ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1546 หนานซู่ไหว / ตอนที่ 1547 ร่วมมือฝ่าฟัน
ตอนที่ 1546 หนานซู่ไหว / ตอนที่ 1547 ร่วมมือฝ่าฟัน
…………….
ตอนที่ 1546 หนานซู่ไหว
เสียงที่ได้ยินนี้ดูเหมือนว่ามันจะมาจากสถานที่อันแสนไกล แต่ผู้คนกลับได้ยินทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน ราวกับอยู่ตรงหน้าพวกเขา!
ทุกคนต่างตกใจและพากันหันไปมอง!
ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิด ได้ปรากฏร่างหนึ่งที่กำลังก้าวเข้ามาหาพวกเขา!
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ ต่างพากันประหลาดใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“ท่านเจ้าสำนัก!”
ท่าทีของอี้เหวินจั๋วกลับเปลี่ยนไป
เหตุใดเขาถึงได้กลับมาในเวลานี้!
เหล่าบรรดาลูกศิษย์ในสำนัก ต่างพากันเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเสียงนี้
ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนเคยได้ยินข่าวเล่าลือต่างๆ เกี่ยวกับเจ้าสำนักคนนี้ แต่ไม่เคยพบเห็นด้วยตาของพวกเขาเลยสักครั้ง
ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ ไม่มีผู้ใดที่จะไม่รู้จัก หนานซู่ไหว เจ้าสำนักแห่งสำนักหลิงเซียว ผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดในใต้หล้า!
เซียนหมอ จอมยุทธ์ และปรมาจารย์ ทั้งสามระดับนี้ เขาได้ขึ้นไปถึงระดับที่แข็งแกร่งที่สุดมาแล้ว!
มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยที่เข้าเรียนสำนักหลิงเซียวแห่งนี้ เพียงเพราะต้องการเป็นศิษย์ของเขา
แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อตัวเขาเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ค่อนข้างสูง หลายปีที่ผ่านมานี้ มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่เขายอมรับมาเป็นศิษย์
เขาโปรดปรานศิษย์ผู้นี้ยิ่งนัก มากจนถึงขั้นที่ทำให้เขาฉุนเฉียวจนโกรธเกรี้ยวขึ้นมาได้
อีกทั้งอาจารย์และศิษย์คู่นี้ ล้วนเป็นยอดอัจฉริยะในเหล่าบรรดาผู้มีปัญญา และเป็นยอดผู้แข็งแกร่งที่ไม่อาจมีผู้ใดทัดเทียมได้
จึงทำให้ผู้คนไม่รู้ว่าจะอิจฉาริษยาหรือเกลียดชังใครก่อนดี
มีคนจำนวนมากที่อยากเป็นสานุศิษย์ของหนานซู่ไหว แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีคนอีกไม่น้อยเลยที่อยากจะเป็นอาจารย์ของฉู่หลิวเยว่!
ในเวลานี้ ผู้คนส่วนใหญ่ต่างพากันมองไปยังบุคคลที่อยู่บนฟากฟ้านั้นด้วยความสงสัยและเลื่อมใสศรัทธา
…
บุคคลผู้นั้นคือชายชรา สวมเสื้อคลุมยาวสีขาวและมีตราหยกสีเขียวคาดไว้ที่เอว
นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็ไม่ได้มีสิ่งอื่นใดประดับไว้บนร่างนั้นอีก
ชายชราผู้นั้นมีผมขาว ใบหน้าเปล่งปลั่งดุจทารก แต่จิตวิญญาณกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันแข็งแกร่ง
สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านมา ทำให้แขนเสื้อเขานั้นพลิ้วไหวไปตามลม ช่างดูโดดเด่นราวกับเป็นอมตะ
หากมองเพียงแค่แวบแรก คนผู้นี้ช่างสง่างามเหมือนดั่งเซียนเทพ
แต่เพียงแค่ชั่วพริบตา ร่างนั้นก็บินจากเส้นขอบฟ้ามาสู่เบื้องหน้าพวกเขาทุกคน!
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างตะลึงงันกับภาพที่ได้เห็น
เจ้าสำนักผู้เป็นตำนานท่านนี้…คงจะแข็งแกร่งสมกับคำร่ำลืออย่างแน่นอน!
“เจ้าสำนัก! ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน รีบก้าวไปข้างหน้าทันที
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงและคนอื่นๆ เดินตามหลังมาอย่างใกล้ชิด ต่างมีท่าทีที่ตื่นเต้นปนความแปลกใจไม่น้อยเลย
ไม่คิดตำหนิพวกเขาที่มีท่าทีเช่นนี้หรอก อันที่จริง อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่ทันได้คาดคิดว่าเจ้าสำนักจะกลับมาในเวลานี้!
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เจ้าสำนักได้แต่ออกเดินทางและอาศัยอยู่แต่ภายนอกสำนัก อีกทั้งยังไม่เคยได้รับข่าวคราวใดใดเลยแม้แต่น้อย
พวกเขาได้ประกาศออกไปว่า เจ้าสำนักนั้นกำลังออกเดินทางไปทัศนาจร แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่รู้ว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น
หากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนนั้นมีวิธีที่จะทำให้แน่ใจว่าเจ้าสำนักจะยังคงปลอดภัย เกรงว่าพวกเขาจะเข้าใจผิดว่าได้เกิดเรื่องที่ไม่ดีกับเจ้าสำนักไปเสียแล้ว
ในช่วงเวลานี้ ทางสำนักเองได้ประสบปัญหาต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในตอนนี้ แม้แต่ค่ายกลกระสวยสวรรค์เองก็ได้เกิดปัญหาขึ้นเช่นกัน
เห็นได้ว่าในยามนี้ พวกเขาต่างเปี่ยมล้นไปด้วยความตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นเจ้าสำนักกลับมา
หนานซู่ไหวตบบ่าผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเบาๆ
“ปั๋วเหยี่ยน ช่วงเวลาที่ผ่านมาเจ้าคงลำบากมามากสินะ ขอบใจเจ้ายิ่งนัก”
ภายในใจของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขากลับกดมันไว้แล้วส่ายหัวเบาๆ ในทันที
“ท่านมอบหมายให้ข้าดูแลสำนักแห่งนี้ด้วยความไว้วางใจ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าควรทำ! หากเพียงแต่…ปั๋วเหยี่ยนผู้นี้ช่างไร้ความสามารถนัก จึงทำให้เกิดเรื่องราวที่วุ่นวายเช่นนี้”
หนานซู่ไหวหัวเราะเบาๆ
“นางหนูเยว่เออร์ก่อปัญหาอีกแล้ว ข้าจะตำหนิติติงเจ้าได้อย่างไร? เจ้าวางใจเถิด เมื่อนางออกมาเมื่อไร ข้าจะลงโทษนางอย่างแน่นอน!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงและผู้คนอื่น ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาเปล่งประกายขึ้นมาในฉับพลัน
“ท่านเจ้าสำนัก ท่านสามารถช่วยพวกเขาทั้งสองกลับมาได้หรือไม่!”
ในสถานการณ์ปัจจุบัน อันที่จริงพวกเขาเองก็ไม่กล้าที่จะคาดหวังอะไรเลย
แต่เมื่อเจ้าสำนักพูดเช่นนั้น มันจึงยืนยันได้ว่า…
อี้เหวินจั๋วกัดฟันแน่น
“ศิษย์น้อง ค่ายกลกระสวยสวรรค์นั้นกำลังจะล่มสลาย เจ้าคิดว่าจะสามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้อย่างใดกัน?”
หนานซู่ไหวค่อยๆ เหลือบมองดูเขาแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
“เรื่องนั้นคงไม่ต้องลำบากเจ้าหรอกกระมัง”
เมื่อเขาพูดจบ สายตาของเขาก็หันไปมองที่เขาหมื่นเมรัย
“หรงซิวเองก็เข้าไปด้วยมิใช่หรือ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ ต่างพยักหน้าพร้อมกัน
หนานซู่ไหวถอนหายใจออกมาเบาๆ
องค์ชายช่างมีพระเมตตาเสียจริง
ถ้าหากเขากลับมาไม่ทันเวลาแล้วล่ะก็ เช่นนั้นคง…
“ปรมาจารย์ทั้งหมดโปรดจงอยู่รอ ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือรีบถอยกลับไปก่อน”
หนานซู่ไหวออกคำสั่งโดยรับรู้โดยทั่วกัน
เมื่อคำพูดนั้นได้กล่าวออกมา ทุกคนต่างปฏิบัติตามในทันที โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดใด
อาจเป็นเพราะบุคคลที่เป็นแกนหลักสำคัญนั้นได้กลับมาแล้ว จึงทำให้ทุกคนมีความรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นเหล่าบรรดาผู้อาวุโสเข้าประจำตำแหน่งของตัวเองตามคำสั่งของหนานซู่ไหว อี้เหวินจั๋วก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาอีกครั้ง
เขารู้ว่า ผู้คนเหล่านี้เชื่อในตัวหนานซู่ไหวด้วยใจจริง อีกทั้งยังนับถือและเลื่อมใสศรัทธาในตัวเขาเป็นอย่างมาก
ด้วยชื่อเสียงและเกียรติยศอันเลื่องลือของเขานั้น ทำให้ใครหลายคนตัดสินใจเลือกที่จะอยู่สำนักหลิงเซียวแห่งนี้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ขณะที่หนานซู่ไหวไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ แต่ก็เห็นได้ว่าการดำเนินชีวิตในแต่ละวันของสำนักนั้นก็ยังมั่นคงมาโดยตลอด
แต่อย่างไรก็ตาม ท่าทีของคนเหล่านี้ที่มีต่อเขาผู้ซึ่งเป็นรองเจ้าสำนักนั้น ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
อี้เหวินจั๋วรู้ดีว่า หากมองอย่างผิวเผินทุกคนต่างเรียกเขาในฐานะ “รองเจ้าสำนัก” ด้วยความเคารพ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้คนที่ให้ความสนใจเขาด้วยใจจริงกลับมีไม่มาก
นี่ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ความคับแค้นที่อยู่ในใจของอี้เหวินจั๋ว ที่นับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้นรื่อยๆ
ตัวเขานั้นเป็นศิษย์พี่ของหนานซู่ไหว ไม่ว่าจะเป็นด้านสถานภาพหรือศักยภาพ เขาล้วนมีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่า
แต่สุดท้ายความดีความชอบและชื่อเสียงทั้งหมดกลับตกไปเป็นของหนานซู่ไหวแต่เพียงคนเดียว!
ทุกคนบนโลกนี้ต่างรู้ดีว่าหนานซู่ไหวเจ้าสำนักแห่งสำนักหลิงเซียว มีทั้งพรสวรรค์พิเศษและศักยภาพอันทรงพลังเป็นอย่างมาก
แต่จะมีสักกี่คนที่จะยังจำเขาได้?
อี้เหวินจั๋วสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันไปมองทางเขาหมื่นเมรัย
ในตอนนี้ต่อให้พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก มันก็คงไม่มีความหมายอะไรแล้ว
คอยดูสิว่าหนานซู่ไหวและคนอื่นๆ วางแผนที่จะก้าวข้ามผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปได้อย่างไร!
ค่ายกลกระสวยสวรรค์ที่กำลังจะพังทลาย…
แม้คิดที่จะฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น!
…
ฟิ้ว!
หลังจากที่เหล่าปรมาจารย์ผู้อาวุโสทั้งหมดได้เข้าประจำตำแหน่งรอบๆ เขาหมื่นเมรัยแล้ว หนานซู่ไหวก็เคลื่อนตัวและรีบพุ่งไปยังใจกลางหุบเขาในทันที!
ร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างสง่างาม
เพียงแค่ชั่วพริบตา เขาก็หยุดอยู่บนท้องฟ้าแล้ว
และเท้าของเขาก็ได้หันไปทางตาน้ำบนยอดเขาหมื่นเมรัย!
หนานซู่ไหวมองลงไปข้างล่าง
ในขณะนี้ พลังของค่ายกลกระสวยสวรรค์ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากบริเวณรอบๆ ตาน้ำ
บริเวณโดยรอบทั้งสี่ทิศได้ส่องสว่างไสวเป็นประกาย แต่ทว่ากลับมีเพียงแค่บริเวณใจกลางตรงนี้เท่านั้นที่มืดสลัว
ท้องฟ้าในยามราตรีนี้นี้ช่างดูมืดมิด ไร้ซึ่งดวงดาวและแสงจันทรา
เมื่อมองจากตรงนี้ จะเห็นเพียงแค่แสงจากคลื่นที่ซัดสาดตาน้ำอยู่เบื้องล่าง ความมืดมนนี้ช่างดูลึกลับเสียจริง
ดูเหมือนว่าลมปราณของทั้งสองนั้น ราวกับถูกตัดขาดไปอย่างสมบูรณ์ ไม่สามารถค้นหาต่อได้
หนานซู่ไหวยกทั้งสองมือขึ้นด้วยท่าทางอันเคร่งขรึม
มือคู่นั้นเป็นมือที่ขาวเรียบเนียนผุดผ่องดูมีสง่าราศียิ่งนัก ราวกับว่าถูกแกะสลักจากหยกขาวใสด้วยความประณีต
เขาขยับปลายเท้าเล็กน้อย แล้วค่อยๆสะบัดฝ่ามือ
ในระหว่างที่มือเขากำลังเคลื่อนไหวอยู่นั้น ได้มีแสงสว่างมากมายเปล่งออกมา และประสานกันต่อหน้าเขาอย่างรวดเร็ว!
ในไม่ช้า โครงร่างของค่ายกลก็ได้ก่อตัวขึ้น!
เมื่อเวลาผ่านไป แสงสว่างก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แสงเหล่านั้นมาจากทั่วทุกสารทิศ และมาบรรจบกันเพื่อเติมเต็มค่ายกลอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่ายกลนั้นสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น!
หนานซู่ไหวกลับมีท่าทีที่ดูนิ่งเฉย ราวกับเรื่องหนักหน่วงนี้กลายเป็นเรื่องเบาไปแล้ว
เหมือนว่าเขาเลือกที่จะใช้พลังแห่งสวรรค์และโลกตามต้องการ และทำให้มันกลายเป็นเป็นพลังของเขาเองได้อย่างง่ายดาย จนกระทั่งเกิดการประสานรวมตัวกันจนกลายเป็นค่ายกล!
“ท่านยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่!”
ผู้อาวุโสที่เฝ้าดูอยู่บริเวณรอบๆ ต่างพากันตกตะลึงเมื่อได้เห็นภาพนี้
ผู้ที่จะสามารถนำพลังแห่งสวรรค์และโลกมาหลอมรวมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังสามารถเคลื่อนย้ายพลังเหล่านั้นเพื่อนำมาผสมผสานกันจนกลายเป็นค่ายกลอันซับซ้อนนี้ได้…
แน่นอนว่ามีเพียงยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่สามารถทำได้!
“หรือว่าช่วงไม่กี่ปีที่เจ้าสำนักออกเดินทางนี้ เป็นเพราะยุ่งอยู่กับการพยายามทะลวงขีดจำกัดของตนเองหรือเปล่านะ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมาเบาๆ พร้อมกับแววตาที่สงสัย
เหนือปรมาจารย์ค่ายกลระดับราชา ก็คือปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชา
เหนือขึ้นไปอีก ก็ยังมียอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่
หากดูเผินๆ แล้ว เหมือนว่าจากปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชาผู้ยิ่งใหญ่ไปจนถึงยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่นั้นห่างกันเพียงแค่ระดับเดียวเท่านั้นเอง
แต่ในความเป็นจริง การที่จะก้าวข้ามอุปสรรคระหว่างทางเหล่านี้ไปได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก
ในสำนักหลิงเซียวนี้ ไม่มีใครที่สามารถทำลายขีดจำกัดไปสู่ยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่มาเป็นเวลาร้อยปีแล้ว!
และหนานซู่ไหวผู้ซึ่งมีพรสวรรค์เหนือกว่าผู้ใด อีกทั้งยังอยู่ในขอบเขตของปรมาจารย์ค่ายกลมหาราชามาเป็นเวลานาน!
“มันช่างวิเศษเหลือเกิน!”
ใบหน้าของผู้อาวุโสโอวหยางและผู้คนที่อยู่ข้างๆ ล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดี
“ขณะนี้เจ้าสำนักได้กลายเป็นยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ข้ายิ่งมั่นใจว่าเราจะรับมือกับค่ายกลกระสวยสวรรค์นี้ได้!”
ทุกคนพยักหน้าหลังจากได้ยินคำพูดนั้น ความคิดและจิตใจของพวกเขาเริ่มมีความมั่นคงมากขึ้น
อี้เหวินจั๋ววางมือข้างหนึ่งไว้ข้างหลังและจ้องมองไปที่หนานซู่ไหวที่อยู่กลางอากาศ เขากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน
นึกไม่ถึงเลยว่าหนานซู่ไหว…จะชนะเขาอีกครั้ง!
ช่วงที่ผ่านมานี้ เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเขาเองกำลังจะทำลายขีดจำกัดจนผ่านไปสู่ยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว แต่ทว่าหลังจากรอมาเนิ่นนานและได้พยายามลองมาหลายวิธีแล้ว ก็ยังคงเหมือนว่าจะขาดไปอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น
เดิมที เขาก็ไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก เพราะเขาเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งเขาจะสามารถทำลายและฝ่าฟันไปได้ไม่ช้าก็เร็ว
แต่ในตอนนี้ เมื่อเขาเห็นหนานซู่ไหวนั้นได้คว้าตัวเขาคนก่อนไปต่อหน้า ยิ่งทำให้เขารู้สึกรับไม่ได้เป็นอย่างมาก!
แต่เรื่องแบบนี้ ก็ใช่ว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาสั้นๆ
เขาทำได้เพียงแค่อดทนไว้ก่อนก็เท่านั้น
ในเวลานี้ คอยดูสิว่าคนอย่างหนานซู่ไหว จะสามารถปกป้องสำนักหลิงเซียวนี้ไว้ได้หรือไม่ดีกว่า!
ถ้าหากรักษาไว้ไม่ได้ล่ะก็…
หนานซู่ไหวก็จะกลายเป็นคนบาปไปตลอดกาล!
เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ก็ยังไม่สายเกินไปที่เขาจะแสดงฝีมืออีกครั้ง!
…
แต่ทว่า เวลาเพียงแค่ธูปครึ่งก้าน ค่ายกลขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าหนานซู่ไหว
หนานซู่ไหวผลักมือทั้งสองออกไปข้างหน้าด้วยท่าทีที่หนักแน่น!
“ค่ายกลคลื่นวายุ!”
ค่ายกลขนาดมหึมานั้น ค่อยๆ ร่วงลงสู่เขาหมื่นเมรัย!
ราวกับมีเสียงคลื่นจากกระแสน้ำพัดผ่านเข้ามาอย่างแผ่วเบา
ระยะห่างระหว่างค่ายกลทั้งสองค่อยๆ แคบลงอย่างต่อเนื่อง!
พลังปราณจากทั้งสองฝ่ายเริ่มเข้ามาปะทะกันอีกครา!
แสงสว่างสาดส่องไปทั่วทุกสารทิศ!
แม้แต่พื้นที่โดยรอบก็ถูกทำลายด้วยพลังอันบ้าคลั่งนี้ และมันก็ค่อยๆ พังทลายลงไปทีละนิด!
“ทุกท่านจงฟังคำสั่ง! รวมพลัง!”
จู่ๆ หนานซู่ไหวก็ตะโกนออกมาเสียงดังกังวาน!
ทุกคนนั้นต่างเตรียมตัวกันมาเป็นเวลานาน และเมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็ลงมือทันทีโดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย!
ได้มีแสงสว่างเปล่งประกายออกมาจากค่ายกลคลื่นวายุอยู่ครู่หนึ่ง!
เมื่อมองจากระยะไกลแล้ว ค่ายกลทั้งสองนั้นมีลักษณะเหมือนเฟืองขนาดใหญ่สองอันซ้อนทับกันอยู่
ค่ายกลกระสวยสวรรค์ ถูกขับเคลื่อนด้วยพลังอันแปลกประหลาด มันสามารถเร่งการหมุนตัวของค่ายกลให้เร็วมากยิ่งขึ้น
และในการกำจัดมัน จากการปรากฏตัวของค่ายกลคลื่นวายุนั้น เพียงเพื่อต้องการชะลอความเร็วนั้นลงมาอีกครั้ง!
แม้ว่าระดับของค่ายกลคลื่นวายุจะสู้ระดับของค่ายกลกระสวยสวรรค์ไม่ได้ แต่หลังจากการรวบรวมพลังของผู้อาวุโสทั้งหมดแล้ว กลับสามารถที่จะตีเสมอขึ้นมาได้ประมาณหนึ่งถึงสองระดับ!
ความเร็วในการหมุนตัวของค่ายกลกระสวยสวรรค์ ค่อยๆ ลดลงตามที่คาดไว้
แม้แต่เส้นวงโคจรสีเงินเส้นเดิมที่เคยหลุดหายไป ก็ได้รับผลกระทบจากพลังนี้และเริ่มกลับเข้ามาสู่ตำแหน่งปกติอีกครั้ง
ทุกอย่างล้วนดูกลับมาเป็นระเบียบเรียบร้อย
เมื่อผู้อาวุโสทุกท่านได้เห็นภาพเช่นนี้ ต่างถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะวางใจมันได้มากนัก
กว่ายี่สิบวันที่ผ่านมาไม่มีเคยปัญหาใดเกิดขึ้นเลย แต่กลับเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นในวันสุดท้ายเสียอย่างนั้น
และมันก็เกิดขึ้นภายใต้การควบคุมและสังเกตการณ์ที่เข้มงวดของพวกเขา!
พลังที่ถูกสะกดเอาไว้ภายใต้ตาน้ำนั้น คงเกินกว่าที่พวกเขาเคยจินตนาการไว้ก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นในเวลานี้ จนถึงวินาทีสุดท้าย ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังไม่อาจวางใจได้เป็นอันขาด
…
พลังของทุกคนถูกใช้งานอย่างบ้าคลั่งจนสิ้นเปลือง
ผู้อาวุโสหลายคนเริ่มมีสีหน้าที่ซีดเซียวลงด้วยความอ่อนล้า
ยามนี้ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจพวกเขาไว้
แต่เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ในเขาหมื่นเมรัยนั้นกลับมาดีขึ้นแล้ว ความกดดันที่อยู่ในใจของพวกเขาก็บรรเทาลงไปได้ไม่น้อยเลย
“ฟังสิ! ดูเหมือนเสียงเคาะนั่นจะหายไปแล้ว!”
จู่ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นมาจากความเงียบงัน
ทุกคนกลับมามีสติอีกครั้งและเงี่ยหูฟังโดยไม่รู้ตัว
เสียง “กึกกึก” นั้นหายไปแล้วจริงๆ ด้วย!
แต่ในตอนนี้!
หนานซู่ไหวมองไปที่ตาน้ำแห่งหุบเขาหมื่นเมรัยด้วยความมั่นใจ และทันใดนั้นเขาก็ขยี้ตราหยกสีเขียวที่ห้อยอยู่ที่เอวของเขา!
ปัง!
ต่อมา ก็มีร่างหนึ่งพุ่งตัวออกมาจากใจกลางตาน้ำ!