ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1607 ข้อพิพาท
ตอนที่ 1607 ข้อพิพาท
……….
ผู้อาวุโสถงชวนรีบติดตามไปในทันที!
แต่เขายังไม่ทันได้เคลื่อนไหว ตรงหน้าก็มีลำแสงสีทองพาดผ่าน!
ชั่วพริบตาต่อมาเปลวเพลิงสีทองก็ก่อร่างขวางกั้นตรงหน้าของเขา!
“ไสหัวไป!”
ผู้อาวุโสถงชวนคำรามออกมาด้วยเสียงแหบพร่าและเต็มไปด้วยความโกรธ!
ในตอนนั้นดวงตาของเขาปกคลุมด้วยหมอกดำอย่างสมบูรณ์
มืดครึ้ม เย็นชาและเหน็บหนาว…
แต่เมื่อคนมองไปก็รู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมาทันที!
เขายกแขนขึ้นแล้วฟันลงอย่างแรง!
ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องอื่นอีกแล้ว
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องเอาป้ายไม้สีดำแผ่นนั้นกลับมาให้ได้!
ดาบหนึ่งฟาดลง เปลวเพลิงสีทองนั้นก็แยกออกจากกัน!
ขณะที่ผู้อาวุโสถงชวนกำลังจะพุ่งตัวทะลุผ่านมันไป เขาก็เห็นว่าเปลวเพลิงนั้นแยกออกเป็นสองส่วน และกำลังล้อมเขาเอาไว้!
เขาเบี่ยงตัวหลบในทันที ก่อนจะโบกดาบสีดำในมืออย่างบ้าคลั่ง พยายามแยกตัวออกจากที่แห่งนี้
เพราะเขารู้ดีว่าเปลวเพลิงของหรงซิวนั้นน่ากลัวมากแค่ไหน!
เมื่อถูกพัวพันเข้าแบบนี้…
พรึ่บ!
ทันใดนั้นเองดอกไม้เพลิงสีทองก็ระเบิดขึ้นที่ข้างหูของเขา!
ผู้อาวุโสถงชวนหันหน้ากลับไปมองอย่างแข็งทื่อ จากนั้นก็พบว่าด้านหลังของเขานั้นมีเปลวเพลิงสีทองกลุ่มเล็กๆ ปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ!
ในตอนนั้นเองเปลวเพลิงสีทองเบ่งบาน ลำแสงสว่างเจิดจ้า เปล่งประกายนับจำนวนไม่ถ้วน ในตอนนั้นก็มีลำแสงพาดผ่านท้องฟ้า
ผู้อาวุโสถงชวนรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง!
เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่รู้ตัว
เสวี่ยเสวี่ยที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
แต่ภายในร่างกายของเขาก็เริ่มมีความเจ็บปวดพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง!
นี่มัน… ป้ายไม้แผ่นนั้นเริ่มหักพังแล้ว!
“เจ้า! เจ้า!”
ผู้อาวุโสถงชวนรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา
พรึ่บ!
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นในโสตประสาทของเขา
ผู้อาวุโสถงชวนได้สติกลับคืนมา ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ!
ลำแสงนั้นกระจายออกไปทุกหนทุกแห่งตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ ลำแสงพันกัน ก่อตัวเป็นโครงร่างพับทบกัน จนสุดท้ายก็กลายเป็นค่ายกลที่มีความซับซ้อนอย่างมาก!
ค่ายกลนี้มีขนาดไม่ใหญ่ แต่กลับผูกรัดตัวเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา!
เขายิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น และอยากจะดิ้นรนออกไปให้ได้
จนถึงตอนนี้ เขาก็เพิ่งได้ตระหนักว่า เขาไม่สามารถโคจรพลังดั้งเดิมในร่างกายได้แล้ว!
“นี่คือ ‘ค่ายกลพันธนาการเทพ’ ที่ข้าใช้เวลาศึกษามาเป็นระยะเวลานาน วันนี้เพิ่งได้มีโอกาสมาทดลองใช้ ดูเหมือนว่าจะไม่เลวเลยทีเดียว”
หรงซิวพูดขึ้นอย่างเชื่องช้า ใบหน้าประดับรอยยิ้มสามส่วน เหมือนว่าเขาจะพอใจกับผลลัพธ์ของค่ายกลนี้เป็นอย่างมาก
ผู้อาวุโสถงชวนกลับรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
เป็นไปได้อย่างใด!
ตอนนี้หรงซิวอยู่ในระดับผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงเท่านั้น แม้ว่าเขาจะมีร่างศักดิ์สิทธิ์สองร่าง และอาณาเขตเซียนเทพสองแห่ง แต่ก็ยังเป็นเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง!
แต่เขาคือผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์!
ค่ายกลของหรงซิวนี้มีพลังถึงระดับนี้ได้อย่างใด?
แม้ว่าผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์จะสูงกว่าผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงเพียงแค่ขั้นเดียว แต่ระยะห่างของทั้งสองระดับนี้กลับกว้างมากราวฟ้ากับเหว
ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ไม่รู้ว่ามีผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงอยู่มากเท่าใด
แต่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ก็มีน้อยกว่าและล้ำค่ากว่ามาก!
พวกเขารู้อย่างชัดเจนว่าระดับการต่อสู้ของหรงซิวนั้นจะเหนือกว่าคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน
ทว่าพวกเขากลับคิดไม่ถึงเลยว่าเขาสามารถสู้กับผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสูสี!
อย่าว่าแต่ผู้อาวุโสถงชวนเลย ผู้คนที่อยู่รอบข้างก็นิ่งค้างกันไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ในพระราชวังเมฆาสวรรค์ผู้อาวุโสถงชวนก็มีตำแหน่งสูงส่ง ยิ่งใหญ่ ไม่มีเหตุผลอื่นเลยที่เขาได้ตำแหน่งเช่นนี้ นอกเสียจากเขาแข็งแกร่งมากพอ!
แต่ตอนนี้เมื่อเขาประมือกับโอรสสวรรค์หรงซิว คาดไม่ถึงว่า… จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ?
หรงซิวไม่ได้ให้เวลาผู้อาวุโสถงชวนในการตอบโต้
เขายกมือขึ้นอีกครั้ง
ข้อนิ้วเรียวยาวค่อยๆ ผ่อนลง
พรึ่บ!
ค่ายกลพันธนาการเทพ ส่องลำแสงสว่างขึ้น!
ทันใดนั้นเองผู้อาวุโสถงชวนกลับรู้สึกว่าร่างกายของเขาถูกอันใดบางอย่างบดขยี้อย่างรุนแรง!
ความเจ็บปวดอันรุนแรงแผ่เข้ามาจากทุกส่วนของร่างกาย! จนแทบจะทำให้เขาเป็นบ้า!
“อ๊าก…”
ในที่สุดผู้อาวุโสถงชวนก็ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป เขาส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด
ลำแสงสว่างวาบ ทำให้ทุกคนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน เห็นเพียงเงาร่างของเขาอย่างเลือนรางเท่านั้น อีกทั้ง… บนพื้นยังมีคราบเลือดไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย
แต่ที่น่าแปลกก็คือ คาดไม่ถึงว่าหยาดเลือดเหล่านั้นจะเป็นสีดำแดง อีกทั้งยังมีกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น!
พื้นหยกเนื้อดีเหมือนจะถูกเลือดเหล่านี้กัดกร่อน ในตอนนั้นก็มีเสียงดัง “ฉ่าๆ” ขึ้น นอกจากนี้ยังมีหมอกสีดำที่ลอยพวยพุ่งออกมา
กระแสเสียงเช่นนั้น ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ขนลุกชูชัน!
หากพวกเขายังมองไม่ออกว่าผู้อาวุโสถงชวนเป็นคนของถ้ำปีศาจทมิฬหรือไม่นั้น ก็ไม่สามารถอยู่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้อีกต่อไปแล้ว!
น้ำเสียงของผู้อาวุโสถงชวนเบาลงเรื่อยๆ
เหมือนว่าเขากำลังหยุดดิ้นรนอย่างเชื่องช้า
มีเพียงแต่หยาดเลือดที่อยู่บนพื้นที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในขณะนั้นเองม่านพลังที่ก่อตัวจากหมอกสีดำของผู้อาวุโสถงชวนก็พังทลายลง!
ตู้ม!
หมอกสีดำนั้นจางหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะไหลเข้าไปอยู่ในร่างของผู้อาวุโสถงชวน
เพียงแต่ว่าเขาในตอนนี้กับพลังเหล่านั้นก็เหมือนกับน้ำหนึ่งแก้วกับรถขนเพลิง
ลำแสงของค่ายกลพันธนาการเทพค่อยๆ หายไป
ในตอนนี้เงาร่างของผู้อาวุโสถงชวนกำลังปรากฏแก่สายตาทุกคนอีกครั้ง
มีบางคนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่างห้ามไม่ได้ แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องเงียบเสียงลงอีกครั้งในทันที
ภายในห้องนั้น มีเพียงความเงียบงัน
เพียงแต่ว่าความหวาดกลัวและตื่นตระหนกในแววตายังไม่จางหาย
ในตอนนี้สิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขาอีกครั้งนั้น แทบจะไม่นับว่าเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว
ร่างกายของผู้อาวุโสถงชวนเหมือนถูกอันใดบางอย่างสูบจนแห้ง ตอนนี้โครงกระดูกของเขาแห้งเหี่ยว ใบหน้าของเขาตอบและซูบเซียว อีกทั้งยังไม่มีเลือดฝาด ดวงตาคู่นั้นมีแต่สีดำสนิทที่เต็มไปด้วยความตกใจ หวาดกลัวและกรุ่นโกรธ
เมื่อมองไปแล้วทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจ
แต่ระหว่างคิ้วของเขานั้นมีสัญลักษณ์หนึ่งปรากฏขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ!
ทว่าไม่ใช่สัญลักษณ์ของพระราชวังเมฆาสวรรค์ แต่กลับเป็น… ถ้ำปีศาจทมิฬ!
ทันใดนั้นผู้อาวุโสถงชวนก็อ้าปากกว้าง
พร้อมส่งเสียงหัวเราะที่แหบพร่าและแฝงด้วยความเยาะเย้ยมาจากระยะไกล
“หรงซิว ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ”
……….