ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1612 เจ้าไม่ไปหาส่วนที่เหลือหรือ
ตอนที่ 1612 เจ้าไม่ไปหาส่วนที่เหลือหรือ
……….
เผ่าหงส์ทองคำเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลที่มีฐานะสูงส่ง ดังนั้นมันจึงมีนิสัยเย่อหยิ่งอยู่ตลอด
โดยเฉพาะอยู่ต่อหน้าพวกมนุษย์
อีกทั้งคนผู้นี้ยังเป็นบรรพบุรุษของเผ่าหงส์ทองคำ!
จะว่าไปแล้วถือว่าเขาเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุดก็ไม่ได้เกินไปนัก!
ต่อให้จะเป็นเพียงจิตสำนึกสายหนึ่งที่หลงเหลืออยู่ แต่ฐานะอีกฝ่ายที่ยังหลงเหลืออยู่นั้น ก็เต็มไปด้วยแรงกดดัน
ต่อให้นางกับถวนจื่อทำพันธสัญญากันแล้ว อีกฝ่ายก็ไม่จำเป็นจะต้องให้เกียรตินางเช่นนี้หรอกมั้ง?
ในสมองของฉู่หลิวเยว่มีความคิดมากมายปรากฏขึ้นมา แต่สีหน้าก็ดูปกติ นางหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า
“ท่านเกรงใจเกินไปแล้ว ถวนจื่อติดตามข้ามาหลายปี ร่วมเป็นร่วมตายมานับครั้งไม่ถ้วน เราเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันมาตั้งนานแล้ว ข้ารู้ว่าสิ่งที่ประมุขอี้เจาทำนั้น คือการหวังดีต่อถวนจื่อ ข้าก็รู้สึกยินดีและมีความสุขเช่นกัน”
สิ่งที่พูดนี้เป็นความจริง
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าตนเองไม่ใช่คนดีอันใด ครั้งนี้เผ่าหงส์ทองคำทำหลายสิ่งหลายอย่างต่อนาง หากเป็นนางเมื่อก่อนหน้านี้ นางไม่มีทางอดทนได้อย่างแน่นอน
แต่รู้ว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ทำเพื่อถวนจื่อ
เมื่อพิจารณาถึงจุดนี้แล้ว นางก็สามารถเมินเฉยสิ่งเหล่านั้นได้ทั้งหมด
สำหรับนางแล้ว ถวนจื่อมีความสำคัญมากกว่าสิ่งใด
ทันทีที่สิ้นเสียง นางก็รู้สึกว่าขาของตนเองอุ่นวาบ
เมื่อก้มหน้าลงไปมองก็เห็นว่าถวนจื่อกำลังกอดขาของนางอยู่ อีกทั้งยังจ้องมองนางด้วยแววตาเปล่งประกาย ในดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
“อาเยว่…”
ถวนจื่อเรียกชื่อนางด้วยความออดอ้อนและสนิทสนม อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความผูกพันและพึ่งพา
นางรู้ว่า อาเยว่นั้นดีต่อนางมากที่สุด!
ฉู่หลิวเยว่ลูบศีรษะของนางพร้อมรอยยิ้ม
“ข้ามีคำถามจะถามเจ้า”
เสียงของท่านผู้นั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ผู้อาวุโสเชิญพูดมาได้เลย”
อีกฝ่ายลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า
“ของที่อยู่ภายในร่างกายของเจ้า เจ้าได้มาจากที่ไหน?”
…
ภายในท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบงัน
ทันทีที่ฉู่หลิวเยว่ได้ยินประโยคนั้น นางก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่า เขาหมายถึงไข่มุกธาราที่อยู่ในตันเถียนของนาง!
นางชะงักไปชั่วคราว และรู้ว่าในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งโง่งม นางจะพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า
“นั่นเป็นสิ่งที่ผู้เยาว์ได้มาอย่างบังเอิญเมื่อหลายปีก่อน”
“อ่า?”
อีกฝ่ายดูประหลาดใจเล็กน้อย
“แล้วหลายปีที่ผ่านมานี้เจ้าไม่คิดจะตามหาเศษที่เหลือหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมอง!
…
ห่างออกไปหลายหมื่นลี้
บนเกาะแห่งหนึ่งที่มีภูเขาสลับซับซ้อน
ที่แห่งนี้คือฐานที่มั่นของไท่ซวีเฟิ่งหลง
ยอดเขาสูงที่อยู่ตรงกลางมีความสูงมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นมันเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ตระการตา
ทันใดนั้นเองภายในถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่เชิงเขาก็มีเสียงคำรามของมังกรดังลอดออกมาด้วยความโกรธจัด
โฮก…
กระแสเสียงสะเทือนฟ้า ทำให้ไท่ซวีเฟิ่งหลงจำนวนไม่น้อยหันไปมองด้วยความตกใจ
“มันเกิดอันใดขึ้นหรือ?”
“เสียงนั้นเหมือนจะเป็นเสียงของผู้อาวุโสโหมวเหยา?”
“อ่า… เหมือนว่าผู้อาวุโสโหมวเหยาจะหายดีแล้วสินะ…” น้ำเสียงนั้นยังแฝงด้วยความประชดประชันอยู่หลายส่วน “ครั้งนี้พักรักษาตัวนานขนาดนี้ ช่างลำบากจริงๆ เลยนะ”
“ชู่ว! เบาเสียงหน่อย! หากมีใครได้ยินเข้า แล้วเรื่องนี้รู้ถึงหูผู้อาวุโสโหมวเหยา เกรงว่าเจ้าจะต้องรับผลที่ตามมาเองแล้ว! เจ้าลืมพวกที่ติดตามเขาไปที่สำนักหลิงเซียวแล้วหรือ ตอนนี้จุดจบของพวกเขาคืออย่างใด!”
“หึ แล้วอย่างใดเล่า? ข้าพูดผิดตรงไหนกัน? อย่างมากที่สุดข้าก็แค่เป็นห่วงสภาพร่างกายของผู้อาวุโสโหมวเหยาก็เท่านั้น! แล้วอีกอย่างไม่ใช่แค่พวกเราเท่านั้น เหล่าผู้อาวุโสจำนวนไม่น้อยก็ล้วนวิพากษ์วิจารณ์ผู้อาวุโสโหมวเหยากันอยู่เลย!”
นี่เป็นการพูดปฏิเสธทางอ้อม
ตั้งแต่ผู้อาวุโสโหมวเหยาพาคนไปที่สำนักหลิงเซียว เขาก็ตั้งใจไปหาเรื่องซั่งกวนเยว่และซั่งกวนจิ้ง หลังจากที่เขากลับมาในสภาพอเนจอนาถ ความคิดของไท่ซวีเฟิ่งหลงที่มีต่อเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
เขาเป็นผู้อาวุโสที่มีฐานะสูงส่ง ฝีมือยอดเยี่ยม เดิมทีเขาต้องการจะไปคิดบัญชีกับพวกเขา และนำโครงกระดูกนั้นกลับมา
แล้วสุดท้ายเป็นอย่างใดล่ะ?
เขาไม่เพียงแต่กลับมาในสภาพบาดเจ็บทั้งร่างกาย อีกทั้งยังยินยอมให้อีกฝ่ายสามารถครอบครองโครงกระดูกเหล่านั้นได้อย่างชอบธรรม!
ไท่ซวีเฟิ่งหลงขายหน้าไปหมดแล้ว!
พวกเขาจะไม่มีความขุ่นข้องหมองใจได้อย่างใด?
แต่ว่าด้วยสถานะของผู้อาวุโสโหมวเหยา กอปรกับเขาเพิ่งบาดเจ็บกลับมา ท่านประมุขจึงยังไม่ได้ลงโทษเขา
โดยส่วนตัวแล้ว ทุกคนรู้สึกไม่พอใจผู้อาวุโสโหมวเหยามากก็ตาม
แม้กระทั่งการได้ยินเสียงเขาก็ทำให้รู้สึกรังเกียจขึ้นมา
“เจ้าก็พูดให้น้อยลงหน่อยเถอะ! แม้ว่าเขาสมควรถูกลงโทษจริงๆ แต่เป็นเรื่องของท่านประมุขและผู้อาวุโสคนอื่นๆ พวกเราสามารถพูดได้ที่ไหนกัน”
“หึ ข้าจะลองดูว่าเรื่องในครั้งนี้ ผู้อาวุโสโหมวเหยาจะชดใช้อย่างใด?”
…
“เอาล่ะ ต่อให้โกรธไปก็ไม่มีประโยชน์ ร่างกายของเจ้าเพิ่งฟื้นคืน ดังนั้นก็อย่าหงุดหงิดมากนักเลย”
ภายในถ้ำมีเงาร่างสูงใหญ่องอาจกำลังยืนเอามือไพล่หลังอยู่
ดูแล้วเขามีอายุประมาณห้าสิบปี ใบหน้าธรรมดา ดูเหมือนคนอายุมากแต่แข็งแรง ผมของเขาเป็นสีม่วงทอง แววตาคู่นั้นดำมืด เหมือนกับต้องการครอบจักรวาล ราวกับสระน้ำเย็นลึกยากเกินหยั่งถึง
เขาคือประมุขของไท่ซวีเฟิ่งหลงในขณะนี้… โหมวหยาง
ด้านหน้าของเขาคือไท่ซวีเฟิ่งหลงขนาดใหญ่
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้มันได้รับบาดเจ็บมา แม้ว่าบาดแผลจะหายดีแล้ว แต่เกร็ดที่งอกมาใหม่เหล่านั้น มันดูสะดุดตาเป็นอย่างมาก
แววตาของโหมวเหยาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนดึงเกล็ดเหล่านี้ออกมาเอง และให้มันงอกออกมาใหม่ทั้งหมด!
ความเจ็บปวดทรมานที่เขาต้องเผชิญ ไม่มีใครสามารถรับรู้มันได้สักคน!
“เมื่อพูดเช่นนี้ก็หมายความว่าหายนะในครั้งนี้ ซั่งกวนเยว่ไม่ได้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อยหรือ?”
โหมวหยางพูด
“ไม่ได้นับว่าไร้บาดแผล ได้ยินมาว่านางต้องนอนพักรักษาตัวอยู่เกือบหนึ่งเดือน”
“เช่นนั้นก็หมายความว่านางยังรอด!”
โหมวเหยาโมโหเป็นอย่างมาก
“ชะตาของนางนั้นดีมากจริงๆ!”
สำนักหลิงเซียวเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ซั่งกวนเยว่ทำให้ตนเองตกอยู่ในอันตราย แต่ก็ยังสามารถผ่านไปได้ด้วยดี!
โหมวหยางหรี่สายตามอง และไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด
“ข้ากลับคิดว่า ซั่งกวนเยว่ผู้นี้ ไม่เพียงแต่โชคดีเท่านั้น ต้องบอกก่อนว่านางซ่อมแซมค่ายกลกระสวยสวรรค์ของสำนักหลิงเซียวด้วยตนเอง”
คนธรรมดาจะสามารถทำอย่างนี้ได้หรือ?
“หากนางไม่ใช่เพราะยังมีไพ่ไม้ตาย ถ้าเช่นนั้น… ต้องมีคนคอยช่วยเหลือนาง แต่ไม่ว่าอย่างใดก็ตามในสถานการณ์เช่นนั้น ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่านางไม่ธรรมดาเลย”
เมื่อมองดูแล้ว การที่นางชนะพนันของโหมวเหยาก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
“ก่อนหน้านี้เจ้า… ประมาทเกินไป”
โหมวหยางพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา
โหมวเหยาอึกอักพูดอันใดไม่ออก
ความจริงแล้วเรื่องนี้เขาก็รู้อยู่ตั้งนานแล้ว เพียงแต่ไม่อยากจะยอมรับมันมาโดยตลอด
จะให้ยอมรับแล้วอย่างใดเล่า? ในเมื่อผลลัพธ์มันปรากฏออกมาแล้ว!
ตู้ม!
หางยาวสะบัดขึ้น เกล็ดมังกรแข็งขูดเข้ากับกำแพงอย่างแรง!
“ครั้งหน้าข้าจะไม่ปล่อยนางไปแน่นอน!”
โหมวหยางพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“เจ้าจำได้หรือไม่ว่าเมื่อหนึ่งเดือนก่อน อี้เจาได้เขียนจดหมายให้กับหนานซู่ไหวเจ้าสำนักหลิงเซียวด้วยตนเอง กล่าวว่าให้ซั่งกวนเยว่เดินทางไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง?”
“จำได้อย่างแน่นอน!”
โหมวเหยากัดฟันกรอด
ซั่งกวนเยว่ทำพันธสัญญากับหงส์ทองคำ ข่าวนี้เป็นข่าวที่เขาตั้งใจแจ้งไปให้
เป็นผลให้อี้เจารีบดำเนินการอย่างรวดเร็ว
“เกิดอันใดขึ้น หรือว่าตอนนี้ได้ข้อยุติมาแล้ว?”
โหมวหยางชะงักไปเล็กน้อย
“ก็ไม่ใช่อย่างนั้นเพียงแต่ว่า… จนกระทั่งตอนนี้ซั่งกวนเยว่ยังไม่ออกมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง อีกทั้งงานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษก็ถูกจัดขึ้นในช่วงเวลานี้ด้วย”
……….