ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1647 สุสานกลุ่ม
ตอนที่ 1647 สุสานกลุ่ม
……….
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงไปอย่างกะทันหัน
คำพูดของหรงซิวหมายความว่าอย่างใด นางเข้าใจดีอย่างแน่นอน
แต่… มันจะเป็นไปได้อย่างใด?
ก้อนหินเหล่านี้ดูแล้วหน้าตาอัปลักษณ์ เป็นเพราะว่ามันเป็นป้ายสุสานที่แตกหักออกมา อีกทั้งยังแฝงด้วยไอเย็นอยู่หลายส่วน
แต่ว่าฉู่หลิวเยว่มองเห็นอาณาเขตเซียนเทพจำนวนมากมายถูกถ่ายเทพลังเข้ามาในก้อนหินเหล่านี้ด้วยตาของตนเองแล้ว!
ความจริงแล้วอาณาเขตเซียนเทพเหล่านี้ก็อ่อนแอเป็นอย่างมาก เหมือนว่าหากใช้พลังมากเกินไปเพียงเล็กน้อย มันก็สามารถแตกสลายลงได้
แต่…
ท้ายที่สุดแล้วมันก็คืออาณาเขตเซียนเทพ!
ยิ่งไปกว่านั้นที่แห่งนี้ก็มีจำนวนมากมายขนาดนั้น!
หากพลังเหล่านั้นรวมตัวกันขึ้นมา… มันจะต้องทรงพลังมากอย่างไม่ต้องสงสัย!
“นี่มัน…”
ก่อนหน้านี้ฉู่หลิวเยว่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน
เพราะว่าหลังจากเข้ามาที่สุสานสังหารเทพได้ไม่นาน ก้อนหินที่แตกหักเหล่านั้นก็เริ่มไล่ตามพวกเขาอย่างดุเดือด
ระหว่างนั้นองค์ปฐมกษัตริย์ก็ขาดการติดต่อจากพวกเขาไป
แต่เพราะว่านางกับหรงซิวถูกลากลงมาที่นี่
จากประสบการณ์เหล่านี้ ทำให้ฉู่หลิวเยว่ยากจะคิดไปเองว่าสิ่งของเหล่านี้จะ…
แต่เมื่อคิดอย่างละเอียดแล้ว สิ่งที่หรงซิวพูดก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ไม่อย่างนั้นแล้วละก็เหตุใดพวกมันถึงเชื่อฟังและติดตามนางเช่นนี้?
ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวหยุดฝีเท้าลง
ก้อนหินเหล่านั้นก็หยุดด้วยเช่นกัน
ท่ามกลางความมืดมิด สัญลักษณ์หลากสีจำนวนไม่ถ้วนก็เปล่งประกายแสงจางๆ
พวกมันยืนรออย่างเงียบเชียบอยู่ที่เดิม เหมือนกับกำลังรอรับภารกิจ
หัวใจของฉู่หลิวเยว่สั่นไหว จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นมา
ก้อนหินก้อนนี้ลอยขึ้นก่อนจะตกลงมาที่กลางฝ่ามือของนาง
จากนั้นก็มีความคิดหนึ่งปรากฏ นางหยิบก้อนหินก้อนนั้นใส่ลงไปในแหวนเฉียนคุน
หลังจากผ่านไปสักพัก ก็ไม่มีอันใดผิดปกติ
เหมือนกับว่า… นางใส่ก้อนหินธรรมดาลงไปเพียงเท่านั้น
ในทางกลับกันหินที่ยังอยู่ที่เดิมกลับรู้สึกกระสับกระส่ายไปเล็กน้อย
มันมีท่าทีกระตือรือร้น และยังแฝงไปด้วยความอิจฉา
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงไปในทันที
นางสัมผัสได้ถึง “อารมณ์” ของก้อนหินเหล่านั้นได้อย่างใด?
หรือว่า… สำหรับนางกับพวกมันนั้น เพียงแค่การสัมผัสตัวกันครู่เดียวก็ก่อเกิดสายสัมพันธ์บางอย่างขึ้นมาแล้วหรือ?
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปาก
“เข้ามาให้หมด มา”
ทันทีที่สิ้นเสียง ก้อนหินเหล่านั้นก็ค่อยๆ ทยอยลอยไปหาฉู่หลิวเยว่
ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือไม่ ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเหมือนว่าพวกมันมีความรู้สึกตื่นเต้นและดีใจเหมือนกับ “ขมไปหวานมา เมื่อฝ่าฟันความยากลำบาก เวลาแห่งความสำเร็จก็หอมหวานเป็นพิเศษ”
มีก้อนหินบางก้อนที่ตื่นเต้นมากเกินไป ดังนั้นจึงเกิดการเสียดสีกับหินก้อนข้างๆ แต่เมื่อถูกฉู่หลิวเยว่มองด้วยสายตาราบเรียบ มันก็หยุดนิ่ง
พวกมันเข้าแถวเข้าไปในแหวนเฉียนคุนอย่างเป็นระเบียบ
มันมีจำนวนมากเกินไปจริงๆ!
ในที่สุดเมื่อหินก้อนสุดท้ายเข้าไปในแหวนเฉียนคุน ฉู่หลิวเยว่ถึงได้ถอนหายใจออกมา
เหนื่อยใจมาก
หรงซิวเฝ้ามองดูอยู่ด้านข้างด้วยความสนใจ
เหมือนว่านางจะยังไม่รู้สึกตัวเลยว่า นางมีไพ่ไม้ตายในมือเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง
“เอาล่ะ ในเมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ”
ขณะที่พูดเขาก็ดึงฉู่หลิวเยว่ให้เข้ามาในอ้อมกอด เงาร่างวูบไหว จากนั้นก็บินขึ้นไปในทันที!
…
ในครั้งนี้ทุกอย่างราบรื่นเป็นอย่างมาก ทั้งสองคนใช้เวลาประมาณหนึ่งก้านธูปถึงสามารถขึ้นมาบนพื้นได้สำเร็จ
ในตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว
ท้องฟ้าดำมืด ไม่มีแสงดาวและแสงจันทร์
เมื่อกวาดสายตามองก็มีเพียงพื้นที่รกร้างเช่นเดิม ป้ายหลุมศพที่แตกหักกระจายอยู่ทั่วทุกที่
ฉู่หลิวเยว่มองไปแล้วพูดว่า
“นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกเราลงมาก่อนหน้านี้แน่นอน”
หรงซิวมองมาที่นาง
“เจ้าแน่ใจได้อย่างใด? ทิวทัศน์ของสถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะไม่มีอันใดต่างไปจากเดิมเลยนะ”
ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม เดิมทีก็ไม่สามารถมองเห็นอันใดได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงยากจะแยกแยะมากกว่าเดิม
แต่น้ำเสียงของนางกลับหนักแน่นมั่นใจอย่างมาก
“เพราะว่า…”
ฉู่หลิวเยว่เพิ่งพูดขึ้นมา แต่ก็หยุดไปอย่างกะทันหัน
ใช่แล้ว
เหตุใดนางถึงมั่นใจขนาดนี้ล่ะ?
เห็นได้ชัดว่านางไม่เคยมาที่นี่มาก่อน…
ในตอนนั้นเองนางก็มองไปยังแหวนเฉียนคุนบนมือ
“เหมือน…จะเป็นเพราะ…”
นางพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำอย่างไม่แน่ใจ
หลังจากที่ออกมาเมื่อครู่นี้ ความจริงแล้วนางก็ไม่ได้คิดอันใดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่รู้สึกได้ทันทีว่า ที่แห่งนี้คือสถานที่อีกแห่งหนึ่ง
“ความรู้สึก” นั้นคงจะมาจากก้อนหินเหล่านั้นสินะ?
ก็จริง
พวกมันอยู่ที่สุสานสังหารเทพมากว่าหมื่นปี ดังนั้นจึงรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างมาก
แต่ตอนนี้ระหว่างฉู่หลิวเยว่กับพวกมันมีสายสัมพันธ์อันใดบางอย่างก่อตัวขึ้นแล้ว
ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้ และรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ไม่น้อย
ฉู่หลิวเยว่หลับตาลง พร้อมรวบรวมสมาธิ
เป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย
เหมือนว่านางจะสัมผัสทุกอย่างภายในรัศมีสิบลี้ได้อย่างคลุมเครือ!
ท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่ได้มีความชัดเจนขนาดนั้น แต่สำหรับคนที่เพิ่งเคยมาสุสานสังหารเทพเป็นครั้งแรก เรื่องนี้จะเป็นตัวช่วยที่ดีมากอย่างไม่ต้องสงสัย!
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างปลอดภัยขึ้นมากทีเดียว!
เมื่อเห็นสีหน้าของนาง มุมปากของหรงซิวก็โค้งขึ้นเล็กน้อย
“บางทีเจ้าอาจจะสามารถสัมผัสลมปราณของใต้เท้าฉู่หนิงและผู้อาวุโสซั่งกวนได้?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า แต่ดวงตาก็ยังเปล่งประกายราวกับมีดวงดาราอยู่ภายในเช่นเคย
“พวกเขาน่าจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่… หลังจากนี้หากต้องการจะตามหาพวกเขา ก็ถือว่าสะดวกขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว”
ดูเหมือนว่าการเก็บก้อนหินเหล่านั้นมาก็มีเรื่องดีอยู่เหมือนกัน!
เรื่องนี้ทำให้ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว”
หรงซิวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าครู่หนึ่ง
“พรุ่งนี้ก็เป็นเวลานัดหมายแล้ว”
ตอนนี้สามารถมีไพ่ไม้ตายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งใบจึงทำให้พวกเขามีความมั่นใจมากขึ้น
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ
ทันใดนั้นเองเหมือนนางจะสัมผัสอันใดได้บางอย่างจึงหันขวับกลับไปมอง
ความมืดปกคลุมทุกพื้นที่ ภายในพื้นที่รกร้างว่างเปล่ามีเพียงความมืดเท่านั้นที่ยังคงอยู่
“มีอันใดหรือ?”
หรงซิวถามขึ้น
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง
“หรงซิว… เจ้ารู้สึกถึงอันใดบ้างหรือไม่?”
หรงซิวหรี่ตามอง
“เกิดอันใดขึ้นหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่กุมมือแน่น หัวใจของนางเต้นระรัว
นางพูดออกมาอย่างยากลำบากว่า
“ถ้าเดาไม่ผิดละก็ ที่แห่งนี้… คือสุสานกลุ่มของผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์”