ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1601 นายน้อย
ตอนที่ 1601 นายน้อย
……….
ฉู่หลิวเยว่ตอบตกลงทันทีอย่างไม่มีลังเลแม้แต่น้อย
เพราะนางรู้ว่าอีกฝ่ายได้ถอยให้นางก้าวใหญ่แล้ว
แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ถวนจื่อยังไม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ว่าสำหรับอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลแล้ว อีกทั้งยังสืบทอดจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากอย่างยิ่ง
ฉู่หลิวเยว่ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักหนักเบา ดังนั้นนางจึงตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
“ผู้อาวุโสทุกท่านได้โปรดวางใจ ถวนจื่อติดตามข้ามาหลายปี พวกเราได้กลายเป็นครอบครัวเดียวกันตั้งนานแล้ว ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม ข้าจะปกป้องนางให้ดีที่สุด”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นอย่างจริงจัง
สีหน้าของอี้เจาถึงได้อ่อนโยนลงเล็กน้อย
ครั้งนี้นับว่าซั่งกวนเยว่ฉลาดมาก
รายละเอียดบางอย่างเขาไม่สามารถพูดออกมาได้ทั้งหมด แต่โชคดีที่ซั่งกวนเยว่เข้าใจทั้งหมด
การที่มาอยู่จุดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย นับว่าไม่ใช่เรื่องปกติเลย
อี้กงที่ยืนอยู่ด้านข้างก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก “ท่านประมุข…”
“เช่นนั้นก็จัดการตามนี้”
อี้เจาไม่ได้สนใจเขา แต่สาวเท้าแล้วก้าวออกไปด้านนอกท้องพระโรง
“ถวนจื่อตามข้ามา”
ฉู่หลิวเยว่สามารถเดาได้บางส่วน ดังนั้นจึงปล่อยให้ถวนจื่อไป
ในตอนแรกถวนจื่อไม่ยินยอมที่จะจากไป แต่ก็ถูกฉู่หลิวเยว่เกลี้ยกล่อม อีกทั้งยังสัญญาว่าจะอยู่ด้านข้าง ดังนั้นนางถึงได้วางใจลงได้ แล้วเดินติดตามอี้เจาออกไป
ผู้อาวุโสอี้ซังชะงักไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ทำได้เพียงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเดินตามพวกเขาออกไป
ผู้อาวุโสทั้งหลายล้วนเดินตามออกไปทั้งหมด
ฉู่หลิวเยว่เดินรั้งท้ายสุด
แอ๊ด…
เสียงประตูบานใหญ่เปิดขึ้นอย่างกะทันหัน!
แสงสว่างลอดผ่านช่องประตูเข้ามาในทันที ทำให้ตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงสว่างไสวขึ้น!
…
เมื่อประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก เสียงจอแจบริเวณจัตุรัสก็เงียบลงในทันที
ทุกคนเงยหน้าขึ้นไปมองทางตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง!
สงสัย ตื่นเต้น ยินดี ประหม่า…
ความรู้สึกทุกอย่างพวยพุ่งขึ้นมาในหัวใจของทุกคน
พวกเขาล้วนรู้ดีว่า เมื่อประตูตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงเปิดออกมาแล้ว นั่นหมายความว่าเรื่องราวในวันนี้มีข้อสรุปแล้ว!
สายตาของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน มองไปยังอี้เจาที่กำลังเดินออกมา
ใบหน้าของเขายังคงเคร่งเครียดและเย็นชาเช่นเดิม ดังนั้นจึงไม่สามารถคาดเดาผลลัพธ์จากสีหน้าได้
บรรยากาศตึงเครียด หัวใจของคนจำนวนไม่น้อยเหมือนถูกบีบคั้น
หลังจากนั้นผู้อาวุโสทั้งห้าก็เดินติดตามออกมาด้วย
คนเหล่านี้มีสีหน้าที่ซับซ้อน โดยเฉพาะผู้อาวุโสอี้กง ใบหน้าของเขาดำคล้ำเคร่งเครียด
พวกเขามองหน้ากันไปมา
ดูจากท่าทางแล้ว หรือว่า… เรื่องนี้จะไม่สามารถแก้ไขได้อย่างราบรื่น?
ในขณะเดียวกันนั้นเองเงาร่างเล็กๆ ก็เดินออกมาจากในตำหนัก
เสียงกระดิ่งดังขึ้น กระโปรงพลิ้วไหว
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็หัวใจเต้นแรงมากขึ้น มาแล้ว!
จากนั้นเมื่อพวกเขาเห็นว่าถวนจื่อยืนอยู่ด้านข้างของท่านประมุข
ด้วยความที่อี้เจามีรูปร่างสูงใหญ่ทำให้ถวนจื่อตัวเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่เมื่อนางยืนอยู่ตรงนั้นกลับมีท่าทางสงบเยือกเย็นและบริสุทธิ์จริงใจ อีกทั้งยังมีความสูงส่งคลุมเครืออย่างไม่สามารถอธิบายได้
เมื่อเปรียบเทียบกับอี้เจาที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
คนจำนวนไม่น้อยลอบถอนหายใจออกมา
สมแล้วที่ได้หลอมรวมกับจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษ ลักษณะเช่นนี้ เด็กทั่วไปพึงมีที่ไหนกัน?
อี้เจากวาดตามองโดยรอบ และกวาดตาไปยังผู้คนที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาลึกซึ้ง
ท่ามกลางความเงียบงันมีแรงกดดันที่มองไม่เห็นปกคลุมขึ้นชั้นหนึ่ง
ทุกคนทยอยกันเงียบเสียงลง ในจัตุรัสขนาดใหญ่ หากเข็มตกลงพื้นก็ยังได้ยิน
พูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ถวนจื่อมีสายเลือดบริสุทธิ์มาตั้งแต่กำเนิด สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ อีกทั้งยังเปิดเส้นชีพจรต่อเนื่องถึงสี่เส้น นางคือแบบอย่างที่ดีของคนรุ่นใหม่! อีกทั้งนางยังได้รับการแต่งตั้งจากบรรพบุรุษ พร้อมหลอมจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษแล้ว ซึ่งนางเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตำแหน่งนายน้อย!”
“ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถวนจื่อคือนายน้อยแห่งเผ่าเรา! และเมื่อนางเติบโตแล้วนางจะเป็นประมุขคนต่อไป!”
เขาชะงักไปชั่วครู่
“เนื่องจากตอนนี้นางยังเยาว์วัยนัก ดังนั้นหลังจากนี้ นางจะต้องติดตามซั่งกวนเยว่ออกไปฝึกฝน รอจนกระทั่งเติบใหญ่แล้วกลับมา”
ทันทีที่สิ้นเสียง ทุกคนก็ชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็มีเสียงสูดลมหายใจดังขึ้น!
คำพูดนี้ของท่านประมุขหมายความว่าอย่างใด?
ถวนจื่อได้รับตำแหน่งเป็นนายน้อย อีกทั้งหลังจากที่นางโตแล้วนางจะได้เป็นประมุขคนต่อไป!
แต่ประเด็นสำคัญเลยก็คือ ก่อนที่นางจะเติบโตนั้นต้องติดตามซั่งกวนเยว่ต่อไป?
นั่นก็หมายความว่าตอนนี้พวกนางยังไม่ยกเลิกพันธสัญญากันหรือ?
นี่มัน… นี่มันจะเป็นไปได้อย่างใด?
หลังจากความเงียบเข้าปกคลุมชั่วครู่ บนจัตุรัสก็มีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น!
“ท่านประมุข? นี่เกรงว่าจะไม่เหมาะสมละมั้ง?”
“ใช่แล้ว ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม พวกเราไม่สามารถปล่อยให้ผู้ที่ทำพันธสัญญากับมนุษย์มารับหน้าที่สำคัญเช่นนี้ได้”
“ถวนจื่อมีพรสวรรค์ล้ำเลิศ แต่ตำแหน่งนายน้อยนี้… ควรจะมอบให้คนที่เหมาะสมมากกว่าหรือเปล่า…”
ถวนจื่อยกเปลือกตาขึ้น
“พวกเจ้าต่อต้านขนาดนี้ หมายความว่าเจ้ามีตัวเลือกที่เหมาะสมมากกว่าสินะ หรือว่า… พวกเจ้าต้องการจะฝ่าฝืนคำสั่งของบรรพบุรุษ?”
คำพูดที่เรียบง่าย กลับสามารถปิดปากทุกผู้คนได้สำเร็จ
บรรพบุรุษได้ทำการเลือกแล้ว แม้กระทั่งท่านประมุขยังไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอันใดได้ แล้วพวกเขาเป็นใคร?
“ตอนนี้จิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษหลอมรวมเข้ากับร่างกายของถวนจื่อแล้ว นางมีลมหายใจเดียวกับพวกเรา มีโชคชะตาเดียวกัน แน่นอนว่านางสามารถรับหน้าที่ฟื้นฟูความรุ่งเรืองของเผ่าเราได้แน่นอน”
อี้เจาพูดขึ้น แล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“พวกเจ้ายังจะเหม่อลอยอันใดอยู่?”
บางคนที่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วก็รีบพูดขึ้นมาว่า
“คารวะท่านนายน้อย!”
เสียงนี้ถือเป็นเสียงเตือนทุกผู้คน ทุกคนจึงทยอยโค้งคำนับ
“คารวะท่านนายน้อย!”
ไม่ว่าพวกเขาจะคิดอย่างใดก็ตาม แต่เรื่องนี้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้คือยอมรับ
ด้านหลังของฝูงชน อี้เจาเหลือบสายตามองร่างเล็กๆ ของอี้หรานที่กำลังโงนเงน ในโสตประสาทมีเสียงดังอื้ออึง
ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวอีก ก่อนจะล้มตัวลงไป
อี้เจาเหลือบสายตามองด้านข้าง
เขาคือท่านประมุข ในจัตุรัสเกิดเหตุอันใด ทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา
แน่นอนว่าเขารู้ว่าทางด้านนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้น แต่ว่าเขาไม่ได้ใส่ใจ
“ท่านประมุข เหมือนว่าจะมีคนเป็นลมสลบลงไปแล้ว”
ถวนจื่อพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เมื่อได้ยินคำพูดของอี้เจาดังนั้น นางก็มั่นใจแล้วว่าตนเองสามารถติดตามฉู่หลิวเยว่ต่อไปได้ ในที่สุดก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก อารมณ์ของนางจึงดีขึ้นมาก
แม้ว่าดวงตาจะยังเป็นสีแดงอยู่ แต่ใบหน้าเล็กกับประดับด้วยรอยยิ้มสดใสแล้ว น้ำเสียงนั้นก็กระจ่างใสเป็นอย่างมาก
เมื่อทุกคนได้ยินดังนี้ จึงรีบหันกลับไปดูในทันทีแล้วพบว่า อี้หรานสลบลงไปที่พื้นตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ
คนจำนวนไม่น้อยลอบสบสายตากัน และพวกเขาก็สามารถมองเห็นความตกใจในแววตาของอีกฝ่ายได้
พวกเขาอยู่ใกล้ขนาดนี้แต่กลับไม่ได้สังเกตเลย แล้วถวนจื่อรู้ได้อย่างใด?
อี้เจารู้ว่าร่างกายของถวนจื่อหลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษแล้ว นางจึงแตกต่างจากคนทั่วไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ประหลาดใจอันใดมาก เพียงแต่เหลือบสายตาหันไปมองอี้กงเท่านั้น
“อี้กง เจ้าพาเขากลับไปเถอะ ไปรักษาตัวให้ดี บางทีอาจจะฟื้นคืนได้โดยเร็ววัน”
ผู้อาวุโสอี้กงทำได้เพียงตอบรับ
“ขอรับ…”
ในตอนที่เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว เขาก็ได้ยินถวนจื่อพูดว่า
“เขาไม่สามารถดีขึ้นได้แล้ว”
ผู้อาวุโสอี้กงหันขวับกลับไปโดยเร็ว คิ้วขมวดแน่นขึ้น
“เจ้า… นายน้อย ท้ายที่สุดแล้วอี้หรานก็แก่กว่าหลายปี เจ้าจะมาแช่งเขาอย่างนี้ได้อย่างใด?”
ถวนจื่อกะพริบตาปริบๆ
“ข้าพูดความจริงนี่นา เส้นชีพจรที่สามของเขาขาดสะบั้นแล้ว ไม่สามารถรักษาได้ ไม่เชื่อเจ้าก็ไปดูด้วยตนเองเถอะ!”
เดิมทีผู้อาวุโสอี้กงไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ แต่เมื่อได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย หัวใจของเขาก็เต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง
ก่อนจะรีบหมุนตัวแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
……….