ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1570 เล่นลูกไม้อย่างหน้าด้านๆ
ตอนที่ 1570 เล่นลูกไม้อย่างหน้าด้านๆ
…………….
ข้ากำลังข่มขู่พวกเจ้า แล้วอย่างใดเล่า?
ดังนั้นเหตุผลที่นางกล้ามาที่นี่ด้วยตัวคนเดียว และยังกล้าเจรจาเกี่ยวกับเรื่องเผ่าของถวนจื่อ นั่นก็เป็นเพราะว่านางมีไพ่ไม้ตายใบใหญ่ที่สุด!
…ถวนจื่อเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาของนาง หากนางม้วยมรณา ถวนจื่อก็จะต้องตายตกไปพร้อมกัน!
อีกฝ่ายมีฝีมือแข็งแกร่งและหยิ่งผยองเหนือใคร
คนเดียวที่นางสามารถพึ่งพาได้ก็คือตัวนางเอง
ดังนั้นนางจึงเลือกพนันชีวิตของตนเองอย่างเต็มใจ!
“ข้าขอพูดอย่างไม่ปิดบัง ข้ากับถวนจื่อรู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก ผ่านความเป็นความตายด้วยกันมานับไม่ถ้วน ข้าเห็นมันเป็นคนในครอบครัวมาตั้งนานแล้ว หากหลังจากนี้มันไม่สามารถอยู่กับข้าได้ ข้าจะต้องเสียใจมากอย่างแน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่ลูบลำตัวของถวนจื่อด้วยความเศร้าสร้อย
“เมื่อถึงตอนนั้นไม่แน่ว่าข้าอาจจะตรอมใจแล้วจากไป”
ถวนจื่อได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาในทันที และถูไถกับใบหน้าของนางอย่างบ้าคลั่ง
ถ้านางตายแล้วมันก็อยู่ไม่ได้หรอก!
“เจ้า! เจ้า!”
ในที่สุดอี้เจาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป มันยกมือขึ้นชี้ฉู่หลิวเยว่ มือข้างนั้นสั่นสะท้านเพราะความโกรธ
“บังอาจ!”
คาดไม่ถึงว่านางจะกล้าข่มขู่เช่นนี้!
แบบนี้มันเรียกว่าเล่นลูกไม้อย่างหน้าด้านๆ ไม่ใช่หรือ?
แม่นางคนนี้หน้าไม่อายอย่างยิ่ง!
อี้เจามีชีวิตอยู่มาหลายพันปี เขาก็ไร้อารมณ์มาโดยตลอด แต่ว่าในตอนนี้เขาเกือบจะถูกยั่วโมโหจนตายแล้ว
ฉู่หลิวเยว่โค้งคำนับเล็กน้อยแล้วกล่าวอย่างสุภาพว่า
“เกรงใจกันเกินไปแล้ว”
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามนางในตอนนี้ เพียงต้องการให้ถวนจื่อได้ติดตามนางออกไปอย่างสง่าผ่าเผย
ไม่ตอบตกลงหรือ?
นางก็จะขอต่อสู้อย่างสุดกำลัง หากเจ้าตายข้าก็รอด
เดิมทีในตอนแรกนางต้องการจะเจรจาด้วยความสันติ แต่ว่าอีกฝ่ายไม่ให้โอกาสนั้นแก่นางเลย
นางจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไว้หน้าอีกฝ่าย
คนที่ไม่มีอันใดให้เสียแล้ว ย่อมไม่กลัวสิ่งใด นางใช้ชีวิตของตนเองเป็นข้อต่อรอง ถ้ามันไม่ได้ผลก็ทิ้งเอาไว้ที่นี่!
ความจริงแล้วที่ฉู่หลิวเยว่กล้าทำเช่นนี้ก็เพราะ…นางมีความมั่นใจ
เผ่าหงส์ทองคำให้ความสำคัญกับถวนจื่อเป็นอย่างมาก และไม่มีทางยินยอมที่จะสูญเสียมันไป
หลังจากที่นางได้จดหมายฉบับนั้นจากเผ่าหงส์ทองคำ นางก็รู้สึกว่ามีอันใดบางอย่างไม่ถูกต้อง
และหลังจากที่นางมาถึงที่นี่ ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าความรู้สึกแปลกประหลาดเหล่านั้นมาจากที่ใด
เผ่าหงส์ทองคำเป็นเผ่าที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ เดิมทีไม่มีทางมองเห็นนางอยู่ในสายตา
มนุษย์คนหนึ่งที่ทำพันธสัญญากับหงส์ทองคำ สำหรับพวกมันแล้วนางก็เป็นเพียงแค่รอยด่างพร้อยเท่านั้น
ในเรื่องนี้แม้ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่พวกมันไม่มีทางจะเอาใจใส่มากขนาดนี้ ในทางกลับกันพวกมันจะต้องรู้สึกรังเกียจอย่างมากต่างหาก
แต่คาดไม่ถึงว่าจดหมายที่มอบให้หนานซู่ไหวนั้นกลับบอกว่าให้นางมาขอขมาด้วยตนเอง อีกทั้งยังให้ยกเลิกพันธสัญญากับถวนจื่อ
แม้ว่าภายในจดหมายนั้นจะมีความหยิ่งยโสอยู่ แต่ฉู่หลิวเยว่กลับรู้ว่าที่พวกเขายินยอมเขียนจดหมายฉบับนี้ ก็ได้แสดงอันใดหลายอย่างให้เห็นแล้ว
… เผ่าหงส์ทองคำต้องการให้ถวนจื่อกลับไป!
อีกทั้งหลังจากที่พวกเขามาถึงที่นี่แล้ว ถวนจื่อก็สามารถเปิดม่านพลังของภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นนางจึงรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
ดังนั้นหากพูดอย่างน่าเกลียดก็คือ ที่พวกเขาไม่ลงมือฆ่านางในทันทีก็เป็นเพราะถวนจื่อไม่ใช่หรือ?
ต่อให้ในใจของพวกเขานั้นเกลียดนางสุดหัวใจ แต่ก็ไม่มีทางฆ่านางอย่างเด็ดขาด!
“ซั่งกวนเยว่ มันจะเกินไปแล้วนะ!”
ผู้อาวุโสอี้กงตะโกนขึ้นมาอย่างหมดความอดทน!
มันไม่เคยเห็นใครกล้าทำตัวกำเริบเสิบสานต่อหน้าพวกมันเช่นนี้มาก่อนเลย!
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เรื่องที่ข้าควรจะพูดก็ได้พูดไปหมดแล้ว ท่านกลับไปพิจารณาข้อเสนอของข้าดีกว่า แทนที่จะมาว่ากล่าวข้าอยู่ที่นี่”
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ทำไปทั้งหมดแล้ว ยังจะกลัวคนพูดอีกหรือ?
อี้กงรู้สึกหน้าอกหนักอึ้ง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีขาวสลับแดง
ฉู่หลิวเยว่คร้านจะใส่ใจเขา
นางเบนสายตาออกแล้วมองไปทางอี้เจา
คนผู้นี้สิถึงจะมีอำนาจสูงสุด
นางยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนแล้วกล่าวเสริมว่า
“ประมุขอี้เจา หากท่านจำที่ข้าพูดเมื่อครู่นี้ไม่ได้ ข้าสามารถพูดซ้ำให้ท่านฟังอีกรอบได้ ข้า…”
หนังตาของอี้เจากระตุก
“พอแล้ว! ข้ายังไม่แก่จนสายตาฝ้าฟาง!”
ฉู่หลิวเยว่เงียบเสียงลงอย่างเชื่อฟัง และลูบก้นของถวนจื่ออย่างปลอบโยน
หึ
ถวนจื่อรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง
ภายในท้องพระโรงมีความเงียบเข้าปกคลุม
การเจรจาของทั้งสองฝ่ายเข้าสู่ทางตัน
หลังจากผ่านไปสักพักฉู่หลิวเยว่ก็ทัดผมไว้ที่หลังหู ริมฝีปากแดงยกยิ้มขึ้น
“ประมุขอี้เจา ตอนนี้พวกเราสามารถเจรจากันใหม่อีกครั้งได้หรือยัง?”
…
เวลาค่อยๆ เคลื่อนคล้อย
ผู้คนที่รวมตัวอยู่ภายนอกตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา
“ซั่งกวนเยว่คนนั้นเข้าไปด้านในเป็นเวลานานแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดจนถึงตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เลย?”
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ด้านนอกไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์ด้านใน
แต่เรื่องที่ฉู่หลิวเยว่ก้าวผ่านม่านพลังและเข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงนั้น พวกเขาที่อยู่โดยรอบตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังฟ้าดิน
ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นนางและหงส์ทองคำตัวนั้น แต่พวกเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมาถึงแล้ว
“ใช่แล้ว ไม่ใช่แค่ว่าแม่นางคนนั้นจะมากล่าวขอขมาและยกเลิกพันธสัญญาหรอกหรือ? มันไม่น่าจะใช้เวลานานขนาดนี้นะ?”
“เรื่องนี้พูดยาก ไม่มีใครรู้ว่าการยกเลิกพันธสัญญานั้นจะต้องใช้เวลานานเท่าใด? ก่อนหน้านี้พวกเราก็ไม่เคยทำพันธสัญญามาก่อนเลยนี่นา?”
“มีท่านประมุขและผู้อาวุโสทั้งหลายอยู่ ตามหลักการแล้วมันคงจะไม่ยากลำบากเกินไปไม่ใช่หรือ… หรือว่ามันยังมีเหตุอื่นอีก? หรือบางทีซั่งกวนเยว่ผู้นั้นอาจจะไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกพันธสัญญานี้ก็ได้?”
“หึ หากนางไม่เห็นด้วยแล้วจะทำอย่างใดได้? หรือคนอย่างนางจะสามารถสร้างความปั่นป่วนได้จริงๆ?”
“นี่มัน…ข้ากลับได้ยินมาว่า คนผู้นั้นมีความสามารถไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้โหมวเหยาแห่งเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงไล่ตามไปฆ่านางถึงสำนักหลิงเซียว แต่สุดท้ายก็ยังต้องกลับไปด้วยความล้มเหลว! น่าจะเป็นเพราะแม่นางผู้นี้มีความสามารถจริงๆ…”
“หึ โหมวเหยานั้นก็เย่อหยิ่งอวดเก่ง ไม่สืบค้นสิ่งใดเลยจึงเป็นฝ่ายเสียเปรียบเช่นนั้น แต่มาเทียบกับผู้อาวุโสและประมุขของพวกเราได้หรือ? แล้วอีกอย่างตอนนี้ซั่งกวนเยว่ผู้นั้นกำลังยืนอยู่บนถิ่นของเผ่าหงส์ทองคำอย่างพวกเราอยู่นะ”
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรจะยอมให้มนุษย์ผู้หนึ่งที่อยู่ในระดับผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงอันใดได้ตามอำเภอใจอย่างนั้นหรือ?
“เฮ้อ แต่ว่าเมื่อครู่นี้ข้าได้ยินมาว่าหงส์ทองคำตัวที่มาใหม่นั้นเหมือนจะมีพลังแห่งสายเลือดที่ไม่เลวเลย ไม่เช่นนั้นประมุขไม่ยอมทุ่มเทพลังมากขนาดนี้เพื่อที่จะเรียกมันกลับมาหรอก”
“จะว่าไปแล้วก็ใช่ พิธีกราบไหว้บรรพบุรุษกำลังใกล้เข้ามาถึงแล้ว ท่านประมุขทำเช่นนี้ในตอนนี้…หรือว่าเขาจะมีแผนการอันใดบางอย่าง?”
“คำพูดเหล่านี้ หากพูดไปก็คงเร็วไปสินะ? มันยังไม่ได้ทดสอบระดับพรสวรรค์อย่างเป็นทางการเลย? ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม เมื่อถึงพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษ ทุกอย่างก็คงกระจ่างแจ้งเอง”
…
อี้หรานที่ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น
เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วมองไปทางตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง
แต่ว่าการมีอยู่ของไก่ฟ้าเก้าสีที่ต่ำต้อยแล้วเพิ่งทะลวงด่านมาได้นั้นจะมีค่าพอให้เหล่าผู้อาวุโสหนักใจเช่นนี้เลยหรือ?
…
…………….