ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1621 กลับไป
ตอนที่ 1621 กลับไป
……….
คำพูดนี้พูดขึ้นอย่างราบเรียบ แต่เหมือนกับหยดน้ำร่วงหล่นจนเกิดระลอกคลื่นขึ้น
ฉู่หลิวเยว่มองเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง ทันใดนั้นนางก็สามารถสังเกตว่าหัวใจของตนเองเต้นกระหน่ำอย่างรวดเร็ว
“เจ้า…”
“พวกเราหมั้นกันมานานเกินไปแล้ว”
หรงซิวมองนางด้วยสายตาอ่อนโยนและมุ่งมั่น
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เหมือนถูกอันใดบางอย่างกระแทกอย่างแรง ความรู้สึกหวานล้ำไม่สามารถพรรณนาออกมาได้
หลังจากครุ่นคิดอย่างละเอียด นางก็ปล่อยให้เขารอมานานเกินไปจริงๆ
ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้…
นางไม่มีเวลาแม้แต่จะถามเขาว่า หลังจากที่นางจากไปแล้ว และก่อนที่พวกเราจะได้เจอกันใหม่ ในช่วงเวลาเหล่านั้นเขาผ่านอันใดมาบ้าง
หรงซิวมองเข้ามาในดวงตาของนาง สีหน้าจริงจัง
“ข้า…ไม่อยาก…” รออีกต่อไปแล้ว
ตู้ม!
หรงซิวยังไม่ทันพูดจบ ทันใดนั้นก็มีเสียงแปลกประหลาดดังขึ้น
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วและมองไปยังแหวนเฉียนคุนที่อยู่บนนิ้วของตนเอง
เมื่อครู่นี้มีเสียงเหมือนอันใดบางอย่างกระแทกดังมาจากด้านในนี้
ฉู่หลิวเยว่นึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ทันที
ป้ายไม้สีดำปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองอย่างกะทันหัน!
นี่คือป้ายไม้ซาจี๋ที่นางแย่งมาจากคนของถ้ำปีศาจทมิฬที่เมืองฝางโจวในคราวนั้น!
ดวงตาของหรงซิวเย็นชาขึ้นมาในทันที!
ทันใดนั้นก็เห็นว่าสัญลักษณ์บนป้ายไม้สีดำนั้น เหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นมา ลายเส้นแต่ละสายบิดเบี้ยว ขยับเขยื้อน จนทำให้ผู้คนที่มองอยู่รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา
หลังจากนั้นลายเส้นนั้นก็กระจายตัวออก ก่อตัวเป็นตัวอักษรคล้ายกับคราบเลือดสีแดงดำ
“หากอยากจะช่วยฉู่หนิง สิบวันหลังจากนี้ ให้ไปเจอกันที่สุสานสังหารเทพ!”
รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่หดเล็กลง!
และตัวอักษรเหล่านั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก่อตัวเป็นสัญลักษณ์นั้นอีกครั้ง แรงกดดันที่อยู่บนนั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเสียงดัง “แกร๊ก” จากนั้นป้ายไม้ก็หล่นลงพื้น
“นั่นมัน…”
ซั่งกวนจิ้งที่ยืนอยู่ด้านข้าง ทำให้มองเห็นข้อความได้ไม่ชัดเจน
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปากแน่น บนร่างกายมีไอเย็นที่น่าตกใจแผ่กระจายออกมา
ซั่งกวนจิ้งรู้สึกเป็นกังวลอยู่เล็กน้อย
“เยว่เออร์ เจ้าเป็นอันใดไป?”
เมื่อครู่นี้นางมองเห็นอันใดกันแน่ เหตุใดนางถึงมีปฏิกิริยาที่รุนแรงเช่นนี้?
“ข้าจะไปกับเจ้าเอง”
ในตอนนั้นเอง หรงซิวก็พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เขาแบมือขึ้นมากลางอากาศ ป้ายไม้สีดำแผ่นนั้นก็ลอยไปอยู่กลางฝ่ามือของเขา
เขาหลุบสายตาลงต่ำ จากนั้นยื่นมันให้กับฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้ามองเขา
“หรงซิว…”
เขายังไม่ทันพูดจบ แต่นางก็สามารถเข้าใจได้
หลังจากนางฟื้นความทรงจำกลับมาได้แล้ว ทั้งสองคนก็ยังไม่มีโอกาสพูดคุยดีๆ กันเลยด้วยซ้ำ
นางก็อยากจะตามเขากลับไป ทำตามสัญญาก่อนหน้านี้ให้เสร็จสิ้น
แต่ว่าในตอนนี้กลับ…
“พวกเขาไม่ได้ทำเรื่องเช่นนี้มาครั้งแรก”
หรงซิวหัวเราะเสียงเบา
ไม่ว่าจะเป็นนาง หรือเขา คนเหล่านี้ก็กัดไม่เคยปล่อยเลย
“เพียงแต่ว่าในครั้งนี้ เขากลับเลือกเวลาได้แม่นยำอย่างมาก”
น้ำเสียงของหรงซิวราบเรียบ มีเพียงความเย็นชาที่ปกคลุมระหว่างคิ้วเท่านั้น ที่บ่งบอกได้ถึงอารมณ์ของเขาในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี
“ความจริงแล้วเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ใต้เท้าฉู่หนิงตกอยู่ในอันตราย เจ้าก็ไม่สามารถวางใจลงได้”
หรงซิวกุมมือของนางเอาไว้
“ทางด้านของเทียนลิ่งยังไม่มีเวลาไปแจ้งข่าว ข้าว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างเร่งรีบ”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามองเขา ก่อนจะหลุบสายตาลง
หรงซิวทำทุกอย่างตามความเหมาะสมอยู่เสมอ
แม้กระทั่งทางด้านสำนักเขาก็แจ้งให้ทราบเรียบร้อยแล้ว แล้วจะลืมเสด็จพ่อของเขาได้อย่างใด?
ที่เขาพูดเช่นนี้ ก็เพื่อลดความไม่สบายใจของนางลงต่างหาก
นางกลั้นหายใจ จากนั้นก็เอาแผ่นไม้แผ่นนั้นเก็บลงไปในแหวนเฉียนคุน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
นิ้วชี้ที่ค่อนข้างหยาบของหรงซิวนวดหลังมือของนางเบาๆ
“ข้าจะไปกับเจ้า”
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและอ่อนโยนเหมือนเคย
ริมฝีปากแดงของฉู่หลิวเยว่ขยับเล็กน้อย จนสุดท้ายก็พยักหน้า
“ได้”
…
ซั่งกวนจิ้งที่ยืนอยู่ด้านข้างก็มีท่าทางเหม่อลอยไป
เมื่อดูจากท่าทางของทั้งสองคนแล้ว เหมือนกับว่า… พวกเขาจะไม่กลับไปที่พระราชวังเมฆาสวรรค์แล้ว?
อีกทั้งบรรยากาศในตอนนี้ก็ดูผิดปกติอย่างมาก…
ถวนจื่อยืนเกาะขาของฉู่หลิวเยว่อยู่ เมื่อสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของนาง ถวนจื่อจึงรอคอยเงียบๆ อย่างเชื่อฟัง
“องค์ไท่จู่”
ฉู่หลิวเยว่ทำใจให้สงบ จากนั้นก็หันไปมองทางองค์ปฐมกษัตริย์
“มีอันใดหรือ?”
องค์ปฐมกษัตริย์มองท่าทางที่เป็นกังวลของนาง
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นว่า
“คนผู้นั้นจับท่านพ่อของข้าเป็นตัวประกัน ตอนนี้พวกเราวางแผนจะไปสุสานสังหารเทพ”
ซั่งกวนจิ้งชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นถึงค่อยเข้าใจความหมายของนาง
“เจ้าหมายความว่า…”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
คนที่ใช้แผนสกปรกนั้นจะต้องเป็นเจ้าของของป้ายไม้สีดำแผ่นนั้นแน่นอน
ภายในสมองของซั่งกวนจิ้งมีความคิดมากมายปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยไปที่สุสานสังหารเทพ ข้าจะพาเจ้าไปเอง”
ที่แห่งนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าอย่างใดฝ่ายตรงข้ามจะต้องเตรียมตัวมาอย่างดีแน่นอน เดิมทีเขาก็ไม่อยากปล่อยให้ฉู่หลิวเยว่ไป
แต่สำหรับนางแล้วฉู่หนิงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ต่อให้รู้ว่าอันตราย แต่นางก็จะต้องไปแน่นอน
แทนที่จะเกลี้ยกล่อมห้ามปราม สู้ไปด้วยกันเลยจะดีกว่า
ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเยว่เออร์ก็เพิ่มสูงขึ้นมากแล้ว อีกทั้งยังมีเขากับหรงซิวอยู่ น่าจะปลอดภัยกว่าเดิมมาก
ฉู่หลิวเยว่ประหลาดใจเล็กน้อย
“ท่านเคยไปที่นั่นหรือ? เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินท่านพูดถึงมาก่อน?”
ครั้งแรกที่นางได้ยินชื่อสุสานสังหารเทพ คือตอนที่จวินจิ่วชิงบอกว่าเขาปล่อยฉู่หนิงเอาไว้ที่นั่น และองค์ปฐมกษัตริย์ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน
ซั่งกวนจิ้งมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“จะว่าไปแล้วเรื่องนี้ก็ยาวมาก พวกเรารีบเดินทางกันก่อนเถอะ!”
เมื่อได้ยินองค์ปฐมกษัตริย์พูดเช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็พยักหน้า
“ระหว่างทางเกรงว่าจะต้องรบกวนท่านแล้ว”
ในตอนนั้นฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ ก็เดินทางออกจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง มุ่งหน้าสู่สุสานสังหารเทพ
…
เกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์
โหมวหยางที่ได้รับข่าวมาจากผู้ใต้บังคับบัญชาก็มีสีหน้าประหลาดใจระคนโมโห สีหน้าตกใจนั้นหาได้ยากจากเขา
“ซั่งกวนเยว่พาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งออกมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง? แล้วเห็นว่านางได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
“เหมือนว่า…จะไม่มีขอรับ”
โหมวหยางขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม
ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาชะงักไปเล็กน้อย แล้วพูดต่อว่า
“อีกทั้งหลังจากออกมาได้ไม่นาน หรงซิวก็มาถึง และพวกเขาก็จากไปพร้อมกัน แต่ดูจากทิศทางแล้ว เหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้ไปที่พระราชวังเมฆาสวรรค์หรือสำนักหลิงเซียว”
……….