่านประ…”
กี๊!
ถวนจื่อลดปีกข้างหนึ่งลง พลันฟาดใส่ศีรษะของเจียงจื่อหยวนอย่างแรง
นางส่งเสียงอู้อี้ด้วยความเจ็บปวด
ภาพตรงหน้าของเจียงจื่อหยวนค่อยๆ มืดลง ก่อนจะเป็นลมพับไป
ถวนจื่อไม่สนใจ และทำเพียงหิ้วเจียงจื่อหยวนที่แน่นิ่งไปแล้ว และบินออกไปไกลๆ
ตามที่เจ้านายสั่งไว้ บินวนเล่นสักสองรอบแล้วกัน
…
ทุกคนในจัตุรัสล้วนตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พวกเขาอึ้งจนพูดไม่ออกกันสักคน
อะ ออกไปเช่นนั้นเลยหรือ?
นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน!
ครั้นเห็นเจียงจื่อหยวนถูกพาตัวไป ไป๋หลีฉุนพลันตอบสนองก่อนใคร
เขาลุกพรวดขึ้น แล้วจ้องเขม็งไปทางฉู่หลิวเยว่
“ฉู่เยว่! คิดจะทำอันใดของเจ้ากัน!?”
น้ำเสียงแข็งกร้าวตวาดลั่นด้วยความโกรธ
ดวงตากลมของฉู่หลิวเยว่โค้งลงเป็นรอยยิ้ม พลันแย้มยิ้มให้เขา
“ท่านประมุขไป๋หลี ตอนนี้ข้ากำลังทำอันใดนั้น มิใช่ว่าทุกท่านเห็นแล้วหรอกหรือ? ก็กำลังประลองน่ะซี!”
“หงส์ทองตัวนั้นคืออสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาของข้า ข้าเรียกมันออกมาสู้ ย่อมมิใช่เรื่องผิดกระมัง?”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม หากแต่ดวงตากลมใสกลับเย็นชายิ่ง
“ข้ายอมไม่ใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อแล้ว หรือจะบอกว่า… แม้แต่เรียกอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมา ก็มิได้หรือ?”
ไป๋หลีฉุนถึงกับสำลัก
แน่นอนว่าในโลกนี้ไม่มีข้อห้ามเช่นนั้น
ผู้ฝึกตนคนใดก็ตามที่ทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ ย่อมรู้สึกว่าเขาเป็นหนึ่งเดียวกับพวกมัน
การที่ฉู่หลิวเยว่ทำเช่นนี้ ย่อมมิใช่เรื่องแปลกอันใด
เพียงแต่อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่เขาอัญเชิญออกมานั้น มันน่าตกใจเกินไปต่างหาก!
อสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาล…
เพียงจำนวนของคนในจัตุรัสที่เคยเห็นมัน ก็ถือว่าน้อยคนแล้ว นับประสาอันใดกับคนทำสัญญากันล่ะ!?
“หากท่านคิดว่าการที่ข้าเรียกถวนจื่อออกมา เป็นการทำผิดกฎ เช่นนั้น… ท่านก็น่าจะบอกกันตั้งแต่เนิ่นๆ? บอกข้าตอนนี้ คงจะสายไปแล้วกระมัง?” ฉู่หลิวเยว่กล่าวทีละวรรคทีละตอนอย่างช้าๆ
ไป๋หลีฉุนหน้าถอดสีทันที
บอกตั้งแต่เนิ่นๆ หรือ…
เขาจะรู้ได้อย่างใดว่าเด็กหนุ่มธรรมดาผู้นี้ จะซ่อนไพ่เด็ดเช่นนี้ไว้!
ถ้ารู้แบบนี้ เขาจะไม่ยอมให้เจียงจื่อหยวนท้าประลองเด็ดขาด!
แต่มาพูดตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นเจียงจื่อหยวนที่ถูกหิ้วออกไปไกลเรื่อยๆ
ราวกับว่าหงส์ทองตัวนั้นจะไม่กลับมาอีกแล้ว!
เวลาเพียงครึ่งก้านธูปจะหมดลงในไม่ช้า หากเจียงจื่อหยวนไม่สามารถรับการรักษาได้ทันเวลา เช่นนั้น…
“เจ้ารีบสั่งให้หงส์ทองคำนั่นพาหยวน… เสี่ยวหลิวกลับมาเดี๋ยวนี้! หากเกิดอันใดขึ้นกับเขา ข้าไม่เอาเจ้าไว้แน่ๆ!”
“แต่ว่า… ตอนนี้พวกเรายังประลองอยู่มิใช่หรือ?”
ไป๋หลีฉุนโกรธจนควันออกหู
ยังจะประลองอีกหรือ!
“ข้าขอสั่งเจ้า ให้หยุดการประลองเดี๋ยวนี้!”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มรับอย่างสุภาพ แต่กลับดูเย็นชายิ่ง
“ประมุขไป๋หลี ดูเหมือนตอนนี้ท่าน… จะไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้กระมัง?”
ไป๋หลีฉุนดำรงตำแหน่งประมุขของพระราชวังเมฆาสวรรค์มาหลายร้อยปี และวางตัวสูงส่งมาแต่ไหนแต่ไร มีหรือจะเคยถูกใครหักหน้ากันเช่นนี้?
และยังต่อหน้าผู้คนมากมายอีกด้วย!
คำพูดของฉู่หลิวเยว่ จุดไฟแค้นในใจเขาที่ถูกระงับไว้ครู่หนึ่ง ให้โหมกระพือขึ้นอีกครา
“เจ้ามันอวดดี!”
และยังไม่ทันได้พูดจบ เขาก็ยกมือขึ้นแล้วระเบิดพลังออกไป!
พลังปราณสายนั้นผันรูปเป็นกระบี่ แล้วพุ่งตรงไปยังหน้าอกของฉู่หลิวเยว่!
คลื่นเสียงพุ่งผ่านอากาศราวอัสนีบาต!
สีหน้าของทุกคนล้วนตกตะลึง!
ไม่มีใครคิดว่าไป๋หลีฉุนจะลงมือฉับพลันเช่นนี้!
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและผู้อาวุโสวั่นเจิงร่วมด้วยช่วยกัน!
“ฉู่เยว่ ระวัง!”
แต่มีคนบางคนเร็วกว่าพวกเขา!
ลำแสงสีทองพุ่งตัดผ่านอากาศ พลันแปลงกลายเป็นตาข่ายขนาดยักษ์ ห่อหุ้มกระบี่เล่มนั้นไว้!
แล้วบีบรัดอย่างรุนแรง!
ตู้ม!
เสียงกัมปนาทดังสนั่นหวั่นไหว!
กระบี่เล่มยาวแตกออกเป็นเสี่ยง!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง แต่ก็ถูกตาข่ายสีทองกลืนกินอย่างรวดเร็ว และมลายหายไปอย่างเงียบเชียบ
จากนั้น ตาข่ายสีทองก็ควบแน่นแลบีบอัดจนกลายเป็นผีเสื้อตัวเล็กๆ ก่อนจะบินไปเกาะบนไหล่ฉู่หลิวเยว่ และจางหายไปอย่างไร้สุ้มเสียง
แววตาของฉู่หลิวเยว่สั่นไหว
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงพริบตา!
ตั้งแต่ต้นจนจบ พลังปราณของไป๋หลีฉุน ไม่อาจสัมผัสโดนฉู่หลิวเยว่ได้เลยสักนิด
ทุกคนล้วนเงียบเสียงลง สายตามองหรงซิวสลับกับไป๋หลีฉุน พลันตกตะกอนความคิดกันต่างๆ นาๆ
คนที่ลงมือ… คือหรงซิว!
แม้จะดูออกตั้งนานแล้วว่าสองคนนี้ไม่ชอบหน้ากัน แต่พวกเขาก็คิดเสมอว่า เพื่อเกียรติยศของพระราชวังเมฆาสวรรค์แล้ว หรงซิวและไป๋หลีฉุนคงจะไม่หักล้างกันง่ายๆ หรอก
แต่คิดถึงไม่ถึงว่า สิ่งเหล่านั้นจะมาถึงเร็วเช่นนี้!
หรงซิวหยุดเขาด้วยเอง เท่ากับว่าเป็นการตบหน้าไป๋หลีฉุนกลางสาธารณะชนเลยมิใช่หรือ!?
หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นต่อหน้าผู้คนมากมาย ไม่เว้นว่างให้ได้พักหายใจหายคอกันเลย!
หรงซิวเป็นคนมองการณ์ไกลและมีแบบแผน ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ว่า การยื่นมือเข้าแทรกในครานี้ จะผลักดันสถานการณ์ไปในทิศทางใด
แต่เขาก็ยังทำมัน
และ… โดยไร้ความลังเลด้วย!
แม้แต่พวกผู้อาวุโสวั่นเจิงเอง ยังช้ากว่าเขาหนึ่งก้าว!
บรรยากาศรอบข้างเย็นยะเยือกและอัดแน่น ประหนึ่งถูกแช่แข็งก็มิปาน
ใบหน้าของไป๋หลีฉุนบูดบึ้งจนไม่น่ามอง!
เขาจ้องหรงซิวตาเขม็ง
“โอรสสวรรค์ นี่หมายความว่าอย่างใด?”
เขาเข้าด่านไปไม่กี่ปี แต่พอก้าวขาออก ทั้งโลกกลับเปลี่ยนไปในพริบตา!
ตอนนี้หรงซิวเริ่มทำตัวจองหองมากขึ้นเรื่อยๆ ขนาดที่ว่ากล้าขัดแข้งขัดขาเขา ต่อหน้าฝูงชนมากมาย!
แล้วจะให้เขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!?
สิ่งที่ไป๋หลีชุนไม่รู้ก็คือหรงซิวไม่สนใจใบหน้าของเขาเลย
แต่ที่ไป๋หลีฉุนไม่รู้ก็คือ หรงซิวไม่เคยไว้หน้าเขาอยู่แล้ว
ทำให้เขายื่นมือเข้าไปขวางโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ
“คนของข้า ข้าย่อมปกป้องเขา”
สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความหนักแน่นและตรงไปตรงมา น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นไพเราะเสนาะหู
ก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้ตามเดิมอย่างคร้านจะเสวนา
ราวกับเขาไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เลย
“เจ้า…”
“การประลองยังไม่จบ การที่ท่านประมุขหุนหันลงมือนั้น เพราะต้องการให้คนอื่นคิดว่า พระราชวังเมฆาสวรรค์ของข้า ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้หรือ?”
ก่อนที่ไป๋หลีฉุนจะได้บันดาลโทสะออกมา หรงซิวก็ชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน
มุมปากหยักยกเป็นรอยยิ้ม และเตือนเขาว่า
“ทุกคนที่นี่ล้วนมองอยู่”
เจ้าจะหักหน้าใครก็ได้ แต่ห้ามดึงพระราชวังเมฆาสวรรค์ไปเกี่ยวด้วยเด็ดขาด!