ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1611 เกรงใจ
ตอนที่ 1611 เกรงใจ
……….
ประตูปิดลงอย่างเชื่องช้า ก่อนจะปกคลุมเงาร่างของฉู่หลิวเยว่อย่างสมบูรณ์ และยังปิดกั้นทุกสายตา
รวมถึงสายตาของอี้เจา
เขาชะงักไปเล็กน้อย อี้ซังจึงถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่า
“ประมุข ท่าน… ไม่เข้าไปด้วยหรือ?”
ใบหน้าของอี้เจาไร้อารมณ์ จากนั้นเขาก็พยักหน้าเล็กน้อย
การตอบสนองเช่นนี้ทำให้เขาไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้
ผู้อาวุโสอี้ซังขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม
ต่อให้เขาจะให้ความสำคัญกับถวนจื่อมากเพียงใด แต่ในเวลาเช่นนี้ กลับเชิญซั่งกวนเยว่เข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง
หรือว่า…
นี่จะเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษต้องการ!
นอกจากนี้แล้ว ไม่มีใครอยู่เหนือกว่าท่านประมุขทั้งนั้น!
“นี่มัน…”
ผู้อาวุโสอี้ซังพูดอันใดไม่ออกในทันที และไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองอย่างใด
บรรพบุรุษของเผ่าหงส์ทองคำ เสียชีวิตไปตั้งแต่หมื่นปีก่อนแล้ว เหลือเอาไว้เพียงจิตสำนึกสายสุดท้ายที่อยู่ในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง
หลายปีผ่านมาจิตใต้สำนึกนั้นก็ยังคงหลับใหลอยู่ภายใน
มีเพียงแต่ตอนที่ประมุขเผ่าขึ้นครองตำแหน่ง จิตสำนึกสายนั้นถึงจะตื่นขึ้นมา
แต่หลังจากการสักการะบรรพบุรุษเสร็จสิ้น เขาก็กลับสู่การหลับใหลอีกครั้ง
แต่ในตอนนี้ ถวนจื่อเข้าสักการะบรรพบุรุษ คาดไม่ถึงว่าจิตสำนึกสายนี้จะตื่นขึ้นมาแล้ว อีกทั้ง… ยังให้ซั่งกวนเยว่เข้าไปด้านในอีก!
แล้วจะไม่ให้ผู้คนตกใจได้อย่างใด?
ผู้อาวุโสอี้เจี่ยวถามขึ้นอย่างลังเลว่า
“ถ้าเช่นนั้น… ไม่ทราบว่าสถานการณ์ของถวนจื่อนั้นเป็นอย่างใดบ้าง?”
น่าจะไม่ได้เกิดเรื่องอันใดล่ะมั้ง…
อี้เจาพยักหน้า
“ด้านในนั้นปกติทุกอย่าง ไม่ต้องกังวล”
ในเมื่อจิตสำนึกของบรรพบุรุษตื่นขึ้นแล้ว ดังนั้นมันต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน
ในตอนแรกเขาที่เขารับรู้ถึงความต้องการของบรรพบุรุษเขาก็รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก แต่ในตอนนี้เขาสามารถยอมรับมันได้แล้ว
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่านางยังมีพันธสัญญากับถวนจื่ออยู่ละมั้ง…
อี้เจาไม่ได้พูดอันใดอีก เพียงแต่ยืนรอที่หน้าประตูด้วยความเงียบงัน
ทุกคนไม่กล้าถามมาก จึงทำได้เพียงแค่รอต่อไป
ตอนนี้ทุกคนมีความสงสัยผุดขึ้นในจิตใจ
… ซั่งกวนเยว่เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง แต่นางสามารถเข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงขณะที่กำลังสักการะบรรพบุรุษอยู่ได้ เรื่องเช่นนี้… ควรจะว่าอย่างใดดี?
…
เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลง ฉู่หลิวเยว่ก็หันไปมองทางด้านหลัง
อี้เจาไม่ได้เดินตามมาด้วย ทว่าภายในตันเถียนของนาง เหมือนว่าจะได้รับระลอกคลื่นแห่งการอัญเชิญรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ระลอกคลื่นผลักดันให้นางเดินไปด้านหน้า
แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะเคยมาที่นี่สองครั้งแล้ว แต่มาด้วยความรีบร้อน นางไม่เคยได้มองสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์และสำคัญของเผ่าหงส์ทองคำได้อย่างเต็มตา
บนพื้นหยกสีดำ เงาร่างของนางสะท้อนกับพื้นอย่างชัดเจน รวมถึงสะท้อนดวงดาวที่อยู่บนเพดาน
แม้ว่าฟ้าจะสว่างแล้ว แต่ก็ไม่ได้บดบังลำแสงอันเจิดจ้าเหล่านี้
ฉู่หลิวเยว่เดินทะลุผ่านท้องพระโรง หลังจากก้าวข้ามธรณีประตูมา นางก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นภายในร่างกายนั้นทวีความรุนแรงมากขึ้น
พลังอัญเชิญนั้นเหมือนว่าจะอยู่ไม่ไกลจากจุดนี้แล้ว
นางรวบรวมสมาธิแล้วเดินต่อไปเรื่อยๆ
เห็นได้ชัดว่าที่แห่งนี้ไม่ใช่ว่าใครจะมาก็ได้
ฉู่หลิวเยว่เดินไปพลาง ครุ่นคิดไปพลาง
ภายในเผ่าหงส์ทองคำ เกรงว่าคนที่จะสามารถเข้ามาที่นี่ได้มีน้อยมากจนสามารถนับนิ้วได้
แต่คาดไม่ถึงว่านางจะสามารถเข้ามาที่นี่ได้แล้ว…
ยิ่งเดินเข้าไปลึกมากเท่าไร ระลอกคลื่นที่อยู่ภายในตันเถียนของฉู่หลิวเยว่นั้นยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น อีกทั้งหัวใจก็เต้นกระหน่ำ
แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ในสถานการณ์ที่ไม่ทราบต้นสายปลายเหตุเช่นนี้ นางกลับไม่รู้สึกกังวลเลยแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพลังอัญเชิญที่อ่อนโยนสายนั้น หรือเพราะนางก็รู้ว่าถวนจื่อก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นนางจึงสามารถวางใจลงได้
หลังจากเดินไปประมาณหนึ่งเค่อ ฉู่หลิวเยว่ก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบานหนึ่งอีกครั้ง
นางยืนมองที่หน้าประตูบานนั้น ภายในใจก็มีความคิดที่ชัดเจนปรากฏขึ้นมา
ที่แห่งนี้แหละ!
นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะยกแขนขึ้น
ในขณะที่นางกำลังจะผลักประตูเข้าไป ประตูบานนั้นก็เปิดออกมาเองอย่างกะทันหัน
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปากลงเล็กน้อย จากนั้นก็สาวเท้าก้าวเข้าไปด้านในทันที!
…
ด้านในท้องพระโรงมีมิติ
ฉู่หลิวเยว่เดินเข้าไปข้างใน สิ่งแรกที่นางเห็นคือถวนจื่อกำลังยืนอยู่ตรงกลางท้องพระโรง
เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ถวนจื่อก็หันกลับมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นฉู่หลิวเยว่ นางก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยความดีใจ พร้อมอ้าแขนทั้งสองข้างแล้วพุ่งตัวเข้าไปในอ้อมกอดของฉู่หลิวเยว่
“อาเยว่!”
เมื่อได้ยินเสียงที่กระจ่างใสและยินดีของนาง ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาในทันที ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมาแล้วอุ้มนางขึ้น
นางกลายเป็นลูกบอลตัวนุ่มนิ่ม
“อาเยว่ ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว!”
ถวนจื่อใช้แขนทั้งสองข้างคล้องคอนาง และลูบแก้มนางอย่างมีความสุข
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เจ้า… รู้ว่าข้ากำลังจะมาหรือ?”
“ใช่แล้ว! เมื่อครู่นี้บรรพบุรุษเพิ่งบอกกับข้า ข้าก็เลยมารอเจ้าไง!”
จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เงยหน้าขึ้นมอง
ท้องพระโรงแห่งนี้ว่างเปล่า รอบด้านไม่มีกระแสเสียงเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความเงียบงัน
บนพื้นยังปูด้วยหยกสีดำ เพดานด้านบนก็ยังคงเดิม แต่กลับไม่มีแสงดาวอีกต่อไป แต่กลายเป็นเปลวเพลิงสีทองชาดที่กำลังลุกโชน
ในส่วนลึกที่สุด และเป็นผนังตรงหน้านางกลับมีภาพวาดขนาดใหญ่
ภายในเปลวเพลิงที่ลุกโชน ปีกของหงส์ทองคำตัวหนึ่ง พุ่งทะยานขึ้นฟ้า กระแสพลังทรงพลังจนน่าตกใจ!
ภาพวาดนี้เสมือนจริงมาก แทบจะสามารถมองเห็นขนนกบนร่างหงส์ทองคำตัวนั้นได้ทั้งหมด แล้วเหมือนว่ามันสามารถจะพุ่งออกมาจากภาพวาดได้อย่างใดอย่างนั้น!
มีเพียงตำแหน่งดวงตาที่ว่างเปล่า ดูเหมือนว่ามีอันใดขาดหายไป
อย่างใดก็ตามเมื่อฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตาไปมอง นางก็รู้สึกว่าพลังดั้งเดิมที่อยู่ในร่างกายกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมา! แต่ไข่มุกธาราที่อยู่ในเถียนตันกลับเริ่มโคจรอย่างเชื่องช้า!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจขึ้นมา
นี่… จะต้องเป็นบรรพบุรุษแห่งเผ่าหงส์ทองคำอย่างแน่นอน!
นางกำลังจะควบคุมไม่ให้ไข่มุกธาราเคลื่อนไหวอีก แต่เสียงที่แหบพร่าก็ดังขึ้นในโสตประสาทของนางอย่างกะทันหัน
“เจ้า… เป็นเจ้านายในพันธสัญญาของถวนจื่อหรือ?”
เสียงนั้นดังออกมาจากภาพวาด เสียงเหมือนเขาผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายหมื่นปีแล้ว
หัวใจของฉู่หลิวเยว่กระตุกวูบ จากนั้นก็วางถวนจื่อลง พร้อมประสานหมัดทั้งสองข้างทำความเคารพ
“ผู้เยาว์ซั่งกวนเยว่ คารวะท่านผู้อาวุโส”
“ไม่ต้องมากพิธี”
ในน้ำเสียงนั้นแฝงด้วยความอ่อนโยนและรอยยิ้มอยู่หลายส่วน
“ถวนจื่อได้เล่าเรื่องราวทุกอย่างระหว่างเจ้ากับนางให้ข้าฟังแล้ว เจ้าดีต่อนางมากจริงๆ”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมา
เมื่อฟังจากน้ำเสียง เหมือนว่าอีกฝ่ายจะเอ็นดูถวนจื่อเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งทัศนคติที่มีต่อนางก็ยังดีมาก
“ที่ข้าให้เจ้ามาในวันนี้ ก็เพราะว่าข้าอยากเห็นว่าเจ้าเป็นคนอย่างใด ถึงสามารถทำให้ถวนจื่อพึ่งพาเจ้า จนสามารถยินยอมที่จะสละตำแหน่งประมุขโดยไม่เสียดายได้”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นระรัว จากนั้นก็ถามอย่างระมัดระวังว่า
“ผู้อาวุโสอยากให้ข้ายกเลิกพันธสัญญากับถวนจื่อหรือ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่”
อีกฝ่ายหัวเราะขึ้น
“ไม่ต้องตื่นตระหนก ก่อนหน้านี้ข้าได้มอบจิตวิญญาณสายหนึ่งให้กับถวนจื่อแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีทางคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนี้เด็ดขาด ไม่ว่าอย่างใดก็ตามตำแหน่งประมุขนี้ก็จะต้องเป็นของนางอยู่แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกโล่งอกขึ้นมา จากนั้นก็ถามขึ้นมาอย่างกระดากอายว่า
“เป็นผู้เยาว์เข้าใจผิดแล้ว หวังว่าผู้อาวุโสจะไม่ถือสา”
“ก่อนหน้านี้อี้เจาและคนอื่นเสียมารยาทกับเจ้ามาก ที่เจ้ามีท่าทางเช่นนี้ก็เป็นเรื่องปกติแล้ว และ… หากเจ้าคิดว่าตรงที่ใดเสียมารยาทก็ขอให้พูดมาโดยตรง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ภายในใจของฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา
บรรพบุรุษเผ่าหงส์ทองคำผู้นี้… เหมือนว่าจะเกรงใจนางเป็นอย่างมาก?
……….