ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1616 พันธสัญญาร่วมชีวิต
ตอนที่ 1616 พันธสัญญาร่วมชีวิต
……….
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้น
ฝ่ามือขาวโบกไปมาเบาๆ ลำแสงอยู่เหนือลูกบอลสว่างวาบขึ้นในทันที
หลังจากนั้นไม่นาน บนลูกบอลโปร่งแสงก็มีสัญลักษณ์ที่มีลักษณะรูปร่างเหมือนกันกับสัญลักษณ์บนหน้าผากของนางปรากฏขึ้น!
สัญลักษณ์ทั้งสองอันนั้นครอบครองพื้นที่เกือบครึ่ง!
เหมือนว่าถวนจื่อถูกอันใดบางอย่างดึงดูด จึงจ้องมองไปที่ลูกบอลโปร่งแสงตาเขม็ง
ท่ามกลางความมืดมิดราวกับมีอันใดบางอย่างดึงพลังในร่างของนางออกมา
ถวนจื่อยังไม่ทันบอกได้ นางก็เห็นว่าสัญลักษณ์ทั้งสองนี้ผสานเข้ากับเปลวเพลิงที่อยู่ในลูกบอลแสง!
ทันใดนั้นเองเหมือนกับมีเสียงของบางอย่างแตกร้าวดังลอดออกมาจากภายในส่วนลึกของสมอง!
ถวนจื่อเบิกตากว้างขึ้นในทันที
สายสัมพันธ์ของนางกับอาเยว่… ขาดสะบั้นลงแล้ว!
อย่างใดก็ตามในตอนที่นางตื่นตระหนกตกใจ ครั้นจะลุกขึ้นยืน คาดไม่ถึงว่าลูกบอลแสงที่อยู่ตรงกลางจะแยกออกจากกัน
เหมือนกับมีมีดที่มองไม่เห็น ตัดบริเวณตรงกลางให้มันเท่ากัน
พื้นผิวที่ถูกตัดนั้นเรียบเนียน เปลวเพลิงสีทองคำชาดที่อยู่ด้านในถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
จากนั้นแต่ละส่วนก็ลอยไปหาฉู่หลิวเยว่และถวนจื่อ
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้นพร้อมรับลูกบอลแสงนั้นเอาไว้
ภายในเปลวเพลิงมีเสียงดัง “ฉ่า” จากนั้นก็ไหลเข้าสู่กลางฝ่ามือของนางอย่างรวดเร็ว! ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าไปในร่างกาย!
“ถวนจื่อ”
ฉู่หลิวเยว่ออกเสียงเตือน
ถวนจื่อจึงค่อยได้สติกลับคืนมา เมื่อมองลูกบอลแสงที่ลอยอยู่ตรงหน้า นางก็รีบยื่นมือออกไปรับมัน
ภายในชั่วพริบตาเดียวเปลวเพลิงที่อยู่ในลูกบอลแสงก็หายไปในมือเล็กๆ ของถวนจื่ออย่างรวดเร็ว
“อาเยว่…”
ถวนจื่ออยากจะพูดอันใดบางอย่าง แต่กลับต้องชะงักไป
เพราะในขณะนั้นนางสามารถสัมผัสได้ถึงสายสัมพันธ์ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาใหม่ด้วยความละเอียดอ่อนอีกครั้ง!
นางสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์และลมปราณของฉู่หลิวเยว่ได้ใหม่อีกครั้งแล้ว!
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้สมองของถวนจื่อสับสนมึนงงไป
ความตื่นเต้นหวาดกลัวเมื่อก่อนหน้านี้ หายไปจนหมดสิ้นแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงความยินดีและมีความสุข
ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่อึดใจสภาพแวดล้อมก็แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ในวินาทีนั้นสัญลักษณ์บนหน้าผากของทั้งสองคน ก็สว่างไสวขึ้นมาทันที จากนั้นมันก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
อุณหภูมิอุ่นร้อนที่กลางหน้าผากก็หายไปจนหมดสิ้น ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็ถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ…”
ในที่สุดหินก้อนใหญ่ที่แขวนอยู่ในใจก็ถูกปลดลงมาได้
นับว่า… ทุกอย่างราบรื่นแล้ว!
เมื่อมองดูถวนจื่อที่เหม่อลอยเหมือนยังไม่ได้สติกลับคืนมา ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกเอ็นดูเป็นอย่างมาก รอยยิ้มบนใบหน้ายกขึ้น จากนั้นก็โบกมือให้กับถวนจื่อ
“ถวนจื่อ…”
ตุ้บ!
คำพูดนั้นยังพูดไม่ทันจบ ฉู่หลิวเยว่ก็ต้องมึนงงไป จากนั้นถวนจื่อก็พุ่งเข้าสู่อ้อมกอดในทันที!
ถวนจื่อพุ่งตัวเข้ามาอย่างแรง และฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ตั้งตัวเอาไว้ ทั้งสองคนจึงล้มไปด้านหลังพร้อมกัน!
ยังดีที่ในตอนนี้มีพลังอันนุ่มนวลพยุงเอวของฉู่หลิวเยว่เอาไว้อยู่ ทำให้นางสามารถยืนได้อย่างมั่นคง
“ถวน…”
“ฮือๆ!”
ฉู่หลิวเยว่ยังไม่ทันได้พูดอันใด ถวนจื่อก็ร้องไห้ออกมาเสียงดังจ้า
หลังจากนั้นไม่นานไหล่ของฉู่หลิวเยว่ก็เปียกชุ่ม
ในตอนนั้นนางก็รู้สึกปวดใจยิ่งกว่าเดิม พร้อมกระชับอ้อมกอดให้แน่นมากยิ่งขึ้น แล้วลูบหลังของนางเบาๆ
“เอาล่ะๆ นี่ก็ไม่เป็นไรแล้วไม่ใช่หรือ? หื้ม?”
ถวนจื่อร้องไห้สะอึกสะอื้นจนหายใจไม่ค่อยออก จากนั้นนางก็พูดออกมาว่า
“…ฮือ…ข้า…ข้าคิดว่า…อาเยว่ไม่ต้องการ…ไม่ต้องการข้าแล้ว…”
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าเรื่องนี้จะต้องทำให้นางตกใจเป็นอย่างมาก ภายในใจของนางก็รู้สึกผิดมากเช่นกัน
เพียงแต่ว่าตอนที่นางปลุกสัญลักษณ์นั้นนางไม่มีเวลาอธิบายรายละเอียดให้ถวนจื่อฟัง
“ไม่มีทาง หรือว่าถวนจื่อลืมสิ่งที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้แล้วหรือ?”
นางบอกว่าไม่ว่าอย่างใดก็ตาม นางจะไม่มีทางทิ้งถวนจื่อเอาไว้คนเดียวอีกแล้ว
ในเมื่อนางพูดเช่นนี้ นางจะต้องทำตามที่พูดอย่างแน่นอน
ถวนจื่อกอดคอนางแน่น ขาเล็กๆ ทั้งสองข้างก็โอบรอบร่างกายของฉู่หลิวเยว่จนแน่น ร่างกายของนางแขวนติดอยู่กับฉู่หลิวเยว่แน่นหนึบ
เหมือนกลัวว่านางจะจากไปอีกครั้ง
ยังดีที่มีคำปลอบโยนของฉู่หลิวเยว่ เสียงร้องไห้ของนางจึงค่อยๆ เบาลง เหลือเพียงร่างเล็กที่กำลังสะอึกสะอื้นอยู่เท่านั้น
“แต่ว่า แต่เมื่อครู่นี้…”
“เมื่อครู่นี้ข้าช่วยเจ้าเปลี่ยนพันธสัญญา ไม่ใช่การยกเลิกพันธสัญญา”
เสียงอันแหบพร่าดังมาจากระยะไกลอีกครั้ง
ในตอนนี้อารมณ์ของถวนจื่อก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ นางก็ชะงักไปอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็หันศีรษะกลับไปมอง
“ท่านบรรพบุรุษฮึก…นี่มันฮึก…คำพูดนั้นหมายฮึก…หมายความว่าอย่างใด…ฮึก”
นางพูดไปพลาง สะอึกสะอื้นไปพลาง
ท่าทางของนางในตอนนี้นั้นน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง
ดวงตากลมที่งดงามโตแดงก่ำ จมูกเล็กๆ ก็แดงขึ้นเช่นกัน ใบหน้าเจ้าเนื้อขนาดเล็กเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
บรรพบุรุษถอนหายใจอย่างจนปัญญา
เมื่อครู่นี้ถอนพันธสัญญาเพียงครู่เดียว ถวนจื่อก็ร้องไห้จนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว
หากพันธสัญญาของนางกับฉู่หลิวเยว่ถูกยกเลิกโดยสิ้นเชิง ไม่มีใครรู้ว่านางจะทำอันใดอีกบ้าง
ยังดีที่ก่อนหน้านี้อี้เจาไม่ได้ทำอันใดบุ่มบ่าม ไม่เช่นนั้น…
“ก่อนหน้าเจ้ากับซั่งกวนเยว่ได้ทำพันธสัญญานายบ่าว”
เมื่อได้ยินดังนี้ใบหน้าของถวนจื่อก็เต็มไปด้วยความงุนงง
ใช่แล้ว แล้วอย่างใดเล่า?
ระหว่างสัตว์อสูรกับเผ่ามนุษย์ ก็มีเพียงพันธสัญญาชนิดนี้ชนิดเดียวไม่ใช่หรือ เหตุใดพูดถึง “พันธสัญญานายบ่าว” ขึ้นมาอย่างกะทันหันล่ะ?
เหมือนกับสามารถมองความสงสัยในแววตาของนางออก บรรพบุรุษจึงพูดอธิบายต่อว่า
“ความจริงแล้วบนโลกนี้มีพันธสัญญาอยู่สองชนิด หนึ่ง พันธสัญญานายบ่าว ซึ่งเป็นพันธสัญญาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และอีกชนิดหนึ่งคือ พันธสัญญาร่วมชีวิต ซึ่งแตกต่างจากพันธสัญญานายบ่าว พันธสัญญาร่วมชีวิตทั้งมนุษย์และสัตว์อสูรจะอยู่ในระดับที่เท่าเทียม”
“หากทำพันธสัญญานายบ่าวแล้ว ชีวิตของสัตว์อสูรมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้านายเป็นอย่างมาก หากเจ้านายตาย สัตว์อสูรก็จะต้องตายด้วย แต่พันธสัญญาร่วมชีวิตกลับไม่ได้มีข้อจำกัดนี้”
“แต่นี่ไม่ใช่คุณสมบัติพิเศษของพันธสัญญาร่วมชีวิต”
“หลังจากทำพันธสัญญาร่วมชีวิตแล้ว มนุษย์กับสัตว์อสูรจะมีลมหายใจเดียวกัน มีชะตากรรมเดียวกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต แต่อีกคนหนึ่งยังอยู่ ก็ยังจะสามารถรักษาเสี้ยวสุดท้ายของการรอดชีวิตเอาไว้ได้ ซึ่งหากมีโอกาส ก็จะสามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้!”
เสียงของบรรพบุรุษดังก้องไปทั่วท้องพระโรง
ถวนจื่อกลับตกตะลึงไปแล้ว
“…พัน…พันธสัญญาร่วมชีวิต?”
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่หลังจากฟังคำพูดของบรรพบุรุษ นางก็รู้สึกว่า… ยอดเยี่ยมไปเลย?
“เมื่อครู่นี้ข้าบังคับให้เปลี่ยนจากพันธสัญญานายบ่าวเป็นพันธสัญญาร่วมชีวิต แม้ว่าพันธสัญญาของพวกเจ้าทั้งสองยังคงอยู่ แต่มันก็ไม่ได้เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว ในตอนนี้ความเป็นความตายของเจ้าไม่ได้แขวนอยู่กับซั่่งกวนเยว่แล้ว และหลังจากนี้อี้เจาจะมาพูดเรื่องพันธสัญญาของพวกเจ้าไม่ได้อีกแล้ว”
บรรพบุรุษชะงักไปเล็กน้อย
“แต่ที่สำคัญไปมากกว่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้หลังจากนี้พวกเจ้าทั้งสองคนจะกลายเป็นครึ่งชีวิตของกันและกันแล้ว!”
สิ่งนี้สิถึงจะสำคัญที่สุด!
ตำแหน่ง สถานะ พรสวรรค์ ฝีมือ แต่สิ่งพื้นฐานของของเหล่านี้คือ… “การมีชีวิตอยู่!”
ถวนจื่อปิดปากด้วยความตกใจ ดวงตากลมโตทั้งสองข้างเบิกกว้าง
ที่แท้…
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง!
ดังนั้นตอนที่ความสัมพันธ์ของนางกับอาเยว่ขาดสะบั้น เป็นท่านบรรพบุรุษที่ช่วยเหลือพวกเราใช่หรือไม่?
ความสุขมาเร็วเกินไป ในตอนนั้นถวนจื่อรู้สึกวิงเวียนอยู่เล็กน้อย
นางหันไปมองฉู่หลิวเยว่อย่างอดไม่ได้
“นั่น…อาเยว่ ก่อนหน้านี้เหตุใดพวกเราถึงไม่ทำพันธสัญญาแบบนี้ล่ะ?”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้พูดอันใด ท่านบรรพบุรุษจึงหัวเราะออกมา
“แน่นอนว่าเพราะนางทำไม่เป็น แต่นี่ก็เป็นเรื่องปกติแล้ว ต้องบอกก่อนว่า บนโลกใบนี้คนที่จะสามารถผูก พันธสัญญาร่วมชีวิตได้นั้น มีไม่เกินสามคน”
และหนึ่งในนั้นก็คือเขา!