ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1652 ห้ามรบกวนภรรยาของข้า
ตอนที่ 1652 ห้ามรบกวนภรรยาของข้า
……….
เขาพูดขึ้นอย่างเชื่องช้า แต่ท่าทางกลับสงบนิ่งเป็นอย่างมาก นับว่ามีความอ่อนโยนอยู่เล็กน้อย
แต่เมื่อคำเหล่านี้กระทบเข้าที่โสตประสาทของพวกเขา กลับทำให้พวกเขารู้สึกเสียวสันหลังอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เมื่อสบสายตากับดวงตาหงส์ที่ไม่มีก้นบึ้ง หนานอวี่สิงก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมากะทันหันอย่างไม่สามารถอธิบายได้
แต่อารมณ์เหล่านี้ถูกเขาระงับลงไปอย่างรวดเร็ว
เขาคือคุณชายใหญ่ตระกูลหนาน จะหวาดกลัวคนของพระราชวังเมฆาสวรรค์คนหนึ่งได้อย่างใด?
“หรงซิว ข้ารู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ เจ้ามีชื่อเสียงมากในอาณาจักรเสิ่นซวี่ ข้ายอมรับเลยว่าเจ้าแข็งแกร่งมาก ไม่อย่างนั้นแล้วละก็เจ้าไม่สามารถเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างแน่นอน แต่ก็น่าเสียดาย… มีบางเรื่องที่เจ้าก็ยังไม่ชัดเจน มีคนบางคนนะที่เจ้าไม่สามารถไปยั่วโมโหเขาได้!”
ขณะที่หนานอวี่สิงพูด เขาก็ตะโกนบอกผู้อาวุโสทั้งสองว่า
“รีบลงมือเสีย!”
ขอเพียงทั้งสองคนตายอยู่ที่นี่ เรื่องนี้ก็จะไม่มีใครรู้แล้วว่าพวกเขาเป็นคนลงมือ
ข่าวนี้ก็จะถูกฝังกลบอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล!
ผู้อาวุโสอูเผิงกลับขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
“คุณชายใหญ่ เกรงว่าเรื่องนี้จะมีบางอย่างผิดปกติ…”
แม้ว่าเขาจะรู้จักหรงซิวไม่มาก แต่เขาก็เคยได้ยินข่าวลือของอีกฝ่ายมาบ้าง
วิธีการโหดเหี้ยม สังหารคนอย่างเด็ดขาด เป็นบุคคลที่อันตราย
แต่ประเด็นสำคัญเลยก็คือ คำพูดที่เขาพูดเมื่อครู่นี้… เหมือนว่าจะไม่ได้ทำท่าหยิ่งจองหอง
การที่สามารถพูดชื่อประมุขออกมาอย่างห้วนๆ เดิมทีก็ไม่ธรรมดาแล้ว แต่ขณะที่เขาพูดยังมีท่าทางผ่อนคลายมากอีกด้วย…
หรือว่าหรงซิวผู้นี้จะรู้จักกับท่านประมุขเป็นการส่วนตัวจริงๆ?
ทันใดนั้นหนานอวี่สิงก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
“ผู้อาวุโสอูเผิง ท่านตัดสินใจทำการเฉียบขาดและรวดเร็วมาโดยตลอด เหตุใดวันนี้ถึงลังเลเช่นนี้ล่ะ?”
อีกฝ่ายรังแกเขาถึงขั้นนี้แล้ว หากพวกเขาไม่ตอบโต้เลย เกรงว่าพูดออกไปแล้วจะทำให้คนหัวเราะเยาะจนฟันร่วงได้!
แค่ฆ่าคนสองคน มันจะสามารถก่อปัญหาอันใดได้อีก?
ผู้อาวุโสอูเผิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
เดิมทีเขาอยากจะโน้มน้าวอีกสักประโยคสองประโยค แต่ผู้อาวุโสไป๋ถงกลับขยิบตาให้เขาอย่างรวดเร็ว
แล้วเขาจะเถียงอันใดได้?
คุณหนูรองได้รับความอัปยศอดสูจากทั้งสองคน ซ้ำคุณชายใหญ่ต้องทิ้งครึ่งชีวิตไปแล้ว
ต่อให้ท่านประมุขอยู่ที่นี่ เขาก็จะเลือกลงมืออย่างแน่นอน!
แล้วอีกอย่าง หากฆ่าไปทันทีและกำจัดศพอย่างหมดจด เทพไม่รู้ ผีไม่เห็น บนโลกนี้ก็จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีก
แล้วจะกังวลให้มากเรื่องไปเหตุใด?
สีหน้าของผู้อาวุโสอูเผิงแข็งค้าง ในที่สุดก็กลืนคำพูดที่เหลือของตนเองลงไป
พรึ่บ!
เคียวสีดำครามเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของผู้อาวุโสอูเผิง!
ลำแสงที่เย็นยะเยือก คมกริบอย่างหาไม่ได้!
“เชิญคุณชายใหญ่และคุณหนูรองถอยออกไปก่อน”
ผู้อาวุโสอูเผิงพูดขึ้นเสียงเรียบ
ผู้อาวุโสไป๋ถงสาวท้าวเดินก้าวขึ้นไปในเวลาเดียวกัน พลังปราณดั้งเดิมบริเวณรอบข้างก็พวยพุ่ง!
ดูจากท่าทางแล้วเขาต้องการสังหารให้ตายกันไปข้าง
หรงซิวเหลือบสายตามองเขา จากนั้นก็ถอนสายตากลับมา เหมือนว่าไม่เห็นสถานการณ์เหล่านี้อยู่ในสายตาเลย
ในที่สุดด้วยท่าทางเช่นนี้ก็ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองรู้สึกโกรธแล้ว
“ลุย!”
ผู้อาวุโสอูเผิงตะโกนขึ้นเสียงต่ำ แล้วพุ่งตัวไปด้านหน้าเป็นคนแรก!
ตู้ม!
ผู้อาวุโสไป๋ถงสะบัดแขนเสื้อของตนเอง!
เปลวเพลิงสีส้มควบแน่นกลายเป็นแส้ยาว ก่อนจะพุ่งตัวไปทางฉู่หลิวเยว่!
แต่ในตอนนั้นเองผู้อาวุโสไป๋ถงกลับรู้สึกเจ็บแปลบที่ขาของตนเองขึ้นมา!
เขารีบหันกลับไปมอง จากนั้นรูม่านตาก็ต้องหดเล็กลง!
บริเวณที่เขาเหยียบ ขาของเขาถูกด้ายสีทองพันเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ!
ด้ายเส้นนั้นบางราวกับเส้นผม อีกทั้งยังปรากฏออกมาอย่างไร้เสียงไร้ร่องรอย ไม่มีระลอกคลื่นปรากฏเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเมื่อเขาไม่ได้มองก็ถูกพัวพันโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ!
ฝ่ามือของเขามีเปลวเพลิงปรากฏขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเขาต้องการจะเผาด้ายนั้นออกโดยตรง
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้อาวุโสไป๋ถงตกใจก็คือ ด้ายสีทองนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งเปลวเพลิงของเขาก็ยังไม่สามารถทำอันใดมันได้!
แม้ว่าเปลวเพลิงจะลุกไหม้ แต่พลังภายในกลับถูกด้ายสีทองดูดกลืนลงไปจนหมดสิ้น!
ด้ายสีทองนั้นตึงขึง!
ความเจ็บปวดแผ่กระจาย คราบเลือดสีแดงค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากเสื้อผ้าของเขา!
ผู้อาวุโสไป๋ถงรู้สึกตกใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เหตุใดด้ายสีทองถึงทรงพลังขนาดนี้เล่า!
แม้ว่าเขาจะเชี่ยวชาญวิชาเซียนหมอ แต่ด้านการต่อสู้เขาก็มีความชำนาญไม่แพ้กัน และอยู่ในระดับผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง
ยิ่งไปกว่านั้น เพราะว่าเขามีโอสถเป็นตัวช่วย พลังทางกายภาพของเขาจึงแข็งแกร่งกว่าผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไป
แต่เหตุใดในตอนนี้ถึงถูกด้ายสีทองทำร้ายได้อย่างง่ายดาย!
ผู้อาวุโสไป๋ถงสัมผัสได้ถึงอันตรายแล้ว เขาจึงสะบัดข้อมือเรียกแส้เพลิงกลับคืนไป และเริ่มจัดการกับด้ายสีทองที่อยู่เหนือข้อเท้าของตนเองด้วยกำลังทั้งหมด
แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นดั่งใจหวัง
ด้ายสีทองเริ่มพันตัวของเขาด้วยความเร็วที่น่าตกใจมากยิ่งขึ้น!
หลังจากผ่านไปสักพัก น่องของเขาก็ถูกด้ายสีทองพันเอาไว้อย่างแน่นหนาแล้ว!
อีกทั้งในระหว่างขั้นตอนเหล่านี้ด้ายสีทองก็ยังตึงขึงอยู่!
คราบเลือดบนร่างกายของผู้อาวุโสไป๋ถงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดเขาก็เริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาแล้ว
นี่มันเรื่องบ้าอันใดกันแน่!
พรึ่บ!
ลำแสงคมดาบสีดำครามสายหนึ่งพาดผ่าน!
เมื่อผู้อาวุโสอูเผิงสัมผัสได้ว่าทางนี้มีอันตราย เขาจึงเปลี่ยนทิศทางในการลงมือ
เคียวที่แหลมคมฟันลงอย่างแรง!
ด้ายสีทองขาดสะบั้นลงอย่างไร้เสียง!
ในที่สุดผู้อาวุโสไป๋ถงก็ถอนหายใจออกมา
“อูเผิง ขอบใจเจ้ามาก… ระวัง!”
เขายังไม่ทันได้พูดจบ ผู้อาวุโสไป๋ถงก็เบิกตากว้าง แล้วส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกใจ!
ผู้อาวุโสอูเผิงหลือบสายตาหันกลับไปมอง คาดไม่ถึงว่าด้ายสีทองที่ถูกฟันจนขาดสะบั้นนั้นจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน และเข้ามาพันพวกเขาทั้งสองในทันที!
ภายในชั่วพริบตาเดียว เคียวของผู้อาวุโสอูเผิงก็ถูกด้ายสีทองเหล่านั้นพันเอาไว้อย่างหนาแน่น!
อีกทั้งมันยังแพร่กระจายไปยังร่างกายของผู้อาวุโสอูเผิงด้วย!
ผู้อาวุโสอูเผิงกำลังจะกวัดแกว่งเคียวของตนเอง แต่ตอนนี้กลับถูกด้ายสีทองจัดการอย่างหนาแน่นแล้ว เคียวของเขาก็เหมือนว่าจะมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมันเหวี่ยงไปมาได้ยากมากยิ่งขึ้น
ทุกการเคลื่อนไหวเหมือนจะกลายเป็นเรื่องยากมากกว่าเดิม!
เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังนั้นหนานอีอีและหนานอวี่สิงที่ยืนมองอยู่ด้านหลังก็รู้สึกตกใจจนชะงักไป
หรงซิวผู้นี้แข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ?
ในตอนนั้นเองฉู่หลิวเยว่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
สีหน้าของหรงซิวเย็นชาขึ้นมาสามส่วน
“ข้าบอกแล้วไงว่าห้ามรบกวนภรรยาของข้าบำเพ็ญเพียร”
เขายกข้อมือขึ้นแล้วสะบัดออกในทันที!