ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1622 จากไป
ตอนที่ 1622 จากไป
……….
“หลังจากพวกนางออกมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง นอกจากสถานที่ทั้งสองแห่งนี้ พวกนางจะสามารถไปไหนได้อีก?”
โหมวหยางไม่เข้าใจ
แม้ว่าซั่งกวนเยว่จะเป็นทายาทของซั่งกวนจิ้ง แต่ในปีนั้นซั่งกวนจิ้งก็ต่อสู้ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ตามลำพัง และไม่ได้สร้างกองกำลังของตนเอง
สถานที่ที่ซั่งกวนจิ้งคุ้นเคยมากที่สุด เกรงว่าน่าจะเป็นบุพกาลชายแดนเหนือ
แต่เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้พวกเขาไม่น่าจะไปที่แห่งนั้น
“หรงซิวและซั่งกวนจิ้งเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบอย่างมาก คนของพวกเราไม่กล้าเข้าใกล้ หลังจากติดตามไปสักพัก… ก็คลาดสายตา”
ผู้ใต้บังคับบัญชาเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก และพูดขึ้นด้วยความระมัดระวัง
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะข้าไร้ความสามารถ ท่านประมุขโปรดลงโทษข้าด้วย”
โหมวหยางส่ายหน้า
“เมื่อคลาดไปแล้ว ก็ให้พวกเขากลับมาก่อน หลังจากนี้ ค่อยไปสืบเอา ดูว่าพวกเขาไปที่ไหนกันแน่ และอีกอย่างที่สำคัญที่สุด ไปสืบมาให้ได้ว่า ภายในหนึ่งเดือนกว่าที่ซั่งกวนเยว่อยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงมันเกิดอันใดขึ้นกันแน่”
สิ่งที่เขาเข้าใจเกี่ยวกับอี้เจา อีกฝ่ายไม่มีทางที่จะให้เผ่าหงส์ทองคำที่ทำพันธสัญญากับมนุษย์ออกมาจากเผ่าอย่างไร้รอยขีดข่วนแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นในขณะที่พวกเขายังจัดพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษอยู่ด้วย
ช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ซั่งกวนเยว่กลับสามารถกลับออกมาโดยไม่เป็นอันใดเลย ซึ่งมันทำให้เขาสงสัยเป็นอย่างมาก
“แล้วก็ไปดูเด็กน้อยคนนั้นด้วย ดูว่านางมีสถานะอันใด”
โหมวหยางขมวดคิ้วขึ้น
ตอนที่ซั่งกวนเยว่เข้าไป นางเข้าไปคนเดียว แม้กระทั่งซั่งกวนจิ้งก็ยังถูกกันอยู่ด้านนอก
เหตุใดตอนที่ออกมา ข้างกายถึงมีเด็กหญิงอายุสามสี่ขวบติดตามออกมาด้วยเล่า?
เห็นได้ชัดว่าเด็กหญิงคนนั้นไม่ใช่เผ่ามนุษย์ และเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็น… เผ่าหงส์ทองคำ!
แต่เผ่าหงส์ทองคำก็เหมือนกับเผ่าของพวกเขา ภายในเผ่าจะไม่มีเด็กเล็ก
ผู้ที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ อย่างน้อยก็มีลักษณะเหมือนเด็กอายุสิบกว่าขวบ
การปรากฏตัวของเด็กน้อยคนนี้มันแปลกประหลาดมากเกินไป
“ขอรับ!”
ผู้ใต้บังคับบัญชารีบตอบรับ จากนั้นก็โค้งกายออกไปด้านนอก
เขาเพิ่งเดินออกไปสองก้าว โหมวหยางก็เรียกขึ้นอีกครั้ง
“อย่าลืมนะ ตอนที่ปฏิบัติหน้าที่จะต้องรอบคอบและไม่ให้เป็นจุดสนใจ งานหมื่นคีรีกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆ เด็ดขาด”
ผู้ใต้บังคับบัญชามีสีหน้าตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
“ขอรับ!”
…
สำนักหลิงเซียว
ภายในห้องโถง หอระฆังบูรพกษัตริย์ ท่านเจ้าสำนัก หนานซู่ไหว และท่านผู้อาวุโสอีกหลายคนก็กำลังรวมตัวกันอยู่ที่นั่น
“…เรื่องทั่วไปของเขาหมื่นเมรัยได้จัดการทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่หากอยากจะซ่อมแซมให้สมบูรณ์ เกรงว่าจะต้องใช้ระยะเวลานานหน่อย ยอดเขาบริเวณข้างเคียงที่ได้รับผลกระทบ ตอนนี้ก็สามารถเปิดต่อไปได้แล้ว”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงนั่งอยู่ด้านล่าง เขาเอนตัวพิงผนังเก้าอี้ด้วยท่าทางเกียจคร้านเล็กน้อย จากนั้นก็ถอนหายใจยาวๆ ออกมาอย่างโล่งอก
มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่า พวกเขาพยายามแก้ปัญหาที่ตามมา จนต้องยุ่งเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งเวลาหายใจก็แทบจะไม่มีแล้ว
โชคดีที่ตอนนี้เรื่องส่วนใหญ่ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนที่เหลือจัดการไปอย่างเชื่องช้าก็พอแล้ว
หนานซู่ไหวพูดขึ้นว่า
“ลำบากทุกท่านแล้ว”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงโบกมือไปมา
“เดิมทีนี่ก็เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว จะเรียกว่าลำบากได้อย่างใดกัน? แต่ว่า… ภูเขาลูกนั้น มันจะหัวล้านไปหน่อยแล้ว”
ทันทีที่สิ้นเสียง บรรยากาศที่ตึงเครียดภายในห้องโถงก็ผ่อนคลายลงไปไม่น้อย
หนานซู่ไหวส่ายหน้าออกมาพร้อมรอยยิ้มอย่างอดไม่ได้
สำนักหลิงเซียวอยู่ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่มาเป็นหมื่นปี แม้กระทั่งต้นไม้ที่อยู่บนเทือกเขาก็เป็นต้นไม้โบราณ
แม้ว่าเขาหมื่นเมรัยจะค่อนข้างพิเศษ แต่ต้นไม้ที่อยู่บนเขานั้นก็มีขนาดหลายคนโอบเลยทีเดียว
หลังจากผ่านสงครามอันน่าตกตะลึง เขาหมื่นเมรัยก็ถูกทำลายไปอย่างสิ้นเชิง ทุกสิ่งอย่างที่อยู่ด้านบนถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น
“จริงสิ ท่านเจ้าสำนัก ทางด้านพระราชวังเมฆาสวรรค์ยังไม่ส่งข่าวมาอีกหรือ? ก่อนหน้านี้หรงซิวบอกมาไม่ใช่หรือว่า เขาจะไปรับนังหนูเยว่เออร์ด้วยตนเอง หากกลับถึงพระราชวังเมฆาสวรรค์แล้วจะส่งข่าวมาอีกครั้ง?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนโน้มตัวไปด้านหน้า แล้วถามขึ้นอย่างสงสัย
ผู้อาวุโสที่เหลือหลายคนได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองทางหนานซู่ไหวโดยพร้อมเพรียง
สามารถมองออกได้เลยว่า สีหน้าของพวกเขาค่อนข้างประหม่า
…. นังหนูคนนั้นเดินทางไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงจึงทำให้อดเป็นห่วงไม่ได้
นี่ก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างใดบ้าง
หนานซู่ไหวพยักหน้า
“น่าจะเร็วๆ นี้ รออีกหน่อยเถอะ…”
ทันใดนั้นเสียงของเขาก็หยุดลงอย่างกะทันหัน แล้วหันไปมองทางนอกหน้าต่าง
ทุกคนก็มองตามสายตานั้นไปด้วย
หนานซู่ไหวหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือขึ้น
พรึ่บ!
ม่านพลังโปร่งแสงเกิดแรงกระเพื่อมทำให้มีระลอกคลื่น
จากนั้นก็มีอันใดบางอย่างลอยเข้ามาจากด้านนอกหน้าต่าง ก่อนจะทะลุม่านพลังอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะตกลงที่กลางฝ่ามือของหนานซู่ไหวทันที!
หนานซู่ไหวแบมือออกมา จากนั้นก็เห็นว่าเป็นนกยูงสัมฤทธิ์ตัวหนึ่ง
“จดหมายของหรงซิวหรือ?”
ผู้อาวุโสทั้งหลายที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ต่างมีสีหน้ายินดี
หนานซู่ไหวออกแรงเปิดเล็กน้อย
นกยูงสัมฤทธิ์อ้าปากออก จากนั้นก็คายลูกบอลหมอกแสงสีทองออกมา
หมอกแสงนั้นลอยขึ้นกลางอากาศอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลายเป็นตัวอักษรสองบรรทัด
หลังจากหนานซู่ไหวมองอย่างชัดเจนแล้ว รอยยิ้มที่มุมปากก็แข็งทื่อไป
หลังจากที่เขาอ่านจบ ลายมือตัวอักษรเหล่านั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านล่างกลับมองไม่เห็นอย่างชัดเจน แต่สามารถมองเห็นสีหน้าอันแปลกประหลาดของหนานซู่ไหวได้
“ท่านเจ้าสำนัก?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนลองตะโกนเรียกอย่างหยั่งเชิง
“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”
ดูจากท่าทางแล้ว เหมือนจะเป็นเรื่องไม่ค่อยดี…
หนานซู่ไหวดึงสติกลับคืนมา คิ้วขมวดขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เงยหน้ามองทุกคน แล้วพูดขึ้นเสียงทุ้มต่ำว่า
“ตอนนี้นังหนูเยว่เออร์ออกจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงได้อย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนแล้ว”
ทุกคนจึงดีใจ แล้วถอนหายใจออกมา แต่จากนั้นก็พบว่าสีหน้าของหนานซู่ไหวยังคงตึงเครียดเช่นเดิม พวกเขาจึงรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น
“ท่านเจ้าสำนัก นังหนูเยว่เออร์ออกมาอย่างปลอดภัย แล้วเหตุใดท่านถึงยังมีท่าทีกังวลอยู่ล่ะ?” ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนถามขึ้น ทันใดนั้นเขาก็มีสีหน้าตกตะลึง “หรือว่านังหนูเยว่เออร์จะโดนพวกเขารังแก? นางกับถวนจื่อ…”
“ถวนจื่อติดตามนางออกมาด้วย”
หนานซู่ไหวส่ายหน้า
“เรื่องราวของเผ่าหงส์ทองคำสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างราบรื่น เพียงแต่ว่า… เดิมทีหรงซิวต้องการพาพวกนางกลับไปยังพระราชวังเมฆาสวรรค์ แต่ระหว่างทางเยว่เออร์ได้รับข่าวคราวเกี่ยวกับฉู่หนิงที่เป็นบิดาของนาง ตอนนี้พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังสุสานสังหารเทพแล้ว”
“สุสานสังหารเทพ?”
ผู้อาวุโสหลายคนมีสีหน้าตกตะลึงไป
ที่แห่งนั้นอันตรายอย่างมาก คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมุ่งหน้าไปที่นั่น?
มิน่าล่ะสีหน้าของท่านเจ้าสำนักจึงดูตึงเครียดเป็นอย่างมาก!
“มีแค่พวกเขาไม่กี่คนเท่านั้นหรือ?”
หนานซู่ไหวพยักหน้า
นั่นคือสิ่งที่เขากังวลจริงๆ
สุสานสังหารเทพมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยอันตราย
ยิ่งไปกว่านั้นในครั้งนี้ เป็นฝ่ายศัตรูที่เชื้อเชิญพวกเขาเข้าไป?
แค่คิดก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องวางกับดักเอาไว้เพื่อโจมตีพวกเขาอย่างแน่นอน!
แต่ว่าฉู่หนิงเป็นบิดาของเยว่เออร์ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องไป
หนานซู่ไหวเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน
“ปั๋วเหยี่ยน เรื่องภายในสำนักต้องให้เจ้าเป็นคนจัดการชั่วคราวแล้ว ข้าจะไปสุสานสังหารเทพด้วยตนเอง”
ผู้อาวุโสทั้งหลายล้วนตกใจไป จากนั้นทุกคนก็มีความเห็นว่าจะติดตามไปด้วย
แต่สุดท้ายก็ถูกหนานซู่ไหวปฏิเสธ
“สำนักเรียนต้องมีคนอยู่ดูแล พวกเจ้าอยู่ที่นี่เถอะ สถานที่อย่างสุสานสังหารเทพ ข้าไปเพียงคนเดียวจะเคลื่อนไหวสะดวกกว่า”
เมื่อกล่าวจบ เขาก็ไม่รอให้ผู้อื่นโต้เถียง เงาร่างของเขาหายไปจากตำแหน่งเดิมในทันที!
…
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ยอดเขาแห่งหนึ่งในสำนักหลิงเซียว
อี้เหวินจั๋วลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นก็หันไปมองทางหอระฆังบูรพกษัตริย์!
“คาดไม่ถึงว่า… เขาจะจากไปในเวลานี้”
……….