ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1467 ตัวตน
ตอนที่ 1467 ตัวตน
ไป๋หลีฉุนไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อน
ทว่าด้วยทัศนคติอันหนักแน่นแลสมเหตุสมผลของหรงซิว ทำให้เขามิอาจหาเหตุผลมาหักล้างกับอีกฝ่ายได้ขณะหนึ่ง
และสิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวมากกว่าเดิมก็คือ พลังของหรงซิว ที่เหมือนจะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก!
ก่อนหน้านี้เข้าใช้พลังครึ่งหนึ่งในการโจมตี แต่หรงซิวกลับสกัดกั้นและปราบมันได้อย่างง่ายดาย…แค่นี้บอกทุกอย่างได้แล้ว!
หลังจากสงบสติอารมณ์ได้ครู่หนึ่ง เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ พลางขจัดความขุ่นเคืองและความโกรธในใจออกไป
จะปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไปไม่ได้
เพราะร่างกายของเจียงจื่อหยวน ใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว!
พอคิดเช่นนี้ ไป๋หลีฉุนพลันหายใจเข้าเฮือกใหญ่ และหันไปมองฉู่หลิวเยว่
“เช่นนี้แล้ว ข้าขอยอมแพ้แทนเขา! แค่นี้ก็จบการประลองได้แล้วใช่หรือไม่?”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน
ไป๋หลีฉุนดูใส่ใจเสี่ยวหลิวผู้นั้นเสียจริง…
“ในเมื่อท่านลั่นวาจาเอง เช่นนั้นย่อมไม่มีปัญหา”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเยาะเบาๆ
ไป๋หลีฉุนสบทเสียงต่ำหนึ่งที และนั่งลงบนเก้าอี้
แต่หลังจากรออยู่พักหนึ่ง เจ้าหงส์ทองตัวนั้น ก็ยังไม่พาเจียงจื่อหยวนกลับมา
เขาขมวดคิ้วมุ่น พลันถามอีกครั้ง
“ฉู่เยว่ เหตุใด…หงส์ทองตัวนั้นของเจ้า ถึงยังไม่พาเขากลับมาอีก?”
เหลือเวลาไม่มากแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบาง และพูดว่า
ไป๋หลีฉุนเริ่มร้อนใจขึ้นมา
ต้องรออีกสักพักรึ?
เช่นนั้นที่เขายอมออกหน้าขอออมแพ้เองเมื่อครู่ ก็ไม่มีความมหายเลยสิ?
“จะ…เจ้าสั่งให้มันกลับมาได้แล้ว! เสี่ยวหลิวได้รับบาดเจ็บ ต้องรีบรักษาโดยด่วน!”
ฉู่หลิวเยว่พลันทำสีหน้าลำบากใจ
“แต่… ถวนจื่อกำลังมีความสุข และบางครั้งมันก็ไม่ค่อยฟังข้าเท่าใด ท่านว่า…”
ไป๋หลีฉุนโกรธจนบ้าตายอยู่แล้ว!
“พร่ำเพ้ออันใดของเจ้า! ในเมื่อมันเป็นอสูรในพันธสัญญาของเจ้า ก็ต้องฟังเจ้าสิ! หากเจ้าสั่งให้มันบินกลับมา มีหรือมันจะกล้าขัดเจ้า?”
“มันกล้าหนา!”
ฉู่หลิวเยว่สวนกลับทันที
นางหรี่ตาลงพลันหัวเราะคิดคักราวหยอกเย้า
“โอ้ ท่านคงไม่รู้ว่าถวนจื่อคืออสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาล มันมักจะอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่เสมอ และบางครั้ง แม้แต่ข้าเองก็ยังทำอันใดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
ครั้นได้ยินเช่นนี้ ริมฝีปากของผู้ชมทุกคนพลันกระตุกเบาๆ
คงไม่รู้หรือ…
เรื่องนี้ใครใครก็รู้กันทั้งนั้น!
แต่พวกเขาแค่ไม่มีสัญญาสร้างพันธะกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลเท่านั้น!
ฉู่เยว่ผู้นี้ ช่างปากร้ายยิ่งนัก
“ท่านประมุขขอรับ”
จู่ๆ หรงซิวก็เอียงศีรษะไปมองเขา แล้วอมยิ้มเล็กน้อย
“ยามที่เสี่ยวหลิวผู้นั้นกลืนยาหมีเซียวลงไป ก็น่าจะคำนึงถึงผลในตอนนี้ไว้แล้ว ผู้ใดทำผู้นั้นรับ ในเมื่อกลืนเข้าไปเอง ย่อมต้องรับผิดชอบด้วยตนเองมิใช่หรือ?”
ไป๋หลีฉุนแย้งไม่ออก ในใจทั้งเป็นห่วงและเสียใจ
แต่เขาไม่กล้าบอกเรื่องตัวตนที่แท้จริงของเจียงจื่อหยวน
มิเช่นนั้น เขาได้อับอายขายขี้หน้าไปทั้งยุทธภพแน่ๆ!
และเกรงว่าหลังจากนี้ เจียงจื่อหยวนคงมิอาจกลับไปที่พระราชวังเมฆาสวรรค์ได้อีก!
เขามีวิธีช่วยเหลือและปกป้องนางนับไม่ถ้วน แต่ถ้ามันกระทบถึงพระราชวังเมฆาสวรรค์ล่ะก็ อย่าว่าแต่หรงซิวเลย ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกและคนอื่นๆ ก็คงไม่ยอมเช่นกัน
ดังนั้น…เขาจึงทำได้เพียงยอมรับมัน!
เวลาล่วงเลยไปทีละนิด
เมื่อเห็นว่าเวลาครึ่งก้านธูปกำลังจะหมดลง ในที่สุดไป๋หลีฉุนก็ตะโกนขึ้นอีกครั้งอย่างอดรนทนไม่ได้
“ฉู่เยว่! ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย หากเสี่ยวหลิวเป็นอันใดไปล่ะก็ เจ้ารับผิดชอบไม่ไหวแน่!”
เห็นได้ชัดว่าฉู่เยว่จงใจทำเช่นนี้!
เขาลุกพวรดขึ้น
“ข้าไปเอง!”
หากหงส์ทองคำไม่กลับมา เขาก็จะไล่ตามมันไปเอง!
แต่ในขณะที่ไป๋หลีฉุนคิดว่าฉู่เยว่จะเล่นแง่ ยืดเยื้อเวลาออกไป นางกลับยิ้มกว้างใส่เขา
“ประมุขไป๋หลี่ มิต้องร้อนใจไป ท่านดูสิ…มิใช่ว่ามันกำลังบินกลับมาหรอกหรือ?”
“อันใดกัน?”
ไป๋หลีฉุนตกใจพลันเงยหน้ามองตามฉู่หลิวเยว่ ก่อนจะเห็นเส้นแสงสีทองเหลือบแดงพุ่งผ่านท้องนภาไปอย่างรวดเร็ว
มันคือหงส์ทองคำที่บินหนีหายไปนาน!
ฉู่หลิวเยว่ทำทีถอนหายใจอย่างโล่งใจ แล้วโบกมือให้ถวนจื่อ
ถวนจื่อสะบัดกรงเล็บของมัน แล้วโยนร่างของเจียงจื่อหยวนลงบนพื้น
จากนั้นก็พับเก็บปีกของตน และย่อขนาดตัวลงให้เหลือเท่าฝ่ามือ แล้วกระเถิบไปนั่งยองๆ บนไหล่ของฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่เคาะหัวมันเบาๆ
คิก คิก…ทำได้ไม่เลวเลย
ถวนจื่อเขยิบตัวออกมาด้านหน้าเชื่อฟัง และอยากถูไถกับแก้มเนียนๆ ของนางเสียสองสามที
แต่ก่อนจะได้สัมผัสดวงหน้านวล ก็พลันรู้สึกเย็นวาบไปทั้งกาย
มันชะงักตัวแข็งทื่อ พลางหันไปมองหรงซิวที่นั่งอยู่ไม่ไกลด้วยสายตาขุ่นเคือง
นี่เจ้านายของมันนะ เหตุใดมันจะออดอ้อนเจ้านายตัวเองไม่ได้!
เหอะ!
หรงซิว เจ้าจอมเผด็จการ!
รอก่อนเถอะ เดี๋ยวมันจะขอให้เจ้านายช่วยแก้แค้น!
หากแต่ฉู่เยว่ไม่ได้สังเกตเห็นคลื่นใต้น้ำอันรุนแรงนี้ ดวงตากลมจ้องมองเจียงจื่อหยวนที่นอนนิ่งอยู่กับพื้น
ยามนี้เนื้อตัวของเจียงจื่อหยวนเต็มไปด้วยเลือดและรอยฟกช้ำ ใบหน้าของขาวซัดราวไร้วิญญาณ
ถ้าไม่ใช่เพราะลมหายใจแผ่วเบาที่ยังไหลวนเข้าออก ทุกคนคงคิดว่านางตายแล้ว
ไป๋หลีฉุนขยับตัวและกำลังจะเดินเข้าไป
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับตัดหน้าเขา และเดินถึงข้างตัวเจียงจื่อหยวนก่อนใคร
“อย่าแตะต้องเขา!”
ไป๋หลีฉุนตกใจพลันลั่นวาจาดังก้อง!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้ามองเขาด้วยความฉงน นัยน์ตากลมโตปรากฏร่องรอยความสงสัย
“ข้าเพียงจะช่วยตรวจดูบาดแผลของเขา ท่านวางใจเถิด ข้าเองก็เป็นเซียนหมอ”
แลถึงนางอยากจะทำอันใดนอกเหนือจากนี้จริงๆ แต่ก็ไม่กล้าทำประเจิดประเจ้อต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้
ประมุขไป๋หลีผู้นี้ วิตกกังวลเกิดเหตุไปหรือเปล่า
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงทันควัน พร้อมกับความคิดหนึ่งที่แวบเข้ามาในหัว
ถ้าจำไม่ผิด ประมุขไป๋หลีผู้นี้ไม่สมรสและไร้ทายาท
แถมยังมีนิสัยเข้มงวด และอารมณ์ฉุนเดียวนัก
แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เขาโอนอ่อนลงได้เช่นนี้ เหมือนว่าจะเป็น…
พอคิดเช่นนี้แล้ว หัวใจของฉู่หลิวเยว่พลันสั่นไหว
แล้วยื่นมือออกไปจับใบหน้าของอีกฝ่าย