ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1552 วันนี้เป็นหรือตาย ล้วนขึ้นอยู่กับเจ้า!
ตอนที่ 1552 วันนี้เป็นหรือตาย ล้วนขึ้นอยู่กับเจ้า!
…………….
การสร้างค่ายกลกระสวยสวรรค์ขึ้นมาใหม่ต้องใช้กำลังคนแลทรัพยากรจำนวนเกินกว่าจะจินตนาการ
กระทั่งว่าในปีนั้น คราที่สำนักหลิงเซียวเพิ่งสร้างก็ต้องใช้แรงของทุกคนร่วมกันถึงสำเร็จได้
มาบัดนี้ คิดพึ่งพาแค่แรงของต้าเป่าคนเดียวซ่อมแซมมันให้สมบูรณ์ทันใจยิ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ยากขึ้นไปอีก
ยิ่งไปกว่านั้น บัดนี้เขาดูระวังตัวอยู่ไม่น้อย จึงมิอาจลงมือตามใจได้
การซ่อมแซมค่ายกลกระสวยสวรรค์จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไร้ข้อกังขา
ไม่ช้า ค่ายกลกระสวยสวรรค์ที่แตกพ่ายก็เริ่มฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิมของมัน
ประกายแสงสีม่วงแลสีเงินตัดผ่านกัน สาดส่องเข้าตาผู้พบเห็น
ฝ่ามือสีดำตอบสนองโดยพลัน มันรีบลงมือหมายจะทลายค่ายกลกระสวยสวรรค์อีกรอบทันที!
ทว่ายังไม่ทันได้เข้าใกล้ก็มีแรงกดดันมหาศาลไร้รูปร่างชั้นหนึ่งสกัดกั้นมันเอาไว้ด้านนอก
มันมาจากพลังอันน่าตื่นตะลึงที่แผ่ออกมาจากเกราะเกล็ดสีม่วงชิ้นนั้นนั่นเอง!
ฝ่ามือสีดำเข้าโจมตีหลายต่อหลายครั้ง กลับมิอาจลงมือได้แม้แต่น้อย
ลมปราณของมันเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาในบัดดล
ค่ายกลกระสวยสวรรค์สะกดมันเอาไว้หลายหมื่นปี ไม่ง่ายเลยกว่ามันจะใช้โอกาสนี้ดิ้นรนเป็นอิสระออกมาได้!
มันจะยอมกลับไปได้อย่างไร?
หากแต่เรื่องราวเริ่มมุ่งไปสู่จุดที่มันมิอาจควบคุมได้อีกต่อไป
จะอย่างไรมันก็คาดไม่ถึงเลยว่าบัดนี้เจ้านายของค่ายกลกระสวยสวรรค์ในปีนั้นจะยังหวนกลับคืนมาได้!
ก่อนหน้านี้ ลำพังพึ่งแค่พลังของค่ายกลกระสวยสวรรค์มิอาจหาทางสะกดมันไว้ได้เต็มที่
ดังนั้นสำนักหลิงเซียวหลายปีมานี้จึงเพียรนำพาทัณฑ์สวรรค์มาหาตาน้ำเพื่อเสริมพลังให้แก่ค่ายกลกระสวยสวรรค์
บัดนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะรอให้พลังของทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นถูกใช้ไปจำนวนมาก มันถึงหาโอกาสหนีออกมาเป็นอิสระได้ คิดไม่ถึงว่า…
เขาจะหวนกลับมาแล้ว!
สำคัญที่สุดคือพลังของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าปีนั้นมาไม่น้อย!
ถึงขั้นที่ว่าต่อให้ครานี้เขาจะมิเผยตัว ไม่ใช้พลังออกมาถึงขีดสุดก็ยังสามารถซ่อมแซมฟื้นฟูค่ายกลกระสวยสวรรค์ได้อย่างสบายๆ ทั้งยังเสริมพลังของมันให้แกร่งขึ้นได้ด้วย!
อูอู!
บนฝ่ามือสีดำมีลายสลักสีเลือดไหลหลั่งคดเคี้ยว สอดแทรกด้วยเสียงร้องโหยหวนแหลมเสียดแทงอันทำให้ทุกคนต่างอกสั่นขวัญแขวนเมื่อได้ยิน
เมื่อเห็นว่าไร้หนทางหยุดยั้งค่ายกลกระสวยสวรรค์ มันจึงเปลี่ยนเส้นทางเสียเดี๋ยวนั้น หันไปหมายหัวเอาฉู่หลิวเยว่อีกรอบ!
มันรุดไปด้านหน้าโดยไม่ลังเล หมายจะคว้าจับฉู่หลิวเยว่ไว้!
ทว่าในตอนนั้นเอง ประกายแสงสีม่วงก็พุ่งเข้ามาพันรอบเอวฉู่หลิวเยว่
ก่อนจะอุ้มขึ้นเบาๆ ร่างของฉู่หลิวเยว่ลอยคว้าง ชั่วพริบตาก็หยุดอยู่ ณ ใจกลางของค่ายกลกระสวยสวรรค์แล้ว!
…
ฉู่หลิวเยว่หลุบตามองด้านล่างแวบหนึ่ง
บัดนี้ค่ายกลกระสวยสวรรค์ขนาดมหึมาอยู่ใต้เท้าของนาง
ประกายแสงนับไม่ถ้วนตัดผ่านเกี่ยวรัด ค่อยๆ ฟื้นฟูค่ายกลให้กลับคืนสู่สภาพเดิม
ก่อนหน้านี้ฉู่หลิวเยว่มิเคยเห็นค่ายกลกระสวยสวรรค์มาก่อน
นางจำได้แค่ว่าตอนที่อยู่ใต้ตาน้ำ เหมือนจะเคยถูกโจมตีจากพลังของค่ายกลกระสวยสวรรค์อยู่หลายต่อหลายครั้ง
หรงซิวเองก็ได้รับบาดเจ็บเพราะมันเช่นกัน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผ่านมาไม่นาน นางจะได้มายืนอยู่บนใจกลางของค่ายกลกระสวยสวรรค์แล้ว
ขาสองข้างให้ความรู้สึกราวกับเหยียบอยู่บนพื้นดินก็มิปาน ดูแล้วรู้สึกมั่นคงยิ่ง
สิ่งที่ยิ่งทำให้ฉู่หลิวเยว่วางใจได้คือ บนค่ายกลกระสวยสวรรค์มีลมปราณของพี่เป่าแผ่กระจายอยู่เลือนราง
หลังร่วงลงมาอยู่ในค่ายกลกระสวยสวรรค์ สุดท้ายฝ่ามือสีดำก็ไร้หนทางเข้าประชิดตัวฉู่หลิวเยว่
ในตอนนั้นเอง สุ้มเสียงคุ้นเคยพลันลอยแว่วเข้าหู
“นางหนูเยว่เออร์ จับตามองค่ายกลไว้!”
แม้จะพยายามสงวนท่าทีให้เคร่งขรึมดุดันอย่างสุดความสามารถ ทว่าก็ยังซ่อนกลิ่นอายอ่อนโยนนุ่มนวลเอาไว้ไม่มิดอย่างเคย
ฉู่หลิวเยว่ใจเต้นกระตุกเฮือก!
พี่เป่า!
ริมฝีปากของนางสั่นไหวน้อยๆ อยากจะตะโกนออกมาสุดเสียงเสียเดี๋ยวนั้น!
หากแต่ท้ายที่สุดนางยังคงระงับอารมณ์เอาไว้ได้
พี่เป่ามิได้เผยตัวออกมา เห็นชัดแล้วว่าเขาคงมีเหตุผลของตัวเอง
สำนักเผชิญภัยใหญ่หลวง เขาควรจะเป็นคนที่วิตกกังวลมากที่สุด
ทว่าขนาดตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แล้ว เขาก็ยังไม่เผยตัวออกมา เห็นชัดเลยว่ายังคงมีความในอื่นแอบแฝงอยู่
ฉู่หลิวเยว่กดข่มความรู้สึกที่ตีรวนในใจลงไป ก่อนจะผงกศีรษะรับไร้สุ้มเสียง
จากนั้น นางก็หลุบสายตามองค่ายกลกระสวยสวรรค์ใต้เท้าของตนอย่างถี่ถ้วน
…
“ค่ายกลกระสวยสวรรค์มีระดับสูงมาก บัดนี้ข้าไม่สะดวกเผยตัว ช่วยเจ้าไม่ได้มากนัก จะซ่อมแซมค่ายกลกระสวยสวรรค์ให้กลับสู่สภาพสมบูรณ์ได้ คงต้องพึ่งตัวเจ้าเองแล้ว”
พี่เป่าประหยัดคำพูดเป็นทุนเดิมมาแต่ไหนแต่ไร ทว่าทุกครั้งที่เปิดปาก คำพูดของเขาล้วนมีน้ำหนักทั้งสิ้น
ครั้งนี้เองก็เป็นเช่นนั้น
ลำพังแค่คำพูดประโยคเดียวก็เหมือนกับฟ้าผ่าลงกลางใจของฉู่หลิวเยว่อย่างจัง!
“ว่าอันใดนะ! ข้าหรือ?”
ชั่บพริบตานั้น ฉู่หลิวเยว่เกือบคิดไปแล้วว่าตัวเองหูฝาดไป
ตอนนี้นางเพิ่งจะเข้าสู่อาณาเขตเซียนเทพ บุกทะลวงสู่ระดับเทพขั้นสูงไปหมาดๆ อีกทั้งตอนถูกจับเหวี่ยงไปมาก่อนหน้านี้ก็ได้รับบาดเจ็บกลับมาด้วย
ในสถานการณ์เช่นนี้ นางจะไปทำเรื่องจำพวกซ่อมแซมค่ายกลกระสวยสวรรค์ได้อย่างไรกัน!
“ในเมื่อเจ้าได้กลายเป็นระดับเทพขั้นสูงอีกรอบแล้ว เช่นนั้นความทรงจำก่อนหน้าน่าจะฟื้นฟูกลับมาหมดแล้ว คงยังไม่ลืมเรื่องที่ข้าเคยสอนเจ้าไปเมื่อก่อนกระมัง?”
น้ำเสียงของพี่เป่าเรียบนิ่งมิแปรเปลี่ยน ประหนึ่งว่าที่พูดออกมามิใช่เรื่องผิดแผกอันใด
ฉู่หลิวเยว่กระแอมคราหนึ่ง
“เจ้าหมายถึง…”
“ม้วนคัมภีร์อักษรเทวา”
พี่เป่าเอ่ยสรุปรวบรัด
“ไม่ใช่ว่าตอนนั้นให้เจ้าท่องจำทั้งหมดไว้แล้วหรือ?”
เบื้องหน้าของฉู่หลิวเยว่พลันมืดสนิท
เรื่องนี้พูดไปแล้วทำนางปวดหัวนัก
ปีนั้นนางยังอยู่ที่ทะเลทรายจันทราสีชาด รู้จักกับพี่เป่าได้ไม่นาน เขาก็โยนรูปแบบค่ายกลชุดหนึ่งมาให้นางท่องจำแล้ว
ตอนนั้นนางคิดแค่ว่าค่ายกลเหล่านั้นรูปแบบซับซ้อน นางที่มีความจำดีเลิศยังใช้เวลานานกว่าจะจำเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างยากลำบาก
ใครจะไปรู้กันว่าแท้จริงแล้วของพวกนั้นคือขุมทรัพย์หายากหาสิ่งใดเปรียบมิได้!
จนกระทั่งภายหลัง เมื่อเข้ามาในสำนักหลิงเซียวแล้ว นางดันไปเห็นม้วนคัมภีร์อักษรเทวาที่ถูกบรรดาผู้อาวุโสเก็บรักษาไว้อย่างดีเข้าโดยบังเอิญ ถึงเพิ่งได้รู้ว่าของสิ่งนั้นคืออะไร!
หอสมุดที่เก็บตำราเอาไว้ยังเยอะไม่สู้สิ่งที่นางท่องจำตอนอยู่ในทะเลทรายจันทราสีชาดด้วยซ้ำ!
อย่างไรเสีย พี่เป่าก็เป็นเจ้าของค่ายกลพวกนั้นตัวจริง
ตำราที่สะสมเอาไว้จำนวนมากจะไปสู้ตัวเขาเองคนเดียวได้หรือ?
“แม้ระดับของค่ายกลกระสวยสวรรค์จะเกินขอบเขตพลังของเจ้าในตอนนี้ แต่จริงๆ แล้วมันมีความคล้ายคลึงกับค่ายกลมากมายในม้วนคัมภีร์อักษรเทวามากนัก ขอแค่เจ้าแบ่งค่ายกลกระสวยสวรรค์ออกเป็นค่ายกลเล็กๆ ทำเหมือนพวกมันเป็นค่ายกลในคัมภีร์ก็เป็นอันใช้ได้แล้ว”
นี่เขาคิดจะให้นางทำลายทีละอันอย่างนั้นหรือ!
ฉู่หลิวเยว่ย่นคิ้วอย่างไม่แน่ใจนัก
“แบบนี้…จะได้ผลจริงหรือ?”
“ลำพังแค่เจ้าย่อมไม่ได้ผล ทุกการไหลวนของกระแสพลังบนค่ายกลกระสวยสวรรค์ละเอียดประณีต ทำผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้ทั้งหมดแตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ ก็ต้องพามันมาบรรจบกันให้ได้ ในจุดนี้ผ่านไปสักพักข้าจะชี้แนะเจ้าเอง”
“เจ้าและสำนักหลิงเซียวจะเป็นหรือตาย วันนี้มันขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!”
ในใจของฉู่หลิวเยว่พลันตื่นตะลึง!
นางเหลือบสายตาไปมองฝ่ามือสีดำที่อยู่ด้านบนแวบหนึ่ง ก่อนจะกัดฟันกรอด
“เข้าใจแล้ว!”
…………….