ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1468 เหมือนตกนรก!
ตอนที่ 1468 เหมือนตกนรก!
เมื่อไป๋หลีฉุนเห็นภาพนี้ก็พลันตื่นตระหนก ใจกระเด็นกระดอนขึ้นมาถึงลำคอ
“หยุด…!“
แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยจบ ปลายนิ้วของฉู่หลิวเยว่ ก็สัมผัสกับปรางแก้มของอีกฝ่ายแล้ว
ความสับสนฉงนใจพลันจางหายในทันตา ฉู่หลิวเยว่โล่งอก มุมปากเรียวสวยหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างเชื่องช้า
จริงเสียด้วย…
ชายหนุ่มบนพื้นนอนนิ่งไม่ไหวติง
มือเรียวของฉู่หลิวเยว่ลูบคล่ำไปจนถึงปลายคางและใช้ปลายนิ้วลูบคลึงเบาๆ
ชายคนนั้นขมวดคิ้ว ราวกับว่าถูกรบกวนจากสัมผัสของนาง และพยายามฝืนลืมตาขึ้นมา
เดิมทีเจียงจื่อหยวนเป็นลมหมดสติไปแล้ว
แต่จู่ๆ นางก็รู้สึกคันยุบยิบบริเวณใบหน้า จนนึกหงุดหงิดรำคาญใจขึ้นมา
และด้วยสติอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ ทำให้นางตระหนักรู้ถึงสถานการณ์เลวร้าย ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัว
ใครกำลังจับหน้านาง!
นางลืมตาโพล่ง แสงแดดเจิดจ้าสาดส่องลงมาจนตาพล่ามัว
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดนางก็มองเห็นรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายได้ชัดเจน
“กรี๊ด…”
เจียงจื่อหยวนหวีดร้องด้วยความหวาดกลัว!
และเกือบจะยกมือขึ้นผลักอีกฝ่ายออกไป!
ทว่ายามนี้ กระดูกจำนวนหนึ่งในกายของนางแตกหักไปตั้งเท่าใดไม่รู้ อวัยวะภายในทั้งหมดถูกบีบอัดหลอมรวมกัน และน่าจะได้รับความเสียหายขั้นรุนแรง
อย่าว่าแต่ผลักคนเลย แค่แรงจะยกมือยังไม่มีด้วยซ้ำ
ฉู่หลิวเยว่ตกใจเสียงกรีดร้องของนาง และผงะถอยหลังไปเล็กน้อย ทว่ายังคงไม่ละมือออกจากใบหน้าของอีกฝ่าย
“เจ้าวางใจเถอะ การประลองจบลงแล้ว ข้าจะช่วยเช็ดเลือดให้…”
เช็ดลงเช็ดเลือดอะไร!
“จะ…เจ้าไสหัวออกไปเลย!”
เจียงจื่อหยวนอยากถอยหนีจากคนผู้นี้ยิ่งนัก
แต่น่าเสียดายที่ยามนี้ร่างกายของนางแทบเรียกได้ว่าเป็นอัมพาต และท่าท่างดีดดิ้นเช่นนั้น มีแต่จะทำให้นางดูเหมือนไส้เดือนใกล้ตายตัวหนึ่ง
“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึ? เอามือของเจ้าออก…”
ไป๋หลีฉุนพุ่งตัวเข้าไปทันที
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วราวสับสนเล็กน้อย
“ขะ…ข้าไม่ได้จะทำอันใด ข้า…แค่ หือ สิ่งนี้คือสิ่งใดหนอ?”
ขณะกล่าวเช่นนั้น นางก็หมุนข้อมือเบาๆ และหน้ากากหนังแผ่นบางราวกับปีกจักจั่น ก็ปรากฏขึ้นบนมือนาง
เจียงจื่อหยวนแสบร้อนไปทั้งหน้า!
“มันเจ็บ!”
เพื่อให้หน้ากากแนบสนิทไปกับผิวเนื้อมากขึ้น นางจึงใช้เคล็ดลับพิเศษนิดหน่อย เพื่อเสริมความแข็งแรงและเหนียวแน่นให้มัน และถ้าต้องการถอดมันออก จักต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับฉีกกระชากมันออกอย่างดุเดือด และแทบฉีกหนังหน้าของนางไปด้วย แล้วจะไม่ให้นางกรีดร้องอย่างเจ็บปวดได้อย่างใด?
แต่ไม่นาน สุ้มเสียงรอบด้านก็พลันเงียบลง ทำให้นางฉุกคิดได้ว่าเกิดอันใดขึ้น!
นางเงยหน้าขึ้นทันทีและมองไปรอบๆ!
ทุกคนหันมองนางเป็นตาเดียว พลางทำสีหน้าคละเคล้ากันไป ดวงตาฉายแววตกใจระคนสงสัย
ใบหน้าของนาง!
เมื่อเป็นเช่นนี้ เจียงจื่อหยวนถึงได้สติคืนมา ความหวาดกลัวก่อตัวขึ้นในส่วนลึกของจิตใจ ร่างกายเย็นเฉียบราวถูกแช่แข็ง!
ไป๋หลีฉุนซึ่งห่างออกไปไม่กี่ก้าว พลันชะงักฝีเท้า ริมฝีปากของชายชราสั่นเครือราวเสียสติ
จบสิ้นแล้ว…
ทันใดนั้น ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็ยืนขึ้น สีหน้าบึ้งตึงไม่สบอารณ์ยิ่ง
“เจียงจื่อหยวน? ไยเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่!”
ใบหน้าเช่นนี้ พวกเข้าคุ้นเคยเป็นอย่างดี!
และคำถามนี้ยังทำให้คนที่เหลือที่ยังไม่แน่ใจ ตระหนักรู้ได้ในทันที
“แท้จริงแล้วคือเจียงจื่อหยวนรึ? ไม่ใช่ว่านางถูกไล่ออกจากสำนักหลิงเซียวแล้วหรอกหรือ? เหตุใดวันนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
“ได้ยินว่านางถูกไป๋หลีเลี้ยงดูอุ้มชูมาอย่างดี และยังมีสถานะสูงส่งในพระราชวังเมฆาสวรรค์ด้วย! แต่ไม่คิดเลยว่า ทั้งๆ ที่นางถูกไล่ออกและทำตัวเสื่อมเสียถึงเพียงยนี้ พระราชวังเมฆาสวรรค์ ก็ยังจะโอบอุ้มนางไว้อีก?”
“ไม่เข้าใจเลยว่านางมีอันใดดีหนักหนา…ดูจากการประลองเมื่อครู่แล้ว ฝีมือก็ดูธรรมดา มวลลมปราณก็น้อยกว่า เทียบกันไม่ได้เลยสักนิด”
“เห็นว่าเมื่อก่อนไป๋หลีฉุนคิดจับนางตบแต่งกับหรงซิวด้วยนา แต่หรงซิวดันกลับมาเลือกชายาเองเสียก่อน ไม่ให้โอกาสนางเลยสักนิด! พอมาดูตอนนี้ ข้าว่าเขาน่ารู้ธาตุแท้ของเจียงจื่อหยวนตั้งแต่แรกแล้ว จึงไม่เคยชายตามองนางเลยกระมัง?”
“จิ๊…ถ้าข้าเป็นเจียงจื่อหยวนแล้วโดนไล่ออกจากสำนักเช่นนี้ ข้ายอมมุดหัวอยู่แต่ในรูเสียดีกว่า! คิดไม่ถึงว่านางจักหน้าด้านเช่นนี้ แถมยังใช้สิทธิ์ความเป็นคนโปรดของไป๋หลีฉุน ปลอมตัวติดสอยห้อยตามมาที่นี่อีก? นี่นางไม่รู้จริงๆ หรือว่าการทำเช่นนี้มันน่าอับอายเพียงใด?”
“หลังจากวันนี้ นางคงไม่มีที่ยืนในอาณาจักรเสิ่นซวี่แล้วกระมัง?”
…
ถ้อยคำมากมายหลั่งไหลเข้าหูไม่หยุด
เจียงจื่อหยวนตัวสั่นงันงก หยาดน้ำตาร่วงหล่นลงมาไม่ขาดสาย
นางมองดูไป๋หลีฉุนด้วยดวงตาแดงเรื่อ
ตอนนี้มีเพียงท่านประมุขเท่านั้น ที่สามารถช่วยนางได้…
ไป๋หลีฉุนหลับตาลง พลางกล่าวเน้นที่ละคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จำต้องเผชิญหน้ากับมันสถานเดียว
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนยิ้มเยาะ
“เรื่องนี้พวกเราทุกคนเห็นแล้ว ประมุขไป๋หลี เจ้ารู้ดีว่าข้ากำลังถามเรื่องใด!”
เจียงจื่อหยวนถูกไล่ออกจากสำนักหลิงเซียว ตามกฎแล้ว นางจะไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้าไปในเขตของสำนักหลิงเซียวอีกต่อไป!
แต่วันนี้ไป๋หลีฉุนก็ยังพานางมาอีก?
นี่เขาทำเพื่อหักหน้าใครกัน?
ไป๋หลีฉุนไม่ค่อยถูกถามแบบนี้ ยามนี้จึงเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาบ้าง
“หยวนหยวนเป็นคนของพระราชวังเมฆาสวรรค์ ข้าพานางมาที่นี่แล้วมันเป็นอันใดนัก!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ
“พูดก็พูดเถอะ เมื่อก่อนยามอยู่ในสำนักวิชา หยวนหยวนก็ประพฤติตัวดีมาโดยตลอด ตอนนี้แค่นางทำผิดเล็กๆ น้อยๆ เจ้าถึงกับไล่นางออก มันไม่เกินไปหน่อยหรือ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนแค่นเสียงหัวเราะด้วยความโกรธ ดวงตาคมกริบราวกับมีด กวาดมองเจียงจื่อหยวนตั้งแต่หัวจรดเท้า
เจียงจื่อหยวนก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
“ความผิดเล็กๆ น้อยๆ หรือ? ดูเหมือนจะมีบางเรื่อง ที่เจ้ายังไม่รู้สินะ สาเหตุที่เจียงจื่อหยวนถูกไล่ออกจากสำนัก นางได้เล่าให้เจ้าฟังหรือไม่?”
ไป๋หลีฉุนขมวดคิ้วมุ่น และรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
น้ำเสียงเช่นนี้…
“อะ…อัก!”
ขณะเดียวกัน ภายในของเจียงจื่อหยวน พลันปวดร้าวขึ้นมาอย่างรุนแรง!
นางทนไม่ไหวและหลุดเสียงร้องออกมา
ไป๋หลีฉุนรีบวิ่งเข้าไป และช่วยพยุงนางขึ้นมา
“หยวนหยวน เจ้าเป็นอย่างใดบ้าง!”
เจียงจื่อหยวนอาเจียนเป็นเลือดไม่หยุด จนมิอาจเอื้อนเอ่ยคำใดได้
ก้อนเลือดเหล่านั้นเป็นสีดำ
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองมัน แล้วเอ่ยเตือนเบาๆ
“เหมือนว่า… ยาหมีเซียงจะออกฤทธิ์ครบครึ่งก้านธูปแล้ว ชีพจรดั้งเดิมของนางกำลังฉีกขาด”