ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1501 เกี่ยวข้องกับเจ้าด้วยหรือ
…………….
คำพูดนี้ทำให้ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ ชะงักไป
“โอวหยาง เจ้าพูดอันใดน่ะ?”
ทัณฑ์สวรรค์ถูกขโมย มันจะเป็นไปได้อย่างใด?
ร่างของผู้อาวุโสโอวหยางแข็งค้าง ก่อนจะพุ่งตัวไปที่ด้านข้างของพวกเขา สีหน้าเต็มไปด้วยความโมโหและร้อนรน มือหนึ่งชี้ไปที่ตาน้ำ
“ที่แห่งนี้รวบรวมทัณฑ์สวรรค์มาหลายปีแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะถูกขโมยไป แล้วมันจะระเบิดออกมาอย่างกะทันหันได้อย่างใด?”
ช่วงนี้เขาเดินสำรวจอยู่แถบนี้เป็นประจำ คาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อย!
จนกระทั่งตอนนี้เรื่องได้เกิดขึ้นมาแล้ว หากคิดจะมารับมือก็เป็นเรื่องที่ยากยิ่ง!
“แล้ว เช่นนั้นควรทำอย่างใด?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงมีสีหน้ามึนงงสับสน
เขาหมื่นเมรัยมีสถานะพิเศษ โดยทั่วไปแล้ว เขาหมื่นเมรัยจะอยู่ในการดูแลผู้อาวุโสโอวหยางและปรมาจารย์ด้านการหลอมอาวุธ
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ มีหน้าที่สนับสนุนเท่านั้น แม้พวกเขาจะรู้ว่าเขาหมื่นเมรัยเป็นสถานที่สำคัญ และรู้ว่าตาน้ำแห่งนี้มีความล้ำค่าอย่างยิ่ง ไม่สามารถแตะต้องได้ตามอำเภอใจ แต่รายละเอียดเบื้องลึกเบื้องหลังนั้น พวกเขากลับไม่ได้รู้อย่างชัดเจน
ตอนนี้เรื่องได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พวกเขาจึงทำได้เพียงร้อนรนตามกันไปเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าควรจะจัดการอย่างใดถึงจะดีที่สุด
ผู้อาวุโสโอวหยางลูบใบหน้าที่ฉุนเฉียวของตนเอง
“ทำอย่างใดดีล่ะ… ทำอย่างใดดี… ตาน้ำถูกแช่แข็งแล้ว นั่นหมายความว่าทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่ภายในถูกขโมยไปเป็นจำนวนไม่น้อย ต่อให้ปรมาจารย์ด้านการหลอมอาวุธมาหลอมอาวุธพร้อมกันเพื่อเรียกทัณฑ์สวรรค์ เกรงว่ามันก็คงจะไม่ทันแล้ว!”
ต้องบอกก่อนว่า เพื่อการควบคุมตาน้ำแห่งนี้ ตลอดหลายปีมานี้พวกเขาขยันหมั่นเพียรกันอย่างมาก ไม่รู้ว่าทุ่มแรงกายแรงใจไปเท่าไรแล้ว!
ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นมาแล้ว เพียงแค่ในเวลาสั้นๆ จะสามารถช่วยให้รอดพ้นจากอันตรายได้อย่างใด?
พวกเขาทั้งหลายตระหนักถึงความร้ายแรงในเรื่องนี้แล้ว ความเงียบจึงเข้าปกคลุม สีหน้าของทุกคนตึงเครียดมากขึ้น
ในตอนนั้นเองมีเงาร่างของคนผู้หนึ่งพุ่งเข้ามาใกล้ด้วยความรวดเร็ว
พวกเขาทั้งหลายเงยหน้าขึ้นไปมอง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นซั่งอวี้เซิน
เขาขมวดคิ้วขึ้นแล้วมองไปทางคนเหล่านั้น
“ตาน้ำเริ่มถูกแช่แข็งแล้ว เหตุใดพวกเจ้ายังยืนนิ่งอยู่ล่ะ?”
“ซั่งอวี้เซิน เหตุใดเจ้าถึงยังอยู่ในสำนักล่ะ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ทุกครั้งเขาจะอยู่ในสำนักไม่เกินหนึ่งเดือน
ครั้งนี้เขากลับมาอยู่ได้สักเวลาหนึ่งแล้ว คาดไม่ถึงว่าจนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่จากไป
ซั่งอวี้เซินกลอกตามองบนอย่างอดไม่ได้
“ฮวาเฟิง นี่มันเวลาอันใดแล้ว เหตุใดเจ้าถึงยังสนใจเรื่องนี้อยู่?”
ความจริงเขาอยากจะอยู่สำนักให้นานกว่านี้ และขอให้เจ้าเด็กฉู่เยว่นำกระบี่ชื่อเซียวออกมาให้เขาได้ศึกษามากหน่อย
คิดไม่ถึงแล้วว่าช่วงนี้จะมีเรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความล่าช้าเช่นนี้
จนกระทั่งวันนี้ มันยิ่งเกินขอบเขตไปกว่านั้น… จากเด็กหนุ่มกลายเป็นนังหนูเสียแล้ว!
“ผู้อาวุโสซั่งกวนคนนั้นเล่า?”
ซั่งอวี้เซินพูดขึ้นอย่างตรงประเด็น
“เขาถือว่าเป็นปรมาจารย์ด้านการหลอมอาวุธ หากมีเขามาช่วย ไม่แน่ว่าอาจจะมีความหวังอยู่บ้าง”
ผู้อาวุโสโอวหยางตบศีรษะของตนเอง
“ข้าลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างใด!”
แม้ว่าเรื่องนี้จะลำบากอย่างยิ่ง แต่พวกเขาก็มีตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมอยู่!
แต่เมื่อผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที
ในตอนที่พวกเขามาถึง เขาก็ได้ยินเสียงคำรามของมังกร เสียงนั้นเต็มไปด้วยแรงคุกคามและคำเตือน
“เหมือนว่าจะมีเผ่ามังกรมาหาเรื่องเขาที่นี่ ตอนนี้เขาคงไม่ได้อยู่ในสำนักกระมัง”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพูดขึ้นเสียงทุ้มต่ำ
ซั่งอวี้เซินและผู้อาวุโสโอวหยางต่างมองหน้ากัน เห็นได้ชัดว่ากำลังสับสนมึนงงอย่างมาก
“เผ่ามังกร? มันเกิดเรื่องอันใดกันขึ้นอีกละเนี่ย?”
“ตันชิงไปจัดการแล้ว ส่วนรายละเอียดนั้นพวกเรายังไม่รู้ แต่… ผู้นั้นได้สยบมังกรเก้าตัวภายในสุสานที่บุพกาลชายแดนเหนือ ถ้าข้าเดาไม่ผิดละก็ น่าจะเป็นเผ่ามังกรที่มาคิดบัญชีแค้นกับเขา”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนคาดเดาเรื่องบางอย่างด้วยความไม่แน่ใจ
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาหมื่นเมรัยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อีกเดี๋ยวพวกเขาก็คงจะติดตามออกไปแล้ว
“นี่มันเรื่องอันใดกัน…”
ผู้อาวุโสโอวหยางประสานมือทั้งสองข้างของตนเอง
“สามารถทำให้เผ่ามังกรที่ยิ่งใหญ่ไล่ตามมาถึงหน้าประตูบ้านแบบนี้ได้ ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างแน่นอน จริงสิ เผ่ามังกรที่มาที่นี่ เป็นเผ่าไหนพวกเจ้ารู้หรือไม่?”
พวกเขาทั้งหลายส่ายหน้า
พวกเขาล้วนไม่ได้ไปดู แล้วจะรู้ได้อย่างใด
“แรงกดดันของอีกฝ่ายนั้นหนักหน่วงอย่างมาก เกรงว่าคงต่อกรได้ยาก”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เกรงว่า… เขาอาจจะกลับมาไม่ได้สักช่วงเวลาหนึ่ง”
ซั่งอวี้เซินหันไปมองตาน้ำ น้ำค้างแข็งเริ่มปรากฏตัวขึ้นมาหนึ่งชั้น และแช่แข็งไปได้หนึ่งส่วนสี่แล้ว
จากระดับความเร็วนี้ คงใช้เวลาไม่ทันตาน้ำแห่งนี้ก็จะถูกแช่แข็งจนหมด!
ถึงตอนนั้นก็เกรงว่า…
“ในช่วงนี้พวกเราเฝ้าระวังเอาไว้อย่างระมัดระวังมาโดยตลอด และไม่เห็นว่าตาน้ำจะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เหตุใดจู่ๆ ทัณฑ์สวรรค์ถึงถูกขโมยไปมากขนาดนั้นได้ละ!”
ผู้อาวุโสโอวหยางคิดไม่ออกจริงๆ
ในสถานการณ์ปกติ หากเกิดเรื่องเช่นนี้ พวกเขาจะสามารถสังเกตได้อย่างแน่นอน!
ทันใดนั้นผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนคิดอันใดขึ้นมาได้ หน้าของเขาจึงเปลี่ยนสีไปทันที
“ฮวาเฟิง กษายะหางวายุของฉู่เยว่… ซั่งกวนเยว่ตัวนั้น กลายเป็นหงส์ทองคำตั้งแต่เมื่อไร?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงครุ่นคิดอยู่สักครู่ ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
“หรือว่าเจ้าจะสงสัย…”
“การที่กษายะหางวายุจะทะลวงด่านกลายเป็นสัตว์อสูรระดับบรรพกาล จำเป็นต้องใช้พลังจำนวนมาก ไม่มีอันใดเหมาะสมไปกว่าทัณฑ์สวรรค์ที่ถูกสะสมอยู่ในตาน้ำอีกแล้ว”
“แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับนางเสียหน่อย… ถ้าหงส์ทองคำตัวนั้นของนางเป็นคนทำจริงๆ เหตุใดพวกเราถึงไม่สังเกตเห็นเลยล่ะ?”
พวกเขาทั้งหลายตกอยู่ในความเงียบ
นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกสับสนมากที่สุด
ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ พวกเขาทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับเขาหมื่นเมรัยเป็นจำนวนไม่น้อย
ระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นภายในตาน้ำ พวกเขาล้วนรู้อย่างชัดแจ้ง
แต่การที่ทัณฑ์สวรรค์ถูกขโมยไป เรื่องที่ใหญ่ขนาดนี้ พวกเขากลับไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว!
“ไม่ว่าอย่างใดก็ตามต้องเรียกนางมาสอบถามก่อน”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนออกคำสั่ง
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงจึงทำได้เพียงตอบรับ
“ได้”
…
ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวเพิ่งกลับมาถึงที่จัตุรัสชิงหมิง ก็เห็นว่าผู้อาวุโสฮวาเฟิงเดินไปเดินมา
ตอนที่ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเห็นนางเขาก็รีบวิ่งเข้ามา ฉู่หลิวเยว่จึงรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างมาก
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกวักมือเรียกนาง
“ปั๋วเหยี่ยนเรียกเจ้าให้ไปหา”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ถามอันใดมาก นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินติดตามไป
เมื่อเห็นว่าหรงซิวที่อยู่ด้านข้างจะเดินไปด้วยกัน เดิมทีผู้อาวุโสฮวาเฟิงอยากจะขัดขวาง แต่เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว เขาก็ช่างมัน และพาทั้งสองคนไปยังเขาหมื่นเมรัยโดยเร็วที่สุด
คนที่อยู่ในจัตุรัสชิงหมิงล้วนมีสีหน้ามึนงงสับสน
…
ก่อนที่จะมาถึงเขาหมื่นเมรัย ฉู่หลิวเยว่ก็เหลือบสายตามองแล้วเห็นว่า บนตาน้ำนั้น มีน้ำค้างแข็งก่อตัวขึ้นหนึ่งชั้น
ผู้อาวุโสหลายคนมีสีหน้าตึงเครียดอย่างยิ่ง นางเองก็รู้ว่า ในครั้งนี้… เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแล้ว
สายตาของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนแหลมคมอย่างยิ่ง เขาชี้ไปที่ตาน้ำแล้วพูดตรงประเด็นว่า
“นังหนู เรื่องนี้เจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่?”
…
ในขณะเดียวกันนั้นเองด้านนอกม่านพลังของสำนัก กองกำลังทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากันอยู่
ภายในม่านพลังคือ ซั่งกวนจิ้ง กับผู้อาวุโสของสำนักอีกหลายคน
ด้านนอกม่านพลัง คือชายฉกรรจ์คนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ ดูแล้วอายุประมาณห้าสิบกว่า ด้านหลังของเขา ยังมีเด็กหนุ่มอายุน้อยยืนอยู่อีกสองสามคน
คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดสวมชุดคลุมยาวสีเทา รูม่านตาเป็นสีทองและม่วง
หากมองให้ละเอียดบริเวณลำคอและมือทั้งสองข้าง มีเกล็ดขนาดเล็กเท่านิ้วชี้สีม่วงทองจางๆ กระจายอยู่ เมื่อสะท้อนกับแสงอาทิตย์มันก็ส่องสว่างแวววาว
สายตาของเขาจ้องมองมาที่ซั่งกวนจิ้งตาเขม็ง แล้วพูดเสียงเย็นว่า
“ซั่งกวนจิ้งเจ้านี่โชคดีมากเลยนะ! ส่งกระดูกของคนในตระกูลข้ามา แล้วข้าจะส่งศพเจ้ากลับไปอย่างสมประกอบ!”
ปุ่มที่ 4 ใน 4 ตอนถัดไป
ปุ่มที่ 2 ใน 4 ความคิดเห็น
ปุ่มที่ 3 ใน 4 ตอนก่อนหน้า
0
…………….