ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1563 สังหาร
…………….
พรึ่บ!
กระแสเสียงแหวกอากาศออกมา ร่างกายของถวนจื่อเปล่งประกาย ทันใดนั้นเองร่างกายที่มีขนาดเล็กก็ขยายร่างขึ้น!
ปีกสยายขึ้น ลมพายุโหมกระหน่ำ!
มันพุ่งตรงไปยังทิศทางด้านหน้า!
เปลวเพลิงสีทองชาด ลุกโชนขึ้นรอบกายของมัน!
ในวินาทีต่อมา เปลวเพลิงเหล่านั้นก็ปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่ง คาดไม่ถึงว่าจะควบแน่นกลายเป็นกำแพงเพลิง ขวางกั้นคลื่นยักษ์ที่สาดซัดเข้ามา!
เปลวเพลิงกับน้ำทะเลปะทะกันจนเกิดเสียงกึกก้องกัมปนาท!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่น้ำทะเลธรรมดา ภายในนั้นยังแฝงด้วยแรงกดดันอันเข้มข้น!
ถวนจื่อเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บ หากจะต้องรับมือกับการโจมตีนี้เห็นทีว่าจะไม่ง่าย
ทันใดนั้นเองถวนจื่อก็เปลี่ยนทิศทาง คาดไม่ถึงว่ามันจะพุ่งตรงเข้าไปในคลื่นยักษ์นั้น!
เงาร่างสีทองชาดเคลื่อนตัวพุ่งผ่านไป!
ทันใดนั้นคลื่นลมก็ถูกฉีกเป็นชิ้น
อีกทั้งในตำแหน่งตรงกลางก็มีเปลวเพลิงเริ่มเผาไหม้อย่างบ้าคลั่ง!
น้ำทะเลเริ่มระเหยอย่างรวดเร็ว
หลังจากผ่านไปไม่นานคลื่นก็ถดถอย ผิวน้ำค่อยๆ กลับมาสงบ
ถวนจื่อบินกลับไปอยู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่ และขวางนางไว้ด้านหลังเช่นเดิม
“พลังแห่งสายเลือดนับว่าไม่เลวเลย”
กระแสเสียงนั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนกับกำลังประเมินถวนจื่อ
ภายในเสียงนั้นแฝงไปด้วยความประหลาดใจที่ยากจะมองออก
“เจ้าไม่ใช่หงส์ทองคำแต่กำเนิด แน่นอนว่าพลังและสายเลือดจะด้อยกว่าพวกเราหนึ่งขั้น ยิ่งไปกว่านั้นฐานะของเจ้า เดิมทีก็มาจากไก่ฟ้าเก้าสี ที่สามารถทะลวงด่านมาจนวันนี้ได้ ก็ถือว่าเจ้าดวงดีอย่างมาก แต่ว่าหากเจ้าต้องการกลับเข้ามาในเผ่า ไม่ใช่ว่าแค่สามารถทะลวงด่านแล้วจะเข้ามาได้”
น้ำเสียงนั้นยังดูสูงส่งเช่นเดิม
ความคิดของฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนไปในทันที นั่นก็หมายความว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้ อีกฝ่ายทำการทดสอบพลังของถวน
จื่อเพียงเท่านั้น
เผ่าหงส์ทองคำให้ความสำคัญกับสายเลือดเป็นอย่างมาก
ถ้าไม่ใช่หงส์ทองคำแต่กำเนิด แต่เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ชนิดอื่นทะลวงด่านเข้ามา ความจริงแล้วในที่แห่งนี้ก็จะถูกเลือกปฏิบัติ
ความจริงแล้วตั้งแต่แรกเริ่มแม้กระทั่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ถวนจื่อก็ยังไม่ใช่
ในสายตาของพวกมัน จึงดูถูกดูแคลนถวนจื่อมากยิ่งขึ้น
แต่เมื่อถวนจื่อแสดงฝีมือออกมา เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีความประหลาดใจเล็กน้อย
เรื่องเหล่านี้ความจริงแล้วฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจอันใดมาก
สายตาอันเสียบคมของฉู่หลิวเยว่กลับมองเห็นบาดแผลสองจุดบนร่างกายของมัน และในตอนนี้เลือดกำลังไหลออกมาอย่างเชื่องช้า
นางขมวดคิ้วแน่นเป็นปม สายตาเย็นชาประกายวาบ
นางยังไม่ทันได้เข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง แต่ถวนจื่อกลับได้รับบาดเจ็บแล้ว
หากเข้าไปถึงด้านในก็ไม่ทราบว่าจะมีสถานการณ์อย่างใดบ้าง
การมาในครั้งนี้เกรงว่า…จะยากลำบากกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้มาก
“ซั่งกวนเยว่ เจ้าจะหลบอยู่ด้านหลังอย่างขลาดเขลาเช่นนี้น่ะหรือ?”
ในน้ำเสียงนั้นแฝงด้วยการประชดประชันอย่างชัดเจน
“หากเจ้ากล้า เจ้าก็ออกมาเองเลยสิ!”
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันมองทางถวนจื่อ
“ถวนจื่อ มานี่”
ถวนจื่อไม่ขยับเขยื้อน
“เชื่อฟังหน่อย”
ฉู่หลิวเยว่กดเสียงลงต่ำเล็กน้อย ถวนจื่อถึงได้หันกลับไปมอง และถอยไปด้านหลังอย่างไม่เต็มใจ
นางสาวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว และลูบตัวของถวนจื่ออย่างอ่อนโยน
“ผู้อาวุโสพูดได้ถูกต้อง ในเมื่อเจ้าเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาของข้า เช่นนั้นข้าก็จะต้องรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่าง”
แววตาของถวนจื่อมีประกายวูบไหว จากนั้นมันก็ก้มหัวแล้วถูไถฝ่ามือของนาง
ฉู่หลิวเยว่มองตรงไปด้านหน้า
“ผู้อาวุโส ในเมื่อวันนี้ข้าตัดสินใจพาถวนจื่อกลับมา ก็เพื่อทำเรื่องนี้ให้มันชัดเจน”
รอบข้างเงียบไปครู่หนึ่ง
จากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาอีกครั้ง
“เจ้ามีความมั่นใจน่าดู”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้พูดอันใดต่อ
นางรู้ว่าเมื่ออีกฝ่ายเรียกให้นางมาเช่นนี้ มันจะต้องไม่ง่ายดายอย่างแน่นอน
“เจ้าอยากจะพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจน ง่ายมาก ขอเพียงแค่เจ้าข้ามสะพานน้ำแข็งแห่งนี้มาได้ และมาพูดต่อหน้าข้าผู้นี้ แน่นอนว่าข้าจะให้โอกาสเจ้าพูด”
ซั่งกวนจิ้งขมวดคิ้วแน่น
คำพูดเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
อันใดที่บอกว่า “จะให้โอกาสเจ้าพูด” ?
หากพวกเขาไม่สามารถผ่านไปได้ แม้กระทั่งการพูดคุยกับอีกฝ่ายก็ไม่มีสิทธิ์อย่างนั้นหรือ?
ฉู่หลิวเยว่กลับตอบตกลงในทันใด
“ตกลง!”
“เยว่เออร์…” ซั่งกวนจิ้งพูดขึ้นมาอย่างเป็นกังวลเล็กน้อย
“องค์ไท่จู่โปรดวางใจ ข้าจะรีบไปรีบกลับ”
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าเขาเป็นห่วงจึงยิ้มให้อย่างปลอบโยน
“ท่านก็รู้ ข้าไม่ทำในสิ่งที่ข้าไม่มั่นใจ”
ในเมื่อนางกล้ามาที่นี่ นางก็ได้เตรียมตัวเอาไว้ทั้งหมดแล้ว!
ซั่งกวนจิ้งมองหน้านาง ภายในใจยังคงรู้สึกลังเลอยู่
หลังจากผ่านไปสักพักเขาถึงได้พยักหน้า
“ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมาก่อนจะสงบสติอารมณ์ พร้อมยืดหลังตรงแล้วเดินไปด้านหน้า
ถวนจื่อก็ติดตามนางไปด้วย
…
ทันทีที่ฉู่หลิวเยว่เหยียบลงบนสะพานน้ำแข็ง นางก็สามารถรู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนที่พวยพุ่งออกมาจากใต้ฝ่าเท้า!
นางหลุบสายตาลงมอง
ภายในน้ำแข็งที่โปร่งแสงและกระจ่างใส มีดวงดาวสีทองชาดกลายเป็นเปลวเพลิงและระเบิดอย่างต่อเนื่อง!
อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัว ซึ่งต้นกำเนิดก็มาจากสิ่งนี้!
นางชะงักฝีเท้าชั่วคราว รอบกายของนางก็มีเปลวเพลิงสีทองชาดปะทุขึ้นมา!
แน่นอนว่าเป็นเปลวเพลิงของถวนจื่อ
เมื่อมีเปลวเพลิงคุ้มครองหนึ่งชั้น ความเจ็บปวดที่ใต้ฝ่าเท้าของนางก็ถูกขวางกั้นอยู่ด้านนอก
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย นางก้าวเดินอย่างต่อเนื่อง
ฝีเท้าของนางไม่เร็ว แต่กลับหนักแน่นมั่นคงเป็นอย่างมาก
แต่ละก้าวนั้นเหมือนกับมีน้ำหนักนับพันชั่งเหยียบลงที่สะพานน้ำแข็ง
ยืนหยัด หนักแน่น ก้าวไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง!
…
ตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง
ภายในตำหนักที่สง่างามเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
ชายชราผู้หนึ่งยืนอยู่ตำแหน่งตรงกลางท้องพระโรง พร้อมเอามือไพล่หลังเอาไว้
ด้านหน้าของเขามีลูกบอลแสงขนาดยักษ์ลอยอยู่
ภายในลูกบอลแสงนั้นคือภาพมายาที่ปรากฏขึ้น
ท้องทะเลกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา แม่นางคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า
ด้านหลังของนางนั้นมีหงส์ทองคำตัวหนึ่งติดตามมาอย่างใกล้ชิด
“ในฐานะที่เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาล การที่จะเคารพนอบน้อมมนุษย์ผู้หนึ่งเป็นเรื่องที่น่าอัปยศอดสูอย่างยิ่ง น่าขายหน้าเสียจริง! ท่านประมุข ก่อนหน้านี้มันเป็นเพียงไก่ฟ้าเก้าสีแต่กลับสามารถทะลวงด่านเป็นหงส์ทองคำ แม้ว่ามันจะมีสายเลือดของเผ่าพันธุ์อยู่ แต่ก็ไม่น่าจะทำถึงขั้นนี้ เหตุใดท่านถึงต้องพาเขามาที่นี่ด้วย?”
ด้านหลังของชายชรา มีชายวัยกลางคนหลายคนยืนอยู่ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“พฤติกรรมดังกล่าวไม่ต่างอันใดกับการทรยศเผ่าพันธุ์ ข้าคิดว่าควรจะสังหารทั้งมนุษย์และสัตว์อสูรตัวนั้นด้วย!”
…………….