ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1653 สำเร็จ
ตอนที่ 1653 สำเร็จ
……….
ด้ายสีทองที่มีความยืดหยุ่นสูงก็รัดแน่นมากขึ้นในทันที! คาดไม่ถึงว่าจะสามารถดึงเคียวสีดำครามออกมาจากมือของผู้อาวุโสอูเผิงได้!
ผู้อาวุโสอูเผิงมึนงงไปชั่วครู่ คาดไม่ถึงว่าอาวุธโบราณของเขาจะถูกหรงซิวดึงออกไปอย่างง่ายดายเช่นนี้!
ภายใต้การจับจ้องมองของทุกคนเคียวเล่มนั้นก็ลอยไปอยู่ตรงหน้าของหรงซิว!
เขายกมือขึ้น แล้วรับเคียวนั้นไว้ในมือ
“เคียวทลายสวรรค์… หากข้าจำไม่ผิดแล้วละก็ น่าจะเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาชิ้นแรกที่ผู้อาวุโสอูเผิงหลอมขึ้นมาไม่ใช่หรือ? เมื่ออาศัยของชิ้นนี้ ในที่สุดผู้อาวุโสอูเผิงก็กลายเป็นช่างหลอมอาวุธระดับราชาได้สำเร็จ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะกลายเป็นช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์แล้ว เขาก็ยังให้ความสำคัญกับอาวุธชิ้นนี้เช่นเดิม”
ใบหน้าของผู้อาวุโสอูเผิงแข็งค้างไปครึ่งหนึ่ง และยังคงเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ
แม้กระทั่งเรื่องเหล่านี้… หรงซิวรู้ได้อย่างใด?
พรึ่บ!
ทันใดนั้นกลางฝ่ามืออีกข้างของเขาก็มีมีดเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น
มีดสองคมเล่มนั้นมีความยาวเพียงแค่หนึ่งฝ่ามือ ด้ามจับสีดำ คมกระบี่บางเฉียบราวกับปีกจั๊กจั่น แทบจะโปร่งแสง เมื่อส่องสะท้อนภายใต้แสงอาทิตย์ ลำแสงส่องประกายวิบวับจางๆ
หัวใจของผู้อาวุโสอูเผิงเต้นกระหน่ำ!
“เจ้า…”
กร๊อบ!
เสียงแตกหักดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
เคียวเล่มนั้นของผู้อาวุโสอูเผิงกลับถูกหรงซิวฟันหักเป็นสองท่อน!
พื้นผิวที่หักนั้นเรียบเนียนอย่างยิ่ง
เหมือนกับว่าหรงซิวทำลายอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาชิ้นโปรดของผู้อาวุโสอูเผิงโดยไม่ต้องออกแรงอันใดเลย!
เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พร้อมเงยหน้าขึ้น ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“ผู้อาวุโสอูเผิง เหมือนว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาของท่านชิ้นนี้ ก็ไม่เท่าไรเลยนี่นา”
สีหน้าของผู้อาวุโสอูเผิงดำคล้ำตรงในทันที!
“หรงซิว! เจ้าบังอาจมาก!”
ในช่วงชีวิตของเขา เขาหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชามาจำนวนไม่น้อย แต่จำนวนหนึ่งในนั้นที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด ก็คือเคียวทลายสวรรค์เล่มนี้
แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์ที่สูงส่งแล้ว แต่เขาก็ยังชอบอาวุธชิ้นนี้มาก
ในปีนั้นตอนที่เขาติดอยู่ในช่างหลอมอาวุธขั้นสูงมาหลายปี แต่ตั้งแต่ต้นจนจบเขากลับไม่สามารถแตะธรณีประตูของช่างหลอมอาวุธระดับราชาได้เลย
เมื่อเวลาผ่านไป ในใจของเขาแทบจะก่อร่างสร้างปีศาจขึ้นมาแล้ว
และต่อมาเขาก็ได้รับความบังเอิญ ในที่สุดเขาก็สามารถหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาชิ้นหนึ่งได้สำเร็จ ไม่เพียงแต่จะสามารถทะลวงด่านได้สำเร็จ แต่เขาก็สามารถฝ่าฟันความยากลำบากที่ตนเองเผชิญออกมาได้อีกด้วย ดังนั้นในเส้นทางการบำเพ็ญเพียรของเขาจึงราบรื่นมาโดยตลอด
เพราะเรื่องนี้เขาจึงให้ความสำคัญกับเคียวทลายสวรรค์เป็นอย่างมาก
ตอนนี้หรงซิวได้ทำลายมันต่อหน้าต่อตาของเขา แล้วจะให้เขาไม่โกรธได้อย่างใด? เขาจะกล้ำกลืนความทุกข์ทรมานนี้ลงไปได้อย่างใด?
อย่างใดก็ตามนอกจากความโกรธแค้นแล้ว ภายในใจของเขาลึกๆ ก็มีความตกตะลึงอยู่
… มีดสองคมเล่มนั้นที่อยู่ในมือของหรงซิว มีขนาดเล็ก พกพาสะดวกเป็นอย่างมาก ดูไปแล้วไม่ได้แตกต่างจากมีดสองคมธรรมดาทั่วไปเลย แต่เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งใช้มันตัดอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาชิ้นหนึ่งอย่างง่ายดาย!
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า มีดสองคมเล่มนี้ ถ้าไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาที่โดดเด่นอย่างมาก ก็จะเป็น…
“อ๊าก!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องสายหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านข้าง
ผู้อาวุโสอูเผิงตกใจสะดุ้งเฮือก แล้วรีบหันกลับไปมอง จากนั้นก็เห็นว่าน่องของผู้อาวุโสไป๋ถงถูกด้ายสีทองพันจนแน่นอีกครั้ง!
แต่เหมือนว่าครั้งนี้จะเลวร้ายมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก!
เสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยรอยคราบเลือด สามารถมองเห็นบาดแผลเนื้อถลอกได้อย่างไม่ชัดเจน ทำให้ผู้คนรู้สึกตกใจอย่างมาก
ผู้อาวุโสไป๋ถงมีใบหน้าซีดขาว แทบจะเป็นลมสลบลงไปแล้ว
ด้ายสีทองเหล่านั้นไม่ธรรมดาอย่างมาก เดิมทีมันไม่ได้แหลมคมจนสามารถตัดอวัยวะของมนุษย์ได้ แต่บาดแผลก็ยังทำให้รู้สึกเจ็บปวดและแสบร้อนเป็นอย่างมาก
ด้ายสีทองถูกรัดให้แน่นขึ้น เหมือนกับถูกเหล็กที่โดนความร้อนจนแดงแล้วนำมาแนบร่างกาย!
ฉ่าๆ …
เสียงเผาไหม้นั้นทำให้หนังศีรษะของผู้คนด้านชา
ผู้อาวุโสไป๋ถงก้มหน้าลงมองด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน ในตอนนั้นเองภายในสมองของเขาขาวโพลน
คาดไม่ถึงว่าบริเวณขาของเขานั้นจะมีรอยไหม้ปรากฏขึ้นจริงๆ!
ผิวหนังและกล้ามเนื้อของเขากลายเป็นสีดำไหม้เกรียมอย่างน่าหวาดกลัว!
ผู้อาวุโสไป๋ถงดิ้นรนออกอย่างสุดชีวิต และทุ่มพลังทางกายเพื่อให้หลุดพ้นจากด้ายสีทองเหล่านี้
แต่ไม่ว่าเขาจะทำอย่างใดก็ตาม ด้ายสีทองเหล่านั้นก็ตามติดราวกับเงา หลังจากที่มันขาดมันก็แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น!
ทันใดนั้นด้ายเส้นหนึ่งก็ตึงขึ้น
ชั่วพริบตาเดียวความเจ็บปวดที่เย็นยะเยือกก็แพร่กระจายไปทั่วร่างทันที!
ครึ่งน่องของผู้อาวุโสไป๋ถงตัดออกไปอย่างไร้สุ้มไร้เสียง!
ปากแผลของเขานั้นเรียบเนียนเป็นอย่างมาก จนสามารถมองเห็นกระดูกสีขาวเลยด้วยซ้ำ!
ภาพเหตุการณ์นี้กระตุ้นจิตวิญญาณของผู้อาวุโสไป๋ถงอย่างรุนแรง ทำให้เขาทั้งตกใจทั้งโมโห และส่วนลึกในใจของเขาก็มีความหวาดกลัวสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างรุนแรง!
ความรู้สึกหลากหลายอย่างพวยพุ่งออกมา จนสุดท้ายไม่สามารถทำให้เขารับไหว หน้าอกของเขากระเพื่อมอย่างรุนแรง ก่อนจะกระอักเลือดออกมา แล้วล้มกระแทกตัวลงกับพื้น!
ตุ๊บ!
เสียงหนึ่งเรื่องดังขึ้น ฝุ่นผงที่อยู่บนพื้นลอยกระจายไปทั่ว
“ผู้อาวุโสไป๋ถง!”
ในที่สุดตอนนั้นเองหนานอีอีและหนานอวี่สิงก็ได้สติกลับคืนมาแล้ว เขาแทบจะไม่กล้าเชื่อสายตาของตนเองเลย
ผู้อาวุโสทั้งสองคนลงมือโจมตีพร้อมกัน คาดไม่ถึงว่า… จะยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่?
หรงซิวเขา… เขาสามารถทำได้อย่างใดกันแน่?
ผู้อาวุโสอูเผิงจับจ้องบาดแผลของผู้อาวุโสไป๋ถงตาเขม็ง จากนั้นก็ค่อยๆ กำหมัดกรอด
ผู้อาวุโสไป๋ถงเป็นเซียนหมอ สามารถเปลี่ยนพลังดั้งเดิมเป็นเปลวเพลิงหลอมโอสถได้ ดังนั้นเปลวเพลิงธรรมดาไม่สามารถทำอันใดเขาได้อย่างแน่นอน
แต่ในตอนนี้เขากลับถูกด้ายสีทองเผา และยิ่งไปกว่านั้นขาครึ่งล่างของเขาก็ถูกอีกฝ่ายตัดจนขาดแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าหรงซิวผู้นี้… น่ากลัวกว่าข่าวลือเสียอีก!
ฝีมือของเขาอยู่ในระดับใดกันแน่?
“เจ้า…”
ผู้อาวุโสอูเผิงกำลังจะพูดขึ้น แต่หรงซิวกลับยกนิ้วชี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ชู่ว”
ภายในดวงตาส่วนลึกของเขา มีแสงสว่างประกายวาบขึ้น ระหว่างคิ้วและดวงตายังมีท่าทีเมินเฉยไม่แยแส
ทันใดนั้นเองผู้อาวุโสอูเผิงก็เหมือนถูกอันใดบางอย่างรัดคอ คำพูดที่เหลือถูกทำลายภายในลำคอ จนไม่สามารถพูดอันใดออกไปได้อีก
…
ภายในสมองของฉู่หลิวเยว่มีค่ายกลที่ลึกลับถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ
ค่ายกลแต่ละอันล้วนเปล่งประกายและทรงพลัง
อย่างใดก็ตามระยะห่างของพวกมันก็ห่างไกลกันมาก เหมือนฟ้ากับดิน
ลำแสงสายหนึ่งพุ่งตรงออกมาจากค่ายกลตรงกลาง หลังจากนั้นไม่นานมันก็เชื่อมโยงกับค่ายกลที่อยู่ด้านข้าง
หลังจากนั้นก็มีสายที่สอง สายที่สาม
หัวใจของฉู่หลิวเยว่รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
นางต้องการเชื่อมโยงค่ายกลเหล่านี้ให้สมบูรณ์ แต่การกระทำเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
นางลองพยายามมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว นางต้องสิ้นเปลืองพลังกายและพลังจิตเป็นจำนวนมาก
มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถปลอบโยนนางได้ คือผลลัพธ์ที่นางทำแต่ละครั้งจะดีขึ้นกว่าครั้งก่อนเสมอ
ซึ่งในจุดนี้ ก็เป็นแรงสนับสนุนให้ฉู่หลิวเยว่กัดฟันทำต่อไป
ยิ่งมีค่ายกลจำนวนมากเท่าไร ก็สามารถเชื่อมโยงมากขึ้นเท่านั้น
ด้วยแรงกดดันเช่นนี้ พวกมันก็เริ่มทับซ้อนกันทีละชั้น
ในที่สุดก็เหลือเพียงค่ายกลสุดท้าย
ฉู่หลิวเยว่กลั้นลมหายใจอย่างไม่รู้ตัว จิตวิญญาณของนางตึงเครียดเป็นอย่างมาก
นางรู้ดีว่าหากครั้งนี้นางทำสำเร็จนั่นจะหมายความว่าอย่างใด!
หากนางไม่ได้พบเจอกับตนเอง แม้กระทั่งนางก็ไม่มีทางเชื่อเลยว่า จะมีคนสามารถใช้เวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือนทะลวงด่านจากปรมาจารย์ค่ายกลระดับราชาเป็นระดับมหาราชาได้
ตึกตัก!
ตึกตัก!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นกระหน่ำอย่างรวดเร็ว จนแทบจะหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว!
แต่เมื่อมาคิดดีๆ แล้ว เรื่องนี้ก็มีความสมเหตุสมผลอยู่
เพราะก่อนหน้านี้นางได้เป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับราชามาตั้งนานแล้ว
ภายในสมองของนางได้จดจำค่ายกลจำนวนนับไม่ถ้วนเอาไว้แล้ว
ซึ่งในเรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่เป่า
หากไม่ใช่เพราะเขา นางไม่มีทางเดินมาถึงจุดนี้ได้เร็วขนาดนี้แน่นอน
ความคิดหนึ่งของฉู่หลิวเยว่ปรากฏขึ้น
ลำแสงสุดท้ายก็ลอยออกไปเบาๆ จากนั้นก็เชื่อมโยงกับค่ายกลส่วนสุดท้ายเอาไว้แล้ว!