ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1619 มีไพ่แล้ว / ตอนที่ 1620 ข้ารอมานานมากแล้ว
ตอนที่ 1619 มีไพ่แล้ว / ตอนที่ 1620 ข้ารอมานานมากแล้ว
……….
ตอนที่ 1619 มีไพ่แล้ว
ซั่งกวนจิ้งเงยหน้าขึ้นมองในทันที!
ในตอนนั้นเงาร่างเพรียวบางปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ!
ร่างกายของนางพลิ้วไหว และเหยียบคลื่นเข้ามา!
ก้อนน้ำแข็งแตกกระจายจนเป็นแสงเจิดจ้า และตกอยู่รอบกายของนาง ราวกับเป็นลำแสงศักดิ์สิทธิ์หนึ่งชั้น
แข็งแกร่งและสูงส่งจนทำให้คนไม่กล้ามองไป!
ซั่งกวนจิ้งทั้งตกใจระคนยินดี
“เยว่เออร์!”
แต่หลังจากนั้นเขาก็เห็นว่าด้านข้างของฉู่หลิวเยว่มีคนร่างเล็กติดตามมาด้วย
เด็กผู้หญิงคนนั้นมีอายุประมาณสามสี่ปี ดวงตาเปล่งประกาย ผิวขาวผุดผาดราวกับหยก น่ารักอย่างยิ่ง
บนศีรษะของเธอมีผมมวยอยู่สองก้อน พร้อมมีกระดิ่งสีทอง เสียงดังกรุ๊งกริ๊งลอยตามลม
เมื่อมีลมพัดกระโปรงใบบัวสีทองคำชาดพลิ้วไหวไปมา ทำให้ผู้คนรู้สึกประทับใจอย่างมาก
ซั่งกวนจิ้งรู้สึกมึนงงไปเล็กน้อย
นี่มัน… จะว่างดงามก็งดงามอยู่หรอก จะว่าน่ารักก็น่ารัก แต่… เดินทางไปที่นั่นเพียงครั้งเดียว เหตุใดถึงพาเด็กคนนี้กลับมาด้วยได้?
ครั้นภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ฉู่หลิวเยว่ก็ดึงถวนจื่อมา จากนั้นก็เดินข้ามคลื่นทะเล ก่อนจะหยุดยืนห่างจากซั่งกวนจิ้งเพียงไม่กี่ก้าว
ซั่งกวนจิ้งถึงได้สติกลับคืนมา และรีบเดินขึ้นไป
“เยว่เออร์ เจ้าเป็นอย่างใดบ้าง? เหตุใดถึงไปนานขนาดนี้? เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่? ตอนที่อยู่ที่นั่นเจ้าโดนรังแกบ้างหรือเปล่า?”
คำถามถูกถามออกมาติดกันทำให้ฉู่หลิวเยว่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
“องค์ไท่จู่ ท่านจะให้ข้าตอบคำถามไหนก่อนดี?”
ซั่งกวนจิ้งถึงได้ตระหนักว่าตัวเองนั้นเสียกริยาแล้ว จึงรีบกระแอมไอแล้วพูดว่า
“ค่อยๆ พูด…”
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าที่เขาเป็นเช่นนี้ก็เพราะเขานั้นประหม่ามากเกินไป หัวใจจึงรู้สึกอุ่นวาบ ก่อนจะพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“ท่านวางใจเถอะ ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ ข้ายังดูสบายดีอยู่เลยไม่เห็นหรือ? อีกทั้ง ข้าไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมใดๆ พวกเขาเกรงใจข้ามากเลยทีเดียว”
ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากที่นางขู่จะฆ่าตัวตาย
แต่เรื่องนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดเรื่องนี้ให้องค์ปฐมกษัตริย์ฟัง
โดยสรุปแล้ว ช่วงเวลาส่วนใหญ่ที่นางอยู่ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง ท่าทางของอีกฝ่ายที่ปฏิบัติต่อนางนั้นไม่เลวเลยทีเดียว
ซั่งกวนจิ้งไม่ค่อยอยากจะเชื่อ จึงกุมมือของนางเอาไว้ และกวาดสายตามองขึ้นลง หลังจากเห็นว่านางไม่ได้เป็นอันใด
จริงๆ เขาถึงได้ยอมเชื่อ
แต่ในขณะเดียวกันสิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น
… ตอนแรกที่เผ่าหงส์ทองคำเขียนจดหมายมานั้นท่าทางดูไม่ได้เกรงใจกันเลย เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการพุ่งเป้ามาทางเยว่เออร์
เมื่อนางไปถึงแล้ว พวกเขาจะไม่ได้กลั่นแกล้งนางจริงๆ หรือ?
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“องค์ไท่จู่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ทุกปัญหาแก้ไขได้อย่างราบรื่นเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้เป็นต้นไป ท่านไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว”
“จริงหรือ?”
ซั่งกวนจิ้งรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่อดูจากท่าทางของฉู่หลิวเยว่ ก็เหมือนว่านางจะไม่ได้โกหก
เวลา… เวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานั้นมันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?
เขาพูดอันใดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะถามจากตรงไหนดี
เมื่อกลอกสายตาขึ้น ก็มองเห็นเด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างของนาง
ในตอนนั้นเด็กผู้หญิงกุมมือของฉู่หลิวเยว่เอาไว้จนแน่น ใบหน้ากลมเกลี้ยงเกลา ขาวผุดผาด เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตากลมโตดำขลับก็มองมาที่เขาอยู่พอดี
หัวใจของซั่งกวนจิ้งกระตุกไป
ความรู้สึกแบบนี้… เหตุใดถึงคุ้นเคยยิ่งนัก
“ถวนจื่อ ทักทายองค์ไท่จู่สิ”
ฉู่หลิวเยว่ลูบศีรษะของเด็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ถวนจื่อได้ยินดังนั้นก็เดินขึ้นมาด้านหน้าหนึ่งก้าว ใบหน้ามีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่ ก่อนจะขานเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงดังฟังชัด
“คุณปู่ไท่จู่สวัสดีเจ้าค่ะ”
ซั่งกวนจิ้งตกตะลึงไปในทันที
“นี่คือ…”
ถวนจื่อ!
ถวนจื่อคือชื่อของหงส์ทองคำสัตว์อสูรในพันธสัญญาของเยว่เออร์ไม่ใช่หรือ?
“ท่านคาดเดาได้ถูกต้องแล้ว ถวนจื่อกลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่อธิบายขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“อีกทั้งในตอนนี้นางก็ได้เป็นนางน้อยของเผ่าหงส์ทองคำแล้วด้วย”
ซั่งกวนจิ้งสูดลมหายใจเย็นๆ เข้าปอด
นางหนูไปทำอันใดที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงมาบ้างเนี่ย?
ตอนที่ 1620 ข้ารอมานานมากแล้ว
หลังจากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นภายในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงอย่างย่อๆ ให้กับองค์ปฐมกษัตริย์ฟังหนึ่งรอบ
แต่รายละเอียดที่ลึกซึ้งนางไม่ได้เล่าออกไป เรื่องการเปลี่ยนพันธสัญญากับถวนจื่อนางก็ไม่ได้พูดถึง
ฉู่หลิวเยว่พยายามทำตัวไม่ให้เป็นจุดสนใจมากที่สุด แต่เมื่อพูดถึงเรื่องราวเล็กน้อย ก็ยังทำให้ซั่งกวนจิ้งตกตะลึงเช่นเดิม หลังจากเวลาผ่านไปนานเขาก็ยังไม่ได้สติกลับคืนมา
ถวนจื่อเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ของเผ่าหงส์ทองคำ?
เยว่เออร์ช่วยถวนจื่อเปิดเส้นชีพจรที่สี่ได้?
ภายในงานกราบไหว้บรรพบุรุษ ถวนจื่อได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายน้อยของเผ่า?
แม้กระทั่งประมุขอี้เจาที่ปกติเย่อหยิ่งเป็นอย่างมาก แต่ก็ยอมตกลงให้ถวนจื่อติดตามเยว่เออร์ออกไปใช้ชีวิตได้ และให้คงพันธสัญญาเอาไว้ จนกระทั่งรอให้นางบรรลุนิติภาวะแล้วค่อยมาทำการตัดสินใจด้วยตนเอง?
เรื่องราวแต่ละอย่าง ไม่ว่าจะพูดเรื่องใดออกมา ก็ล้วนเป็นเรื่องน่าตกใจทั้งหมด!
แต่ในตอนนี้คาดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะบังเกิดกับคนคนเดียว?
“…งานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษของพวกเขาเสร็จสิ้นลงแล้ว ข้าจึงพาถวนจื่อกลับมา”
ขณะที่ฉู่หลิวเยว่พูด ก็เห็นว่าองค์ปฐมกษัตริย์เหม่อลอยไป นางจึงยื่นมือไปโบกที่ด้านหน้าขององค์ปฐมกษัตริย์อย่างอดไม่ได้
“องค์ไท่จู่ องค์ไท่จู่?”
ซั่งกวนจิ้งหันสายตามามองนาง จากนั้นก็หันไปมองทางถวนจื่อ
“หื้อ? ไม่ ไม่มีอันใด…ข้าก็แค่…รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเท่านั้น…”
จากนั้นเขาก็หลับตาลง และขมวดคิ้วแน่น
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามององค์ปฐมกษัตริย์อย่างเข้าใจ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่องค์ปฐมกษัตริย์จะมีปฏิกิริยาเช่นนี้
ภายในเวลาหนึ่งเดือนกว่า เขาน่าจะต้องจินตนาการว่านางโดนรังแกและกดขี่อยู่ทุกวัน
แต่หลังจากที่นางออกมาแล้วกลับพบว่า ความคิดก่อนหน้านี้ผิดเพี้ยนไปทั้งหมด ดังนั้นจึงส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างใหญ่หลวง ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องปกติแล้ว
หลังจากผ่านไปสักพักในที่สุดองค์ปฐมกษัตริย์ก็รู้สึกดีขึ้นมา
เขาลืมตาขึ้นมา สายตามองไปทางถวนจื่อด้วยความสับสน
“ดังนั้น… เจ้าจะให้นายน้อยของเผ่าหงส์ทองคำอยู่ข้างกายของเจ้าเช่นนี้หรือ?”
ถวนจื่อกระตุกมือของฉู่หลิวเยว่ พร้อมมองนางด้วยสายตาไม่สบายใจ
หรือว่าองค์ปฐมกษัตริย์จะกลัวว่านางจะก่อความลำบากให้กับอาเยว่มากเกินไป?
นั่นก็เป็นเรื่องจริง ตอนที่อยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย… หากไม่ใช่เพราะนาง อาเยว่ก็ไม่จำเป็นจะต้องเผชิญเรื่องเหล่านี้…
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็พยักหน้าให้นางเล็กน้อย
องค์ปฐมกษัตริย์ไม่พอใจที่ไหนกัน เขาเพียงแค่ยังไม่อยากจะเชื่อเท่านั้น
เดิมทีการทำพันธสัญญากับเผ่าหงส์ทองคำก็เป็นเรื่องที่หาได้ยากมากอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีฐานะพิเศษอย่างนายน้อยของเผ่าด้วยแล้ว
“ใช่แล้ว ถวนจื่อติดตามข้ามาตลอดหลายปี แม้ว่าตอนนี้จะกลายเป็นนายน้อยของเผ่าหงส์ทองคำแล้ว แต่ท้ายที่สุดนางก็ยังเด็กอยู่ ประมุขอี้เจาจึงคิดว่า ให้ถวนจื่อติดตามข้าไปนั้นจะดีกว่า”
ซั่งกวนจิ้งมีสีหน้าประหลาดใจ “พวกเขา…ยินยอมหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
คนอื่นนางไม่รู้ แต่ประมุขอี้เจาก็ไม่ได้อยากจะให้นางจากมา
แต่แล้วอย่างใดล่ะ?
“ประมุขอี้เจารักและเอ็นดูถวนจื่อเป็นอย่างมาก แต่เป็นเพราะว่าเขาเคารพการตัดสินใจของถวนจื่อ และเขาพูดว่า หากข้ามีเวลาว่าง ก็ให้พาถวนจื่อกลับไปบ่อยๆ”
ซั่งกวนจิ้งสามารถเข้าใจในทุกคำพูด แต่เมื่อนำทุกคำมารวมกันแล้ว เขากลับรู้สึกมึนงง
นี่มัน… คำพูดเหล่านี้ อี้เจาเป็นคนพูดออกมาจริงหรือ?
เขาเป็นคนที่เย่อหยิ่งอย่างมาก และดูถูกดูแคลนเผ่าพันธุ์มนุษย์มาโดยตลอด
ตอนที่ซั่งกวนจิ้งรออยู่ที่นี่ เขารู้สึกสงสัยอยู่ตลอดว่า อี้เจาอาจจะลงมือโจมตีเยว่เออร์โดยตรงอย่างแน่นอน
แต่ผลลัพธ์… เหตุใดถึงแตกต่างจากสิ่งที่เขาจินตนาการเอาไว้อย่างมาก?
ในตอนนี้เยว่เออร์ก็ยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ทำให้เขาเชื่ออย่างอดไม่ได้
“เช่นนั้น…เช่นนั้น…ก็ดี…”
ซั่งกวนจิ้งกระแอมไอออกมา สายตามองผ่านไหล่ของฉู่หลิวเยว่ไป เขามองไปยังทะเลที่อยู่ด้านหลัง
ชั้นน้ำแข็งที่แตกสลายเหล่านั้น กำลังละลายอย่างรวดเร็ว
คลื่นทะเลสาดซัด เปลวเพลิงที่อยู่เป็นกลุ่มกำลังลุกโชนอย่างเงียบเชียบ
เหมือนว่าทุกอย่างกำลังกลับมาเป็นปกติ
ในตอนนั้นเขาก็รู้สึกว่า ระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่านั้น เหมือนกับเป็นภาพความฝัน
ฉู่หลิวเยว่มองตามสายตาของเขา นางหมุนตัวมามอง แล้วทอดสายตาออกไปไกล
ที่แห่งนี้ไม่สามารถมองเห็นร่องรอยของภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงได้อีกแล้ว
แรงกดดันเหล่านั้นค่อยๆ จางหายไป
แต่เมื่อเทียบกับตอนที่พวกเขาเพิ่งมา ความรู้สึกของนางนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้นมา
“องค์ไท่จู่ พวกเรา…”
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงของนางก็ชะงักค้างไป เหมือนกับนางสามารถสัมผัสอันใดได้บางอย่าง จึงรีบหันศีรษะกลับไปมอง
ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า
เหนือท้องฟ้าถูกย้อมด้วยแสงสีทองอันอบอุ่น ระลอกคลื่นที่คุ้นเคยก็ไหลเข้ามา
“เยว่เออร์ เป็นอันใดไปหรือ?”
เมื่อสังเกตถึงสีหน้าของนาง องค์ปฐมกษัตริย์ก็หันกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ
ภายในความว่างเปล่า มีระลอกคลื่นหนึ่งปรากฏ!
จากนั้นก็ตามมาด้วยเงาร่างสูงใหญ่ ซึ่งก้าวออกมาจากตรงกลาง!
นั่นคือชายหนุ่มผู้หนึ่ง สวมเสื้อสีขาวราวกับหิมะ แขนเสื้อและชายเสื้อปักลายเมฆสีทอง
ใต้แสงอาทิตย์สุดท้ายที่สะท้อนเข้ามา ทำให้เกิดแสงระยิบระยับ
ใบหน้าของเขาเหมือนมาร แต่ลมปราณรอบกายสูงส่งสง่างามจนไม่สามารถบรรยายได้
เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น ท่าทางเหมือนกำลังดูถูกสิ่งมีชีวิตทั่วใต้หล้า
คนผู้นั้นคือหรงซิวนั่นเอง!
ภายในสมองของซั่งกวนจิ้งมีคำถามหนึ่งปรากฏขึ้นทันที ‘เขามาที่นี่ได้อย่างใด?’
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงลึกลับเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งพวกเขายังมาที่นี่ด้วยการนำทางของถวนจื่อ
แล้วเหตุใดหรงซิวถึงมาปรากฏกายที่นี่ได้?
ขณะที่ความคิดกำลังปั่นป่วน เงาร่างของหรงซิวก็วูบไหว จากนั้นก็เดินมาทางนี้
ภายในชั่วพริบตา เขาก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้ว
สายตาของเขาจ้องมองไปที่ฉู่หลิวเยว่เป็นคนแรก
สายตาของทั้งสองคนประสานกัน
สบตาเพียงชั่วครู่เหมือนแทนคำพูดนับพันนับหมื่นแล้ว
จากนั้นเขาก็หันมาทำความเคารพซั่งกวนจิ้ง
“คารวะผู้อาวุโสซั่งกวน”
ซั่งกวนจิ้งพยุงเขาขึ้นมาแล้วถามว่า
“หรงซิว เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ล่ะ?”
ริมฝีปากบางของหรงซิวยกขึ้นเล็กน้อย บรรยากาศรอบกายดูนุ่มนวลขึ้นมาในทันที
“ข้ามาที่นี่เพื่อรับท่านและเยว่เออร์กลับพระราชวังเมฆาสวรรค์”
ซั่งกวนจิ้งชะงักไป
“ไม่ ไม่ ข้าหมายความว่า…เจ้า…เคยมาที่นี่มาก่อนหรือ?”
“ไม่ขอรับ”
หรงซิวมีไหวพริบเป็นอย่างมาก สามารถคาดเดาความสงสัยในหัวใจของซั่งกวนจิ้งได้ในทันที เขาจึงอธิบายมาว่า
“ที่ข้าสามารถมาที่นี่ได้ เป็นเพราะแหวนเฉียนคุนที่เยว่เออร์สวมใส่อยู่”
ซั่งกวนจิ้งนึกขึ้นได้ในทันที
ใช่แล้ว!
นั่นคือของวิเศษของพระราชวังเมฆาสวรรค์ หรงซิวมีฐานะเป็นโอรสสวรรค์ แน่นอนว่าสามารถจับสัมผัสจากลมปราณ และมาถึงที่นี่ได้
เมื่อคิดดีๆ แล้ว หลายครั้งที่เยว่เออร์ตกอยู่ในอันตราย หรงซิวก็สามารถมาช่วยเหลือทันเวลาพอดี
เพียงแต่สถานที่แห่งนี้คือภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงเท่านั้นเอง
“ประมุขไป๋หลีฉุนเป็นอย่างใดบ้างแล้ว?”
ฉู่หลิวเยว่สาวเท้าขึ้นหนึ่งก้าวแล้วถามขึ้น
รอยยิ้มของหรงซิวกดลึกขึ้น
“วางใจเถอะ ข้าสามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่างแล้ว เพียงแต่การที่จะให้ท่านประมุขฟื้นนั้น จำเป็นต้องใช้เวลาเสียหน่อย”
ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็สามารถวางใจลงได้ แต่นางก็ยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“พวกเรา… ไม่กลับสำนักเรียนหรือ?”
อาจารย์และคนอื่นๆ น่าจะกำลังรออยู่…
เหมือนกับเขาสามารถคาดเดาความคิดของนางได้ หรงซิวจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า
“ข้าส่งข่าวให้กับทางสำนักแล้ว ข้าบอกกับพวกเขาว่า ข้าจะรับเจ้ากลับไปยังพระราชวังเมฆาสวรรค์ด้วยตนเอง”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
การกลับไปยังพระราชวังเมฆาสวรรค์เหมือนจะไม่มีอันใดผิดปกติ แต่ทว่า…
“แล้วเหตุใดถึงรีบร้อนขนาดนี้เล่า?”
หรงซิวชะงักไป ภายในดวงตาหงส์เหมือนมีแสงสว่างพาดผ่าน
“เพราะว่าข้ารอมานานแล้วน่ะสิ”
……….