ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1610 มา
ตอนที่ 1610 มา
……….
แสงอาทิตย์อุทัย ท้องฟ้าที่มืดมนค่อยๆ สว่างขึ้น
เปลวเพลิงแสงสุดท้ายของตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงก็ดับมอดลง
สายลมพัดผ่าน เมฆหมอกบนภูเขากระจายออกไปเล็กน้อย เผยให้เห็นเงาร่างของผู้คนที่นั่งอยู่ในจัตุรัส
ฉู่หลิวเยว่หายใจออกอย่างเชื่องช้าแล้วลืมตาขึ้นมา
พลังแห่งสวรรค์และโลกในที่แห่งนี้อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังบริสุทธิ์ ได้บำเพ็ญเพียรที่นี่ ดีกว่าภายนอกถึงสองเท่า
ดังนั้นตอนที่นางรอถวนจื่ออยู่ด้านนอก นางก็ไม่ได้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ นางแบ่งจิตออกมาเพื่อใช้ในการบำเพ็ญเพียร
หลังจากทะลวงด่านผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงแล้ว ประสิทธิภาพในการกลืนกินพลังดั้งเดิมของนางก็ดีขึ้นเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าเวลาในการบำเพ็ญเพียรก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงมีอยู่สามระดับด้วยกัน แบ่งออกเป็นระดับต้น กลาง และสูงสุด
อีกทั้งระยะห่างของทั้งสามระดับนี้ก็มีไม่น้อยเลย
ตอนนี้นางยังอยู่ในระดับต้น หากอยากทะลวงด่านอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่านางจำเป็นจะต้องเพียรพยายามให้มากขึ้น
หลังจากรวบรวมพลังดั้งเดิมที่บริสุทธิ์แล้ว พลังของนางก็กลับคืนมาไม่น้อย ดวงตาที่เหมือนดั่งหยกดำขลับก็กระจ่างใสขึ้น
นางหันไปมองทางประตูตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงครู่หนึ่ง
ถวนจื่อเข้าไปด้านในเป็นเวลาสามวันแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมา
อี้เจาที่เข้าไปพร้อมกับนางก็ยังไม่ได้ออกมาเช่นกัน
ฉู่หลิวเยว่ลังเลครู่หนึ่ง และเหลือบสายตามองด้านข้าง
ผู้อาวุโสอี้อวี่จากไปเมื่อวานนี้ เหมือนว่าคนด้านล่างจะพบว่าหุบเขาเฟิ่งหวงนั้นมีความเสียหายร้ายแรง จึงเชิญให้เขากลับไปดู
จะว่าไปแล้วก็ใช่ เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ นางจำไม่ได้ว่าตนเองอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์มามากเท่าไร
แม้ว่าทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นจะถูกถวนจื่อกลืนกินไปจนหมด แต่ว่าระหว่างขั้นตอนเหล่านั้นก็มีพลังที่รั่วไหลออกมา จนสร้างผลกระทบให้แก่หุบเขาเฟิ่งหวงได้
ฉู่หลิวเยว่บังเกิดความรู้สึกผิดอยู่หลายส่วน เดิมทีนางก็อยากจะไปกับเขาด้วย
แต่ผู้อาวุโสอี้อวี่กลับโบกมือขึ้นมา และให้นางรอถวนจื่อที่นี่ต่อไป ส่วนเรื่องอื่นๆ พวกเขาจะเป็นคนจัดการเอง
เดิมทีนี่ก็เป็นฐานที่มั่นของพวกเขาอยู่แล้ว หากพูดถึงการซ่อมแซม… แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรแน่นอน
เมื่อได้รับคำขอโทษของฉู่หลิวเยว่ ท่าทางของผู้อาวุโสอี้อวี่ก็ผ่อนคลายมากขึ้น
“เจ้าช่วยถวนจื่อเปิดเส้นชีพจรทั้งสี่ เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้จะนับว่าเป็นอันใดได้?”
ถวนจื่อมีความสำคัญต่อเผ่าหงส์ทองคำเป็นอย่างมาก ต่อให้เขาทำลายหุบเขาเฟิ่งหวงไปทั้งหมดจริงๆ พวกเขาก็ไม่มีทางพูดอันใดแน่นอน
หุบเขาเฟิ่งหวงสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ แต่ถวนจื่ออาจจะไม่มีคนที่สอง
เมื่ออีกฝ่ายพูดเช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้ยืนกรานอีกต่อไป
หลังจากเรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันแรก ผู้อาวุโสอี้กงก็ไม่เคยปรากฏตัวออกมาอีกเลย
ดังนั้นในตอนนี้ คนที่รออยู่ด้านนอกท้องพระโรงยังมีผู้อาวุโสอีกสามท่าน
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตาไปมองผู้อาวุโสอี้ซังที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด
“ผู้อาวุโสอี้ซัง ผู้เยาว์มีเรื่องที่อยากจะสอบถามเล็กน้อย การกราบไหว้บรรพบุรุษ… ปกติแล้วจะใช้เวลานานขนาดนี้เชียวหรือ?”
ผู้อาวุโสอี้ซังหันกลับมามอง แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ในสถานการณ์ปกติแล้ว นายน้อยกราบไหว้บรรพบุรุษจะใช้เวลาหนึ่งวัน แต่ว่าถวนจื่อเป็นกรณีพิเศษ อาจจะใช้เวลานานกว่าสักหน่อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปาก
เรื่องนี้นางเองก็รู้ดี
แต่นี่มันผ่านมาสามวันแล้ว อีกทั้งยังไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงทำให้ผู้คนรู้สึกกังวล
“เช่นนั้น… ท่านรู้หรือไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใด?”
ผู้อาวุโสอี้ซังส่ายหน้า
“เรื่องนี้… มันขึ้นอยู่กับตัวของนางเอง”
แม้ว่าก่อนหน้านี้เผ่าหงส์ทองคำจะมีสายเลือดบริสุทธิ์ปรากฏขึ้น แต่ก็ไม่มีใครสามารถอัญเชิญจิตวิญญาณบรรพบุรุษมาได้
ถวนจื่อถือว่าเป็นคนแรก
พวกเขาก็ไม่มีประสบการณ์ ดังนั้นจึงพูดอันใดมากไม่ได้
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างเข้าใจ นางจึงทำได้เพียงอดทนรอต่อไป
ยังดีที่นางกับถวนจื่อมีจิตเชื่อมโยงกัน ดังนั้นน่าจะไม่มีปัญหา…
แต่ทันใดนั้นเองภายในตันเถียนของฉู่หลิวเยว่ก็มีระลอกคลื่นสายเล็กปรากฏขึ้น!
นางชะงักไปเล็กน้อย
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งระลอกคลื่นนั้นก็ปรากฏขึ้นใหม่อีกครั้ง อีกทั้งในครั้งนี้ยังชัดเจนกว่าครั้งก่อนด้วย
เหมือนว่ามันจะมาจาก… ไข่มุกธาราเม็ดนั้น!
เหมือนว่ามีอันใดบางอย่างกำลังเรียกหา ท่ามกลางความมืดมิด
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมองตามทิศทางนั้น จากนั้นนางก็กลั้นลมหายใจ… พลังสายนี้ เหมือนว่าจะออกมาจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง!
นางกวาดสายตามองโดยรอบ
ทุกคนยังมีสีหน้าปกติ เหมือนกับว่ามันกำลังเรียกหานางอยู่คนเดียว?
นี่มัน…
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นกระหน่ำ
นางสามารถสัมผัสได้ว่า พลังที่เรียกหานางนั้นทรงพลังและมีจำนวนมาก อีกทั้งยังแฝงไปด้วยแรงกดดันที่น่าตกใจจนผู้คนไม่สามารถต้านทานได้!
แม้กระทั่งอี้เจาก็ยังไม่สามารถเทียบเทียมได้!
แต่พลังนี้กลับอ่อนโยนกับนางเป็นอย่างมาก ดังนั้นแม้ว่าพลังจะพุ่งเป้ามาที่นาง แต่ก็ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด
ทันใดนั้นเองการคาดเดาที่ไร้สาระและกล้าหาญของฉู่หลิวเยว่ก็ผุดขึ้นมา!
ผู้ที่สามารถครอบครองพลังอัญเชิญเช่นนี้ได้ นอกจากบรรพบุรุษของเผ่าหงส์ทองคำที่อยู่ภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงแล้วจะสามารถเป็นใครได้อีก?
แต่นางเป็นมนุษย์คนเดียวที่อยู่ภายในที่แห่งนี้ และหงส์ทองคำตัวเดียวที่มีความสัมพันธ์กับนางก็คือ…
ทันใดนั้นนางก็นึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้
หรือว่า… จะเป็นเพราะถวนจื่อ?
ระลอกคลื่นนั้นมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนฉู่หลิวเยว่ไม่สามารถเมินเฉยต่อมันได้แล้ว
ในที่สุดก่อนที่ฉู่หลิวเยว่จะเปิดปากพูดออกมา ประตูบานใหญ่ของตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงก็เปิดออกมาอย่างกะทันหัน!
แอ๊ด…
จัตุรัสที่เงียบกริบนี้ทำให้ได้ยินเสียงลากยาวนี้ชัดเจนเป็นพิเศษ
ทุกคนเงยหน้ามองไปทางประตูบานใหญ่
อี้ซังและคนอื่นๆ ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด
ดูจากท่าทางแล้ว น่าจะเป็นท่านประมุขและถวนจื่อที่กำลังออกมา?
เงาร่างของอี้เจาปรากฏขึ้นที่ด้านหลังประตูตามที่คาดการณ์ไว้
เขาสาวเท้าเดินออกจากประตูมา
ทุกคนต่างทำความเคารพโดยพร้อมเพรียง
“คารวะท่านประมุข!”
คนจำนวนมากต่างถอนหายใจออกมา
ในที่สุดการกราบไหว้บรรพบุรุษก็สิ้นสุดลงแล้ว
แต่อย่างใดก็ตามมีบางคนที่รอบคอบมากกว่านั้น จากนั้นไม่นานเขาก็พบว่าถวนจื่อไม่ได้ติดตามออกมาด้วย
ตามหลักการแล้ว ทั้งสองคนควรจะออกมาพร้อมกันสิถึงจะถูก…
สายตาของอี้เจามองไปทางฉู่หลิวเยว่
เหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะสัมผัสได้เช่นกันจึงเงยหน้าขึ้นมอง
สายตาทั้งสี่ประสาน
ฉู่หลิวเยว่สามารถมองเห็นอารมณ์ที่ซับซ้อนในแววตาของอี้เจาได้อย่างชัดเจน
แต่หลังจากนั้น เขาก็ได้ยินอี้เจาพูดขึ้นว่า
“ซั่งกวนเยว่ เข้ามา”
คำพูดเรียบง่ายไม่กี่คำ ทำให้ทุกคนในจัตุรัสตะลึงลาน
มีบางคนถึงกับแคะหูตนเอง คิดว่าตัวเองหูฝาด
คนอื่นๆ ก็มองหน้ากันไปมา ในแววตามีความประหลาดใจ ไม่มั่นใจในคำพูดของท่านประมุข
อี้ซังคนอื่นๆ ก็มึนงงไปเช่นกัน
แม้ว่าก่อนหน้านี้ซั่งกวนเยว่จะเข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงแล้วสองครั้ง แต่นั่นล้วนเป็นสถานการณ์พิเศษ
แต่ในตอนนี้ไม่เหมือนกัน!
ถวนจื่อกำลังกราบไหว้บรรพบุรุษอยู่ด้านใน แล้วเหตุใดถึงเรียกซั่งกวนเยว่เข้าไปในเวลานี้?
แต่เมื่อเห็นสีหน้าตึงเครียดของอี้เจา พวกเขาก็ไม่กล้าถามมาก จึงหันไปมองทางซั่งกวนเยว่ในทันที
อย่างนี้นี่เอง
หัวใจของฉู่หลิวเยว่สงบลง จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย และเดินเข้าไปด้านใน
สายตาของทุกคนมองตามฉู่หลิวเยว่โดยไม่รู้ตัว
ขณะที่นางกำลังเดินผ่านอี้เจา ฉู่หลิวเยว่สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าอี้เจากำลังจ้องนางตาเขม็งอยู่
สายตาเช่นนี้ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้เลย
แม้ว่าภายนอกจะสงบนิ่ง แต่เห็นได้ชัดว่าความวุ่นวายภายในยังไม่สงบลง
ฝีเท้าของฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นนางก็เดินเข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงต่อโดยไม่หันกลับมามอง!
……….