ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1605 ซักถาม
ตอนที่ 1605 ซักถาม
……….
ป้ายไม้สีดำเลอะคราบเลือดกระดำกระด่าง นอนอยู่บนพื้นอย่างเงียบงัน ลำแสงเย็นชาเปล่งประกายออกมา
ในตอนนั้นจะเห็นได้ว่ามีลายเส้นบางๆ สลักเอาไว้อยู่ที่ด้านบน
ทุกคนมองไปด้วยใบหน้ามึนงง
เหตุใดเสวี่ยเสวี่ยจึงนำของสิ่งนี้กลับมาในเวลานี้
ท่ามกลางหมู่คนมีเพียงผู้อาวุโสถงชวนที่มีใบหน้าซีดขาว และย่ำแย่เป็นอย่างมาก
แขนที่อยู่ในชายเสื้อของเขานั้นสั่นระริก เท้าทั้งสองข้างเหมือนถูกตะปูตรึงไว้กับพื้น ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
“นี่มัน…”
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกสาวเท้าก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว เมื่อเขาจ้องมองมัน ทันใดนั้นก็มีสีหน้าตกตะลึงปรากฏ!
“นี่คือป้ายไม้ของถ้ำปีศาจทมิฬ! ช้าก่อน! ป้ายไม้ระดับนี้ เหมือนว่าจะมีระดับไม่ต่ำต้อย…”
“ผู้อาวุโสสายตาเฉียบแหลม”
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ป้ายไม้นี้ จะต้องอยู่ในตำแหน่งแปดหัวหน้าของถ้ำปีศาจทมิฬถึงจะมี”
ฐานะหัวหน้าของถ้ำปีศาจทมิฬ รวมถึงตำแหน่งราชาปีศาจของพวกเขานั้นก็แข็งแกร่งจนสามารถข่มขู่ คุกคามผู้อื่นได้
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าตกใจเป็นอย่างมาก
“หัวหน้า? ถ้ำปีศาจทมิฬหลบซ่อนตัวมานานหลายปีแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงมาปรากฏตัวอย่างกะทันหันเช่นนี้ล่ะ?”
“คนของถ้ำปีศาจทมิฬ มีตำแหน่งสูงส่ง หากมีป้ายไม้ระดับนี้ เกรงว่าจะหาได้ยากยิ่ง ไม่รู้ว่า… ของชิ้นนี้มาจากที่ใดกันแน่?”
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
“หรือว่าเสวี่ยเสวี่ยจะต่อสู้กับหัวหน้าคนใดคนหนึ่งของถ้ำปีศาจทมิฬ?”
ดูเหมือนว่ากว่าจะได้ป้ายไม้แผ่นนี้มาก็ต้องผ่านความลำบากไม่น้อย อีกทั้งเสวี่ยเสวี่ยยังได้รับบาดเจ็บมาด้วย
เสวี่ยเสวี่ยผ่อนลมหายใจออกมาแล้วหันมองทางผู้อาวุโสถงชวน
ดวงตาสีน้ำเงินแหลมคมราวกับใบมีดน้ำแข็ง! เหมือนกับต้องการถลกหนังของเขาออกหนึ่งชั้น!
หัวใจของผู้อาวุโสถงชวนดำดิ่ง!
ตอนที่เสวี่ยเสวี่ยเอาป้ายไม้แผ่นนั้นกลับมา เขาก็รู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดีแล้ว เพียงแต่ว่าในใจยังโอบอุ้มความหวังสุดท้ายเอาไว้ โดยหวังว่าจะไม่สามารถสัมผัสได้
แต่ว่าดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เหมือนกับ… ไม่มีทางเป็นไปได้เลย!
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเสวี่ยเสวี่ย ทุกคนก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาก่อน จากนั้นความรู้สึกของเขาก็ละเอียดอ่อนมากขึ้น
สายตาของเสวี่ยเสวี่ยที่มีต่อผู้อาวุโสถงชวนมันผิดปกติอย่างมาก อีกทั้งการตอบสนองของผู้อาวุโสถงชวน… ก็แปลกประหลาดอย่างมาก!
หรงซิวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงราบเรียบ
“ผู้อาวุโสถงชวน ท่านไม่มาเอาของสิ่งนี้ไปหน่อยหรือ?”
ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น เดิมทีภายในห้องนี้ก็เงียบเชียบอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งเงียบกริบมากกว่าเดิม!
แม้ว่าสิ่งที่พวกเขาคาดเดานั้นจะไม่ถูกต้อง แต่หลังจากได้ยินคำพูดที่แฝงความหมายของหรงซิว คนที่อยู่ในสถานการณ์จำนวนไม่น้อยก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ
นี่มัน… ป้ายไม้หัวหน้าของถ้ำปีศาจทมิฬไม่ใช่หรือ?
เหตุใดโอรสสวรรค์ถึงบอกให้ผู้อาวุโสถงชวน “เอามันไป” ล่ะ?
“… ข้าไม่ทราบว่าฝ่าบาทกำลังหมายถึงอันใดอยู่?”
มือที่อยู่ในแขนเสื้อของผู้อาวุโสถงชวนกำแน่น เขาพยายามอย่างมากที่จะทำให้น้ำเสียงสงบนิ่ง
หัวใจของเขากลับเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง เลือดลมพลุ่งพล่าน เหมือนจะระเบิดขึ้นมาภายในชั่ววินาที!
“ก่อนหน้านี้ข้าคิดอยู่แล้วว่าพระราชวังเมฆาสวรรค์ไม่ค่อยสะอาด หลังจากที่จากไปแล้ว ก็ให้เสวี่ยเสวี่ยเฝ้าอยู่ที่นี่อย่างลับๆ เวลาผ่านมานานขนาดนี้ ถึงจะเพิ่งเห็นผลลัพธ์”
หรงซิวพูดขึ้นอย่างเชื่องช้า ท้ายประโยคลากยาวเล็กน้อย ท่าทางเหมือนไม่สนใจใยดีอยู่หลายส่วน
แต่สมองของผู้อาวุโสถงชวนกลับตึงเครียดขึ้นมา!
หากเขาไม่ระมัดระวัง ทุกอย่างจะต้องพังทลายในทันที!
“ผู้อาวุโสถงชวนป้ายไม้แผ่นนี้ เสวี่ยเสวี่ยได้มาจากมือของคนผู้หนึ่งจริงๆ แต่ตอนนี้ คนผู้นั้นตายแล้ว แต่บนป้ายไม้แผ่นนี้กลับยังมีลมปราณสายหนึ่งหลงเหลืออยู่ แต่เมื่อคนผู้นั้นตายไปแล้ว คนผู้นั้นไม่มีทางเป็นเจ้าของป้ายไม้แผ่นนี้อย่างแน่นอน”
“แต่ประเด็นสำคัญที่สุดเลยก็คือ ข้ากลับรู้สึกคุ้นเคยกับลมปราณสายนี้เป็นอย่างมาก ถ้าเช่นนั้นให้ผู้อาวุโสถงชวนมาดูป้ายไม้แผ่นนี้ด้วยตนเองจะดีกว่า ไม่ทราบว่าท่านจะรู้สึก… เหมือนกันหรือไม่?”
ร่างกายของผู้อาวุโสถงชวนแข็งทื่อ ไอเย็นพวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้าของเขาทันที!
ริมฝีปากของหรงซิวโค้งขึ้นเล็กน้อย เหมือนกับกำลังยิ้ม แต่ดวงตาหงส์คู่นั้นกลับดูแหลมคมดุจใบมีดน้ำแข็งที่ทิ่มแทงทะลุหัวใจของผู้คนได้!
“หากข้าไม่ได้รู้สึกผิดพลาดไปล่ะก็ ลมปราณสายนี้มีความคล้ายกับผู้อาวุโสถงชวนเป็นอย่างมาก”
ทันทีที่สิ้นเสียงนี้อุณหภูมิภายในห้องก็ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว! ราวกับถึงจุดเยือกแข็ง!
ในตอนนั้นเองแม้กระทั่งอากาศก็เหมือนจะถูกแช่แข็ง!
“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสถงชวนจะอธิบายเรื่องนี้อย่างใด?”
ใบหน้าของหรงซิวไม่มีประกายกรุ่นโกรธเลย
ดวงหน้างดงามของเขาเรียบนิ่ง หางตาและระหว่างคิ้วมีความเย็นชาและเฉยเมยดังเดิม คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อย มุมปากโค้งขึ้น ความประหม่าเพิ่มขึ้นหลายส่วน
ริมฝีปากของผู้อาวุโสถงชวนกระตุก แต่ลำคอกลับแห้งผาก
ขณะที่เปล่งเสียง น้ำเสียงของเขาก็แหบพร่าขึ้นมาหลายส่วนอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“…ข้า…ข้าไม่ทราบ…”
“จริงสิ ข้ากลับลืมไปเลย”
ทันใดนั้นหรงซิวก็พูดแทรกเขาขึ้นมา ก่อนจะหัวเราะขึ้น
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดว่ายังหาสาเหตุที่ท่านประมุขหมดสติไม่ได้ แต่เมื่อเห็นป้ายไม้แผ่นนี้ ข้ากลับคิดอันใดบางอย่างขึ้นมาได้แล้ว”
“คนของถ้ำปีศาจทมิฬมีฝีมือแข็งแกร่ง สามารถใช้การปิดผนึกอันใดบางอย่าง ทำให้ผู้คนเข้าสู่การหลับใหล ผนึกชนิดนี้มีความร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะทำให้หมดสติแล้ว ก็ยังไม่สามารถหาสาเหตุพบ แต่หากเวลาผ่านพ้นไปเรื่อยๆ จะทำให้พลังของผู้ที่ถูกปิดผนึกก็จะค่อยๆ หายไป จิตวิญญาณที่ได้รับการทรมานก็จะแตกสลายไปด้วย”
“ช้าที่สุดหนึ่งปี สั้นที่สุดสามเดือน จิตวิญญาณของผู้ที่ถูกปิดผนึกก็จะแตกสลายไปอย่างไร้ร่องรอย และสิ้นชีพไปในทันที”
“เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว ท่านประมุขก็คงจะ… ถูกเล่นงานด้วยผนึกนี้ ผู้อาวุโสถงชวน ท่านมีความเห็นว่าอย่างใด?”
สีหน้าของผู้อาวุโสถงชวนไม่สามารถใช้คำว่าย่ำแย่มาบรรยายได้แล้ว
เขามองไปทางหรงซิวด้วยความสับสนและมึนงง ราวกับคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดเช่นนี้ออกมา
“เจ้ารู้ได้อย่างใด… ไม่! ข้าไม่เข้าใจว่าฝ่าบาทกำลังพูดอันใดอยู่!”
ผู้อาวุโสถงชวนปฏิเสธอย่างถึงที่สุด แต่ตอนนี้จากคำพูดทั้งหมดของเขา เมื่อฟังแล้วก็ต้องมีใบหน้าซีดเซียว
“ผู้อาวุโสถงชวนอยากจะถามข้าว่า ข้ารู้วิชาลับสุดยอดของถ้ำปีศาจทมิฬได้อย่างใดอย่างนั้นหรือ?”
หรงซิวหัวเราะเบาๆ
“เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ มีคนอยากจะใช้วิชานี้กับข้า แต่น่าเสียดายที่ทำไม่สำเร็จ แต่ก็ทำให้ข้า… รู้เรื่องนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
“ผู้อาวุโสถงชวน ท่านอยากรู้หรือไม่ว่าคนผู้นั้นคือใคร?”
……….