ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1644 จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ยังคงอยู่
ตอนที่ 1644 จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ยังคงอยู่
……….
เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งก้านธูป อาณาเขตเซียนเทพแห่งนั้นก็ถ่ายเทพลังลงไปในก้อนหินจนหมดสิ้นแล้ว
เมื่อแสงสีน้ำเงินสายสุดท้ายจางหายไป ทุกสิ่งรอบกายก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบอย่างรวดเร็ว
เหมือนไม่มีอันใดเคยเกิดขึ้นมาก่อน
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
เมื่อครู่นี้… มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?
หรงซิวโน้มตัวไปหยิบก้อนหินก้อนนั้นมา แล้วมองพิจารณามันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นมา ใบหน้าเผยความสนใจ
“อย่างนี้นี่เอง…”
“มีอันใดหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ถามไปด้วย พร้อมโน้มตัวมาด้านหน้าด้วยความสงสัย
หรงซิวส่งหินก้อนนั้นให้กับนาง
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองอย่างระมัดระวัง
หินก้อนนี้มีขนาดเล็กเท่ากับกำปั้น รูปร่างผิดแปลกอย่างมาก ดูไปแล้วน่าจะเป็นหินที่แตกจากป้ายหลุมศพเหล่านั้น หินทั้งก้อนเป็นสีเทาขาว ดูไม่ค่อยแตกต่างจากหินธรรมดาเท่าไร
ทันใดนั้นเองฉู่หลิวเยว่ก็หรี่ตาลง เมื่อมองไปที่หินก้อนนั้น ก็เห็นตราประทับสีเงินขนาดเล็กเท่ากับเล็บมือปรากฏขึ้น
รอยประทับสีน้ำเงินนั้นเหมือนเพิ่งถูกแกะสลักได้ไม่นาน สีสันยังสดใสอย่างมาก
แค่คิดก็รู้ได้ทันทีแล้วว่าร่องรอยเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากอาณาเขตเซียนเทพถูกถ่ายเทลงไปด้านในแล้ว
เพียงแต่ตอนที่นางถือก้อนหินก้อนนั้นเอาไว้ในมือ นางไม่สามารถสัมผัสถึงการมีอยู่ของอาณาเขตเซียนเทพได้เลย และหินก้อนนี้ก็ไม่ได้มีอันใดแตกต่างก้อนหินธรรมดาเลย
ถ้านางไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง ฉู่หลิวเยว่ก็ยากจะทำใจเชื่อว่าอยู่ดีๆ อาณาเขตเซียนเทพแห่งหนึ่งจะไหลเข้าสู่ก้อนหินก้อนนั้นด้วยตนเอง
“เจ้าดูตราประทับสีน้ำเงินนั้นให้ละเอียดสิ” หรงซิวกล่าวเตือน
ฉู่หลิวเยว่ขยับตัวเข้าใกล้ขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นเองนางก็ต้องรู้สึกตกใจ และหันมาสบสายตากับหรงซิว
“นี่มัน…คือ…สัญลักษณ์?”
คำสุดท้ายของฉู่หลิวเยว่นั้นเบาหวิวเป็นอย่างมาก
เพราะว่าตราประทับสีน้ำเงินนั้น มีขนาดเล็กเท่าเล็บเท่านั้น หากจะมองให้ชัดเจน นางจำเป็นที่จะต้องโน้มตัวเข้าไปดู
ใกล้ๆ และหลังจากนั้นนางถึงมองเห็นลายเส้นที่สลับซับซ้อนได้อย่างชัดเจน
หรงซิวพยักหน้า
“ดูเหมือนว่าอาณาเขตเซียนเทพแห่งนี้ จะเป็นเจ้าของของป้ายหลุมศพที่พังทลายนี้”
ไม่อย่างนั้นแล้วละก็อาณาเขตเซียนเทพจะไม่สามารถเข้าไปในก้อนหินก้อนนั้นได้อย่างเด็ดขาด
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิด และคิดว่าคำพูดของหรงซิวนั้นก็มีความเป็นไปได้อย่างมาก
เพียงแต่ว่า…
“เจ้าของหลุมศพนี้น่าจะตายไปนานมากแล้ว แต่เหตุใดอาณาเขตเซียนเทพยังไม่จางหายไป? อีกทั้ง… กลับซ่อนอยู่ในที่แห่งนี้?”
ฉู่หลิวเยว่พูดและมองไปรอบข้างอีกครั้ง
เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่แปลกประหลาดเมื่อครู่นี้ ความคิดอันไร้สาระก็ปรากฏขึ้นในสมองของนางอย่างกะทันหัน
“ช้าก่อน! หรือว่า… อาณาเขตเซียนเทพเหล่านี้คือ…”
นางยังพูดไม่ทันจบ ฉู่หลิวเยว่ก็สัมผัสได้ว่ามีของบางอย่างกระทบกับปลายเท้าของนาง
นางรู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องหันไปมองว่า สิ่งนั้นจะต้องเป็นก้อนหินอีกก้อนอย่างแน่นอน!
นางก้มลงมองดูด้วยลำคอที่แข็งทื่อเล็กน้อย
และเป็นเช่นนั้นจริงๆ
แม้รูปร่างจะแตกต่างกัน แต่ก็เป็นก้อนหินก้อนหนึ่งจริงๆ
เสียงหนึ่งที่แผ่วเบาลอยเข้ามาในโสตประสาทของนาง เหมือนกับมีอันใดบางอย่างเข้ามาใกล้
เมื่อถึงด้านหน้าของทั้งสองคน สถานการณ์แบบเดียวกันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง!
พรึ่บ!
อาณาเขตเซียนเทพสีเขียวนั้นถูกถ่ายเทเข้าไปในหินก้อนที่สอง และทิ้งสัญลักษณ์เล็กๆ เอาไว้!
เพราะว่าตราประทับนั้นมีขนาดเล็กอย่างมาก ฉู่หลิวเยว่จึงไม่สามารถแยกแยะได้ทั้งสองสัญลักษณ์นั้นเป็นรูปแบบเดียวกันหรือไม่
แต่ตอนนี้สิ่งที่นางให้ความสำคัญมากที่สุดไม่ใช่เรื่องนี้
แต่เป็น…
ที่แห่งนี้คือที่ไหนกันแน่ อีกทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ควรจะต้องอธิบายอย่างใด!
“หินเหล่านี้ตกมาด้านล่างพร้อมกับพวกเรา”
หรงซิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองทางฉู่หลิวเยว่
“เหมือนว่า… ที่พวกมันโจมตีพวกเราเมื่อครู่นี้ก็เพราะอยากจะลากให้เจ้าลงมาที่นี่”
“ลากข้าลงมา?”
ฉู่หลิวเยว่ยื่นมือออกมาชี้จมูกของตนเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“แต่เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้เล่า?”
นางมาที่สุสานสังหารเทพเป็นครั้งแรก อีกทั้งระหว่างทางก็ยังปฏิบัติตามกฎมาโดยตลอด เหมือนว่าจะไม่ได้ทำอันใดผิดเลย?
แล้วเหตุใดก้อนหินเหล่านี้ถึงมาล้อมตัวนางอย่างไม่ทราบสาเหตุเช่นนี้ล่ะ?
เหมือนมีลำแสงสีดำพาดผ่านดวงตาของหรงซิว แต่พริบตาเดียวก็หายไป
เขามองความดำมืดที่อยู่ด้านข้าง
ความเงียบปกคลุมอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา
“บางที… บนร่างกายของเจ้าอาจจะมีสิ่งของบางอย่างที่พวกมันอยากได้ก็ได้”
ฉู่หลิวเยว่คิดไม่ออก
หรือว่านางจะกลายเป็นคนดังของที่นี่อีกแล้ว?
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ นั่นก็หมายความว่า… อาณาเขตเซียนเทพและก้อนหินเหล่านี้ คือเจตจำนงของพวกเขา?”
มีเพียงสองสิ่งนี้ที่สามารถแบกรับเจตจำนงของเจ้าของได้!
“หรือว่าคนพวกนั้นจะยังไม่ตาย?”
ฉู่หลิวเยว่พูดพึมพำเสียงต่ำออกมาอย่างอดไม่ได้
“ไม่ พวกเขาตายไปแล้ว”
หรงซิวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย แล้วหันมองหน้าเขาอย่างสงสัย
“เจ้า… เจ้ารู้ได้อย่างใด?”
หรงซิวผงะไป
“เพราะว่าอาณาเขตเซียนเทพเป็นสถานะไม่มีเจ้าของ”
“สถานะไม่มีเจ้าของ?”
“โดยปกติแล้ว เจ้าของสิ้นชีพวิญญาณสูญสลาย อาณาเขตเซียนเทพก็ไม่สามารถคงอยู่ต่อไปได้ แต่ที่แห่งนี้ไม่เหมือนกัน มีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากมายที่ดับสูญในสงครามสุสานสังหารเทพเมื่อปีนั้น พลังของเขาได้ระเบิดและทำลายที่นี่โดยตรง หลังจากนั้นผ่านไปหมื่นปีพืชพันธุ์และต้นไม้ก็ยังไม่เติบโต”
“รัศมีแห่งความชั่วร้ายเข้าหลอมรวมกับวิญญาณผู้กล้าจำนวนมากที่แตกสลาย ทำให้พลังแห่งสวรรค์และโลกมีรอยด่างพร้อย และพลังทั้งหมดนั้นก็มารวมตัวกันจนก่อเกิดเป็นสถานะที่แปลกประหลาด”
“ผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านั้นตายแล้ว แต่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเขาที่อยู่ในสงครามครั้งนั้นก็ยังเก็บรักษาเอาไว้ในป้ายหลุมศพและอาณาเขตเซียนเทพด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง”
“สรุปแล้วก็คือแม้ว่าผู้บำเพ็ญเพียรจะตายแล้ว แต่จิตวิญญาณในการต่อสู้ก็ยังคงอยู่”
ทันทีที่สิ้นเสียงของหรงซิว ฉู่หลิวเยว่ก็จมอยู่กับความตกตะลึงและเงียบงัน
ท้ายที่สุดแล้วมันคือสงครามแบบใดกันที่แม้เวลาผ่านไปหมื่นปีแต่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก็ยังคงอยู่?
มันต้องเป็นความหลงใหลแบบใด ถึงจะทำให้หลังจากร่างและวิญญาณถูกทำลายไปแล้ว แต่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก็ยังคงอยู่ในโลกไม่จางหายไปไหน?
“จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้…”
ฉู่หลิวเยว่กำก้อนหินที่อยู่ในมือแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม
“หรงซิว เจ้ารู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างใด?”
……….