ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1600 ประนีประนอม
ตอนที่ 1600 ประนีประนอม
……….
ฉู่หลิวเยว่มีสีหน้าเรียบนิ่งไปสามส่วน
“ท่านประมุขอี้เจาหมายความว่า… การพนันก่อนหน้านี้กลายเป็นโมฆะงั้นหรือ?”
อี้เจาหลับตาลง
ถ้าไม่ได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาก็ไม่ยินยอมให้เผ่าหงส์ทองคำต้องแบกชื่อเสียงว่ามีคำพูดเชื่อถือไม่ได้
แต่เรื่องนี้ก็ไม่สามารถแก้ไขได้
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราต้องการ”
อี้เจาพูดขึ้น
“ตอนนี้ถวนจื่อได้รับการสืบทอดจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษ ดังนั้นนางจะต้องเป็นนายน้อยของเผ่าข้า เพื่อสืบทอดตำแหน่งประมุขต่อไป ดังนั้นด้วยสถานการณ์นี้… หากนางยังคงต้องการรักษาพันธสัญญากับเจ้า เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม”
ความจริงแล้วประเด็นสำคัญในเรื่องนี้คือจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษ
เดิมทีแล้วการคัดเลือกให้ถวนจื่อเป็นนายน้อยก็เป็นเพียงอี้เจาที่พูดขึ้นมาก่อนคนแรก
แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้บังคับให้ฉู่หลิวเยว่ยกเลิกพันธสัญญากับถวนจื่อ
ทว่าจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษปรากฏขึ้นแล้ว อีกทั้งยังหลอมรวมเข้ากับร่างกายของถวนจื่อ
ดังนั้นในเรื่องนี้จึงถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
หากถวนจื่อต้องการทำพันธสัญญาต่อ เท่ากับไม่ให้ความเคารพบรรพบุรุษ…
ไม่ว่าอย่างใดเรื่องนี้เขาก็ไม่สามารถยอมรับได้อย่างแน่นอน
อี้เจาจ้องฉู่หลิวเยว่ตาเขม็งแล้วพูดว่า
“ความจริงแล้วต่อให้พวกเจ้ายกเลิกพันธสัญญากัน ก็ไม่มีทางส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเจ้ากับถวนจื่อไม่ใช่หรือ? อีกทั้งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากนางแล้ว พวกเราเผ่าหงส์ทองคำทั้งเผ่าก็จะกลายเป็นผู้ช่วยของเจ้า เรื่องเหล่านี้… เจ้าไม่มีทางเสียเปรียบแน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่ไม่พูดไม่จา
สิ่งที่อี้เจาพูดก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ตาม พวกเขาก็ได้ทำการชดเชยให้ อีกทั้งยังแสดงความจริงใจที่เพียงพอ
ท้ายที่สุดแล้วด้วยนิสัยเย่อหยิ่งของพวกเขา แม้กระทั่งการพูดจากับมนุษย์สักประโยคพวกเขายังรังเกียจ แต่ตอนนี้กลับยอมทำถึงขั้นนี้ ก็ถือว่าหาได้ยากยิ่งแล้ว
สามารถใช้พันธสัญญากับถวนจื่อ แลกกับความช่วยเหลือของเผ่าหงส์ทองคำทั้งเผ่า…
ก็ต้องบอกเลยว่าเงื่อนไขนี้น่าดึงดูดใจเป็นอย่างมาก
แต่สำหรับฉู่หลิวเยว่แล้วนี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด
สิ่งที่นางใส่ใจคือ ถวนจื่อ
ถวนจื่อได้รับจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษมาแล้ว
เกียรติยศนี้ ก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบ
หากนางยืนกรานจะทำตามใจตนเองโดยไม่ฟังเสียงของผู้อื่น ดึงดันให้ถวนจื่อเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาของนางต่อไป…
สำหรับถวนจื่อ ทางไหนคือทางเลือกที่ดีที่สุด?
ภายในท้องพระโรงเงียบกริบ
ฉู่หลิวเยว่จมอยู่กับความคิด
อี้เจาและคนอื่นๆ รอคอยคำตอบของนางอย่างเงียบสงบ
ทันใดนั้นเองมือเล็กๆ นุ่มนิ่มก็โบกไปมาอยู่ตรงหน้าของนาง
“อาเยว่…”
ถวนจื่อมองหน้านางด้วยความประหม่า ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความลังเลและไม่มั่นใจ
“เจ้าไม่ต้องการถวนจื่อแล้วหรือ?”
เมื่อมองเห็นความน้อยใจและหวาดกลัว หัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็อ่อนยวบ
นางหัวเราะเบาๆ แล้วลูบศีรษะของถวนจื่อ
“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างใด”
ถวนจื่อพุ่งเข้ามาโอบคอของนางเอาไว้ แล้วฝังใบหน้าไว้ที่ไหล่ของนาง
เดิมทีเสียงที่กระจ่างใสชัดเจน ตอนนี้กลับอู้อี้
“…อาเยว่ อย่าทิ้งถวนจื่อเอาไว้… ถวนจื่อจะเป็นเด็กดี…”
ความกังวล หวาดกลัว น้อยใจ ภายในเวลานั้น ความรู้สึกทุกอย่างแทบจะพวยพุ่งออกมา
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เหมือนถูกอันใดบางอย่างบีบรัด
นางอยากจะพูดอันใดบางอย่างออกมา แต่ทันใดนั้นกลับสัมผัสได้ว่าบริเวณไหล่มีความเปียกชื้น
การกระทำของนางนั้นชะงักไปในทันที คำพูดเหล่านั้นเหมือนจะติดอยู่ในลำคอ ไม่ว่าอย่างใดก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
ภายในเสียงของถวนจื่อ มีเสียงสะอื้นอยู่เล็กน้อยจนแทบไม่สามารถสังเกตได้
“อาเยว่ทิ้งถวนจื่อไปแล้วหนึ่งครั้ง ถวนจื่อไม่อยากให้มีครั้งที่สอง”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกขมฝาดขึ้นมาในทันที
ใช่แล้ว
นางลืมมันไปได้อย่างใด
ครั้งแรกที่หอบรรพกษัตริย์ราชวงศ์เทียนลิ่ง นางเลือกที่จะละทิ้งถวนจื่อแล้วตายไปเพียงลำพัง
ต่อมาในป่าหมอกมายา กว่าจะตามหานางกลับมาได้ก็ยากลำบากยิ่ง
ตอนนี้เมื่อต้องเผชิญกับทางเลือกเช่นนี้อีก
สำหรับนางแล้วสถานการณ์ในสองครั้งแรกมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แต่สำหรับถวนจื่อแล้ว นางล้วนเป็นคนที่ถูกทิ้ง
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่เห่อร้อนขึ้นเล็กน้อย นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกอดถวนจื่อให้แน่นขึ้น พร้อมกดจูบที่หน้าผากของอีกฝ่าย
“วางใจเถอะ อาเยว่ชอบถวนจื่อมาโดยตลอดอยู่แล้ว และจะอยู่กับถวนจื่อตลอดไป”
ร่างเล็กๆ ของถวนจื่อสั่นสะท้าน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองนาง
ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ขนตางอนหนามีหยดน้ำตาค้างอยู่สองหยด
จมูกแดงก่ำ ดวงตาก็แดง ดูแล้วน่าสงสารอย่างมาก
“จริงหรือ?”
นางรู้สึกน้อยใจ ก่อนจะถามกลับมาอย่างไม่กล้ามั่นใจ
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มพร้อมกับเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของนาง
“แน่นอน”
ขณะที่พูดนางก็เงยหน้ามองอี้เจาและคนอื่นๆ พร้อมพูดขึ้นอย่างช้าๆ ชัดๆ ว่า
“ผู้อาวุโสทั้งหลายโปรดให้อภัยข้าด้วย เงื่อนไขนี้… เกรงว่าข้าจะไม่สามารถตอบรับมันได้”
…
การเจรจาถึงทางตันอีกครั้ง
ปฏิกิริยาของถวนจื่อ อี้เจาและคนอื่นๆ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ไม่ใช่ว่าซั่งกวนเยว่ไม่ยินยอมยกเลิกสัญญา แต่เป็นเพราะถวนจื่อต่างหากที่ไม่ยินยอม!
นางติดตามซั่งกวนเยว่มาหลายปี ดังนั้นจึงมีความผูกพันลึกซึ้ง
การที่จะแยกพวกนางอย่างกะทันหันเช่นนี้ สำหรับถวนจื่อแล้วเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก
ผู้อาวุโสอี้อวี่กลอกตาขึ้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ท่านประมุข ตอนนี้ถวนจื่อยังเด็กมากนัก มีหลายสิ่งที่นางยังไม่เข้าใจ หากพวกเราบังคับมากเกินไป เกรงว่าอาจจะทำให้นางเสียใจได้ และอาจจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างพวกเรา ข้าคิดว่าเรื่องนี้…ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปจะดีกว่า”
“ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป? เรื่องที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งประมุขคนต่อไปจะเชื่องช้าได้อย่างใด?” ผู้อาวุโสอี้กงโต้เถียงขึ้นมาในทันที “แล้วอีกอย่างเจ้าบอกว่าค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป นั่นจะต้องรอไปถึงเมื่อไรกัน?”
ผู้อาวุโสอี้อวี่เลิกคิ้วขึ้น
“ผู้อาวุโสสูงสุดรีบร้อนอันใดกัน ข้าก็พิจารณาเพื่อถวนจื่อและเผ่าของพวกเราทั้งหมด อีกทั้งในตอนนี้นี่คือทางออกที่ดีที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ? ในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างรู้สึกลำบากใจ ถ้าเช่นนั้นก็จะถอยกันคนละก้าว ประนีประนอมด้วยกัน รอจนกระทั่ง
ถวนจื่อโตขึ้นอีกหน่อย แล้วค่อยให้นางตัดสินใจด้วยตนเอง การที่นางสามารถสืบทอดจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษมาได้นั้นก็หมายความว่าบรรพบุรุษได้ยอมรับในตัวนางแล้ว ข้าคิดว่าหลังจากนี้ถวนจื่อจะไม่ทำให้เราผิดหวังอย่างแน่นอน ท่านประมุข ท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างใด?”
“เจ้า…”
ผู้อาวุโสอี้กงสำลักไปเล็กน้อย
ฝ่ายตรงข้ามยกจิตวิญญาณบรรพบุรุษขึ้นมาพูด เขาก็ไม่สามารถโต้แย้งอันใดได้
“หึ!”
เขาแค่นหัวเราะเสียงเย็นออกมา แล้วสะบัดชายเสื้ออย่างแรง
“หากพวกเราจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดี ศักดิ์ศรีของเผ่าหงส์ทองคำก็อาจจะย่อยยับหายไปในพริบตา! ดังนั้นให้ท่านประมุขทบทวนให้ดีก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเถอะ!”
ใบหน้าของอี้เจาไร้อารมณ์
ความจริงแล้วในตอนนี้เขารู้สึกลังเลเป็นอย่างยิ่ง
สิ่งที่อี้กงกับอี้อวี่พูดก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
เรื่องนี้…
เขาอ้าปากขึ้น และหันไปมองทางถวนจื่อโดยไม่รู้ตัว
ฉู่หลิวเยว่กำลังช่วยนางเช็ดคราบน้ำตาที่หางตาด้วยความระมัดระวัง
ทันใดนั้นหัวใจของอี้เจาก็เหมือนถูกอันใดบางอย่างกระแทกอย่างรุนแรง คำพูดติดอยู่ที่ริมฝีปาก เขาพูดไม่ออกอย่างกะทันหัน
หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็ได้กลั้นหายใจ เหมือนกับตัดสินใจอันใดบางอย่างได้แล้ว จากนั้นเขาก็พูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ข้อเสนอแนะของอี้อวี่ไม่เลวเลย การหยุดชะงักค้างอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ทางออกที่ดี ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ถอยกันคนละก้าวเถอะ”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถวนจื่อคือนายน้อยของเผ่าเราแล้ว ซั่งกวนเยว่เจ้าสามารถทำพันธสัญญากับถวนจื่อต่อไปได้ แต่หากที่เวลาใดเผ่าของเราต้องการถวนจื่อ เจ้าจะต้องให้นางกลับมา และหลังจากนางเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ค่อยให้นางมาตัดสินใจด้วยตนเองเป็นครั้งที่สอง และเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันให้นางทิ้งลมปราณเอาไว้ที่นี่ส่วนหนึ่งด้วย พวกเราจะได้รับรู้สถานการณ์ของนางได้ตลอดเวลา”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ได้ พูดคำไหนคำนั้น”